กาญจนบุรี ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ทริป 2 วัน 1 คืน...
DAY 1
ทริปนี้เราจะเดินทางด้วยการขับรถไปเองล่ะกัน เพื่อเป็นการประหยัดเวลา วันหยุดมีน้อย ก็ใช้น้อยๆ ไปล่ะกัน TT โอเคเริ่ม ออกเดินทางจาก กทม. ประมาณ 9.00 น. และเมื่อมันเป็นวันหยุดยาว รถขาออกก็ติดตามระเบียบเลย กว่าจะถึงกาญจนบุรี ก็ปาไปเที่ยงกว่าล่ะ แต่ไม่เป็นไรเราถือซะว่าเราได้กินข้าวเที่ยงพอดีเลยล่ะกัน เราแวะกันที่ Keeree Mantra Restaurant (คีรีมันตรา) พิกัด: https://goo.gl/maps/XQk5aXogp6N2
ภาพแรกที่เห็นคือ ร้านใหญ่เกินไปป่าวนะ คือปกติเน้นกินข้าวราดแกง วันนี้เกิดอยากจะกินร้านอาหารขึ้นมา แต่พอเข้าไปแล้ว ก็คือใหญ่กว่าที่คิดอีกค่า สวยมาก ใดใดคือแม้จะคนเยอะแค่ไหนเราก็รอกาหารไม่นาน พนักงานน่ารักมากๆ ราคาอาหารก็คือปกติของร้านอาหารแหละ ไม่ได้แพงเกินไปนะ เมนูที่ประทับใจ คือแหนมหมูทอด กับยำถั่วพลูอร่อยมาก อร่อยสุดๆ (สั่งเดาๆ ไปด้วยนะ ไม่ได้ถามเมนูแนะนำอะไรร้านเลย ^^")หลังจากกินข้าวเสร็จและจ่ายตัง พนักงานจะนำคูปองเข้าชมแคคตัสมาให้ ซึ่งเราสามารถเดินต่อไปยัง CHAN nature cafe' ได้เลย (อยู่ด้านหลังของคีรีมันตรานะคะ) คือจะเป็นทั้งคาเฟ่ และซื้อแคคตัสได้ด้วย แต่ในส่วนของคาเฟ่เรานั่นไม่ได้เข้าไป ทางเราพุงตัวไปที่แคคตัสแบบด่วนๆ แล้วคือสวยทุกมุม สวยทุกจุด ใดใดคือมีขายต้นแคคตัสด้วยนะคะ ^^ พิกัด: https://goo.gl/maps/oC6akTPtDDNhps5r8
มุมถ่ายรูปมีมากมาย เลือกได้เลยค่ะ ใครชอบถ่ายรูปต้องห้ามพลาดที่นี้เลยนะคะ อ่อและยังมีน้องไก่ น้องห่านให้เราดูด้วยนะคะ มีความน่ารักไปอีก
หลังจากที่เดินวนจนสมใจแล้ว ก็ได้เวลามูฟไปยังที่ต่อไป และที่ที่เราจะไปต่อก็คือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ค่าเข้าต่อคน 20 บาท บวกกับรถยนต์อีก 50 บาท บรรยากาศคือเงียบมาก วันที่ไปคนไปน้อยมาก เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้ไป รู้สึกสงบขึ้นจริงๆ นะ แต่ในใจก็อยากให้แดดออกสักนิด เพราะพอฟ้าปิด รูปที่ได้ก็แอบม่นๆ นิดนึงค่ะ พิกัด: https://goo.gl/maps/TbxANDVBLjr3djRQ8
เมื่อเดินวนจนคิดว่าครบแล้ว บวกกับหมดแรง เราก็พยายามที่จะไปต่อกันที่ ถ้ำกระแซ ไปค่ะ ไปกันต่อ อีกนิดเดียว เพราะ ถ้ำกระแซก็อยู่ไม่ไกลจากอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ^^ มาคิดๆ ดู ทุกครั้งที่ไปกาญ ก็มักจะไปที่นี้เสมอเลย อาจจะเพราะเป็นแลนด์มาร์ครึป่าว หรือเพราะมีอะไรบางอย่างทำให้เราต้องมาซ้ำตลอดก็ยังไม่แน่ใจ...แวะไหวพระ เดินเล่น พิกัด: https://goo.gl/maps/3gRhGXA14XVkHsyt9
เราอยู่ตรงนี้จนถึงเย็น แล้วก็คงได้เวลาต้องไป Check-in ที่พักสักที ไปกาญครั้งนี้เราเลือกพักที่ WesTory ซึ่งเป็นสไตล์ Poshtel ซึ่งก็ลองหาข้อมูลก็พบว่า Poshtel จะเป็นลักษณะคล้ายกับ Hostel แต่จะมีความเหนือระดับมากกว่าและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันมากกว่า จริงๆคำว่า Poshtel มาจากการผสมคำระหว่าง Posh (หรูหรามีระดับ) และ Hostel (โฮสเทล) เพื่อความเข้าใจง่าย ก็คือเป็นโฮสเทลในรูปแบบพรีเมี่ยมนั่นเอง ขอบคุณข้อมูลจาก SME tips ขอบคุณค่า การพักครั้งนี้เราเลือกเป็นห้อง Type Family Room (ห้องครอบครัว/ห้องน้ำในตัว) ค่ะ เพราะไปกัน 4 คน เลยจองห้องใหญ่ห้องเดียวไปเลยค่ะ ภาพรวมของ Poshtel ดีมากนะคะ ข้างล่างมีคาเฟ่ด้วย แต่ด้วยเรามา Check-in ค่ำแล้ว คาเฟ่เลยปิด ^^" อ่อ ที่นี้สามารถ Check-in ได้หลังบ่าย2 จนถึงเที่ยงคืนนะคะ มีที่จอดรถ ทุกอย่างสะดวก ปลอดภัย เหมือนพักโรงแรมปกติเลยค่ะ พิกัด: https://goo.gl/maps/17WqYaV6XLKoHtW77 สำหรับราคาห้องใหญ่ที่เราจองใน agoda คือ 2,225 ถ้าจำไม่ผิดนะคะ จองทิ้งไว้ก่อน แล้วมาจ่ายเงินวันเข้าพักจริง ดีสุดๆ หลังจากที่เข้าที่พักเรียบร้อย ประมาณ 2 ทุ่มกว่า เราก็หิวขึ้นมาอีก ความพีคคือ ครัวที่พักปิดไปแล้ว เอาล่ะ ปฎิบัติการหาของกินจึงเริ่มต้นขึ้น แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีร้านซูซิอยู่ติดๆ กับที่พัก ติดแบบติด อยู่ข้างๆ กันเลยค่ะ ก็เลยลองวัดดวงเข้าไปกินดู ร้านชื่อว่า Chu-toa (Chu-toa Sushi House ชูโตะ ซูชิ) พิกัด: https://goo.gl/maps/fXyTBCfHEvCFcKUq7 ราคาดีด้วย เซตซูซิ 590 บาท เนื้อปลาต่างๆ คือหนามากแบบให้มาชิ้นใหญ่เต็มคำ อร่อยมากกกก ส่วนชุดข้าว 120 บาท ซอสก็คือดี สรุปอร่อยทั้ง 2 อย่าง เลิศ พี่เจ้าของร้านน่ารัก แนะนำเมนู แนะนำโปรโมชันอย่างดี กินอิ่มจ่ายตัง เดินกลับที่พักแบบไม่เหนื่อย พร้อมนอนกันไปเลย สุดยอด เยี่ยมมากจบแล้วค่ะ สำหรับ DAY1 ของเรา อันนี้เราขับรถไปเรื่อยๆ นะคะ ไม่ได้ฟิกเวลาอะไรมากมายนัก กะว่าทันก็ทัน ไม่ทันก็ไม่เป็นไร แต่แค่รู้สึกว่ารอบนี้มาแล้ว อยากจะวนดูให้ทั่วๆ งันก็ต่อกันด้วย DAY2 เลยนะคะ
---
DAY2
เช้าวันใหม่ในกาญจนบุรี ก็เริ่มต้นด้วยความหิวอีกเหมือนเดิม อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลองเสิร์ชหาของกินอีก และก็ไปเจอกันร้านติ่มซำ ห้องอาหารสบายจิต ที่คะแนนรีวิวดีมากอยู่อันแรกสุด ซึ่งข้ามถนนจากที่พักไปแล้วเดินต่อ 80 เมตรถึงเลย เลิศ ใกล้ไม่พอยังอร่อยอีก ประทับจิตประทับใจ พิกัด: https://goo.gl/maps/ZcJpLgEGnWWPFHxv9 ใครไปกาญอย่าลืมแวะไปนะคะ จริงๆ ในร้านมีอาหารเยอะมาก มีทั้งอาหารเช้า ไปจนถึงข้าวแบบจุกๆ อ่อมีเป็ดย่างด้วยนะคะ แต่ตอนไปยังเช้าอยู่ เป็ดยังย่างไม่เสร็จ TT
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เดินกลับที่พักแต่ด้วยความบังเอิญตอนเล่นโทรศัพท์ก็ไม่เจอกับสตรีทอาร์ต และใช่ค่ะอยู่ใกล้ๆ ที่พักอีก เดินย้อนมากอีกทีหลังจากที่เรากินติ่มซำเสร็จ เดินให้เลยเซเว่นมานะคะ อยู่ตรงร้านก๋วยเตี๋ยวและข้าวหมูแดง เดินถ่ายรูปอาร์ตได้อีกค่ะ พิกัด: https://goo.gl/maps/ebzZ7ekPoXyd1YgN6หลังจากเดินถ่ายรูปเล่นๆ กันเสร็จแล้ว เราก็ Check-out ออกจากที่พัก เพื่อจะไปยังสถานที่ถัดไปนั่นก็คือ โรงงานกระดาษไทยกาญจนบุรี ตึกเก่าที่ปิดตัวไปเมื่อสงครามโลกครั้งที่2 ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ส่วนบุคคลที่ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวอย่างเราได้เข้าไปสัมผัส แม้ว่าจะเข้าไปภายในอาคารไม่ได้ เพราะเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย แต่เราก็ยังสามารถมองผ่านช่องหน้าต่างประตูเข้าไปดูความเก่าของอุตสาหกรรมนี้ได้อยู่ ซึ่งเครื่องจักร์ก็ยังคงความสมบูรณ์และวางอย่างยิ่งใหญ่อยู่ พิกัด: https://goo.gl/maps/7jaUTBTiHxmFyG9XA
โรงงานกระดาษคือสถานที่ที่ถ้ามากลางวันจะวินเทจมาก มุมถ่ายรูปเยอะมาก แต่พอลองคิดว่าถ้ามากลางคืน เราคงต้องเปลี่ยนมาเข้าสู่รายการล่าท้าผีรึป่าว อันนี้ก็ได้แต่แอบคิด เพราะด้วยความเก่าและสถานที่ที่ร้างไปแล้ว การจะมีความคิดแบบนั่นเข้ามาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก จากนั้นเราก็ตรงไปยังสะพานข้ามแม่น้ำแควกันต่อ อีกจุดที่มาทุกครั้งจะต้องแวะมาทุกครั้ง มาดูรถไฟที่จะผ่านสะพานนี้กัน มาทุกครั้งนักท่องเที่ยวก็ยังคงเยอะทุกครั้ง ทำให้ครั้งนี้เราเลยได้แต่หลบออกมาแล้วไปดูรถไฟอยู่ไกลๆ แทน พิกัด: https://goo.gl/maps/svmVwwXavqJcCFHcAและด้วยวันหยุดยาวที่ทำให้นักท่องเที่ยวมาตรงสะพานเยอะ ทำให้เราต้องมูฟออกไปเร็วหน่อย ทำให้เราเดินผ่านไปเจอกับ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2 แบบบังเอิญ เพราะว่าเราไม่ได้หาข้อมูลสถานที่นี้มาเลย มาถึงก็เลยลองเข้าไปดู ค่าเข้าชมคนล่ะ 50 บาทนะคะ ภายในมีประวัติและของใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 ค่อนข้างจะเยอะเลยค่ะ มีรูปปั้นที่ชวนอึดอัดตาม มีห้องจัดแสดงกระดูกเชลย (อันนี้เราไม่ได้ถ่ายรูปมาเรากลัว เพราะตลอดการเดิมชมคือขนลุกอยู่เป็นระยะ) พิกัด: https://goo.gl/maps/zSyNULP9r71x4i2e9 เราไม่ได้ถ่ายภาพรวมทั้งหมดมาให้ เพราะบางจุดเราว่ามันน่ากลัวจนแบบขอดูอย่างเดียวพอดีกว่าค่ะ ^^"แต่ยังไงถ้าทุกคนผ่านไป ก็อยากจะชวนไปแวะชมประวัติศาตร์ที่นี้นะคะ ที่ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่2 มันคือประวัติศาสตร์ที่เราก็ยังคงเห็น และเหมือนจะสัมผัสได้กลายๆ ค่ะ
เอาล่ะหลังจากผ่านความอึดอัด เราก็จะไปหาความสบายจิตสบายใจกันต่อที่ วัดถ้ำเสือ วันที่รีวิวต่างๆ ได้แนะนำเอาไว้มากมาย วันนี้แหละเราจะได้ไปชมแล้ว ไปกัน และพอมาถึง โอเคบันไดจัดเต็มมาก แต่พอขึ้นบันไดไปถึงเราจะพบกับพระองค์ใหญ่สวยงามมาก เป็นวัดที่สวยและอลังกาลอีกวัดเลยค่ะนอกจากพระองค์ใหญ่แล้ว เราสามารถขึ้นไปดูพระในยอดเจดีย์ได้อีกนะคะ แต่ด้วยบันไดวนที่มีจำนวนหลายชั้น ทำให้เราไม่สามารถขึ้นไปถึง เพราะสภาพร่างกายเราไม่เอื้อในวันนั่น แต่ถ้าเพื่อๆ น่าก็อยากชวนขึ้นไปนะคะ เพราะน้องสาวเราบอกว่าข้างบนสวยมากค่ะ พิกัด: https://goo.gl/maps/jgeMhbMYhT1GY2KT8
ใกล้ๆ กันมีต้นจามจุรียักษ์อยู่ด้วย นี้จะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้ไปดู เพราะไปกาญกี่ครั้งๆ ก็ไม่เคยได้ไปสักที พอได้ไปดูจริงๆ เรารู้สึกดีนะ ต้นไม้ที่ใหญ่และอายุยืนขนาดนี้ยังมีให้เราได้เห็นในตัวเมืองใกล้ ภายใต้ร่มไม้ที่กว้างขวาง มันทำให้เราสามารถนั่งมองได้นิ่งๆ เกือบชั่วโมงเลย พิกัด: https://goo.gl/maps/ZrZjxzPrY8rLRbEk6
ใกล้ๆ กันมีตลาดด้วยนะคะ เผื่อใครหิวแวะชิมขนมได้ก่อน แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปตลาดมา ^^"
หลังจากเดินชมทั้งวัดและต้นจามจุรียักษ์กันจนหมดแรง เราก็หิวขึ้นมากอีกแล้วค่ะ และด้วยคาเฟ่ตามรีวิวคนเยอะมาก เราเลยลองเปลี่ยนไปหาคาเฟ่คนน้อยๆ นั่ง ซึ่งก็ไปเจอกับ ฮักเขาคาเฟ่ ซึ่งถ้ากลับจากวัดจะเป็นทางผ่านด้วยค่ะ บรรยากาศร้านดีมาก ลมพัดเย็นๆ สบายๆเราเลยลองสั่งชนเย็น ยำไหลบัว ทอดมันหัวปลี แล้วก็ไอติมกระทิ แล้วทุกอย่างที่สั่งมา คือ อร่อยทุกอย่าง แบบทุกอย่างจริงๆ ค่ะ พิกัด: https://goo.gl/maps/nABEQQZuojbXXfut5
กินอิ่มพอมีแรง เราก็ขับรถกลับ กทม. กัน เป็น 2 วัน ที่เที่ยวกาญได้แบบเยอะมากอยู่นะคะ เดินเยอะมากจนปวดขา แต่สนุกดีนะ นานๆ จะได้ออกมาเที่ยว เพราะบางทีเราก็ติดบ้านมากเกินไปแล้วหลังจากโควิดมา นี้น่าจะเป็นทริปที่ออกมาไกลสุดจาก กทม. ตั้งแต่โควิดซาๆ ด้วย สำหรับใครที่ผ่านมาอ่านรีวิวนี้ เราแปะพิกัดไว้ให้ด้วย เรียงลำดับตามนี้ขับรถไม่เหนื่อยมากเท่าไรนะคะ ^^ ไว้จะมาอีกนะเมือกาญ เมืองที่จะไปกี่ครั้งก็ไม่น่าเบื่อจริงๆ