ε٩(๑> ₃ <)۶з ... 72 ชั่วโมงหนีกรุง (โฮจิมินห์-ดาลัด-มุยเน่)

 

     ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่โลกออนไลน์ ที่พร้อมจะเที่ยวไปกับเรา  มนุษย์เงินเดือน 5 ชีวิต หนีกรุง  ด้วยทริป  4 วัน 3 คืน วันนี้ผมจะมาถ่ายทอดประสบการณ์ ให้ทุกท่าน ไม่ว่าจะดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือที่กำลังดูผ่านมือถือ ในขณะนี้  ก่อนที่จะสไลด์หน้าจอเลื่อนลง ขอให้ทุกท่านจินตนาการไปพร้อมกับเรา  เสมือนว่าตอนนี้กำลังจะเดินข้ามถนน  ผ่านหน้ารถมอเตอร์ไซค์นับร้อยที่เร่งมาด้วยความเร็วสูง พร้อมกับเสียงแตร ปรี๊ด ปราด ทำเอาผมเดินไม่ถูกเลย  ขาสั่น ยิกๆ มองไปทางไหน ก็มีแต่รถมอเตอร์ไซค์ กว่าจะข้ามได้ ถึงขนาดต้องวัดใจกันเลยทีเดียว  

    หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายมาได้ไม่นาน ปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ พูดถึงทริปนี้ เรื่องกินต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่รสชาติที่ยอดเยี่ยม  หรือ หน้าตาอาหารที่เย้ายวนชวนให้น้ำลายไหล  เอาเป็นว่า พออาหารได้สัมผัสกับลิ้น เท่านั้นแหละครับ  ปุ่มรับรสเรียงคิวต่อแถว กำลังรอ รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสหวาน มาสัมผัสสักนิด เฉี่ยวๆ สักหน่อย ก็ยังพอเป็นพิธี  คือนี้รสชาติแบบ  ฟังปากนิชา นะ เค๊อะ  ....   จืด มากกกก  มาดูกันว่าทริปนี้ผมสรรหาอะไรมากินกันบ้าง อะไรที่ควรสั่งกิน หรือ อันไหนไม่ควรสั่งเด็ดขาด  ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่งั้นคุณจะรู้สึกยิ่งกว่าโดนผีหลอก  ..... ปล.(โปรดใช้วิจารณญาณในการลิ้มรส )

 ไม่ควรสั่งอย่างยิ่งครับ  

ไม่ควรสั่งเด็ดขาด

    ก่อนจะออกเดินทาง ผมขอกล่าวคำว่า สวัสดี เป็นภาษาเวียดนาม “ ซินจ่าว “ และรายละเอียดทริป สักนิดเพื่อเตรียมความพร้อม วันแรกเดินชมตัวเมืองโฮจิมินห์ วันที่สองขี่มอเตอร์ไซค์ท่องไปในดาลัด วันสุดท้าย เดินย่ำทรายที่ มุยเน่  แผนที่การเดินทางครั้งนี้ ผมทำให้ดูเรียบร้อยแล้วนะครับ ใต้ข้อความด้านล่าง 

   เรามาชมบรรยกาศโดยรอบของตัวเมืองโอจิมินห์ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวีถีชีวิตแบบดั่งเดิม ถึงกาลเวลาจะเปลี่ยนไป ความเจริญรุ่งเรื่องแค่ไหน  แต่ด้วยประเทศเวียดนามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผมก็ไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกเป็นตัวอักษรได้ ผมขอให้ภาพถ่าย  ได้เล่าเรื่องราวครับ  

   ก่อนที่จะเริ่มทัวร์วันที่สอง ผมขอแนะนำฮีโร่ ชาวเวียดนามคนนี้ครับ ขอเรียก นามสมมติว่า พี่เบิด ล่ะกัน  ที่มาของชื่อพี่เบิดคือ พี่คนนี้จะพูดอังกฤษสำเนียงแปลกๆ ซึ่งคำที่พวกเราฟังแล้ว หันมองหน้ากันคือคำว่า เบิด สเตชั่น(Bus Station) , สลีฟ เบิด(Sleep Bus) พี่เบิดเป็นบริษัททัวร์ ที่พวกเราได้ลองเสี่ยง ในการซื้อทัวร์ครั้งนี้ ตอนนั้นก็ไม่รู้จะหมู่ หรือ จ่า จะโดนหลอกหรือเปล่าไม่รู้ ด้วยที่เราไปกัน 5 คน ความกลัวก็มาทีหลัง เลยเป็นจุดเริ่มต้นของความประทับใจ  อย่างไม่มีวันลืมของทริปนี้  มีการต้อนรับอย่างดีถึงจุดหมายด้วยความราบรื่น   ความทรงจำของทัวร์พี่เบิด ได้เกิดขึ้น

โฮจิมินห์ -  ดาลัด  


1.ตั๋วจากโฮจิมินห์ไปดาลัต 
2.ค่า Taxi จากตัวเมืองดาลัตเข้าโรงแรม
3.ค่า Taxi จากโรงแรมไปท่ารถ เพื่อไป มุยเน่
4.ค่าตั๋วจาก ดาลัต ไป มุยเน่
5.ค่า Jeep Car รับจากท่ารถของ มุยเน่พาเที่ยว 3 ที่ คือ ทะเลทรายขาว,ทะเลทรายแดง,แฟรี่
6.ค่าตั๋ว มุยเน่ กลับ โฮจิมินห์
ทั้งหมดนี้พี่เบิด คิด 1260 ต่อคนครับ

@Calla lily Villa Hotel

    ทริปวันที่สองได้จบลง ....  พร้อมความประทับใจหลายอย่าง ถือได้ว่าเป็นการมาที่ได้เปิดสายตาให้มองอย่างกว้างไกล ด้วยการขึ้น Cable Car ที่วัดตั๊กลัม ได้เห็นตัวเมืองดาลัตในมุมสูง ท่ามกลางธรรมชาติป่าไม้ที่เขียวขจี ของต้นสนเขตหนาว ขึ้นเรียงยาวตามแนวเขา แค่ช่วงเวลาเกือบ 20 นาที ด้วยระยะทาง 2.3 กิโลเมตร ที่นั่งอยู่ใน Cable Car สามารถสร้างความประทับใจให้กับเราอย่างเกินคุ้ม 


     ทริปวันสุดท้าย .....มุยเน่ จากการเดินทางโดยรถบัส ขึ้นจาก ดาลัด - ปลายทาง มุยเน่  อย่างที่ผมได้บอกไป ผมโชคดีที่ได้เจอ  ทัวร์ของพี่เบิด ซึ่งทุกช่วงของการเดินทางจะมีรถมารอรับส่งเราตลอดทริป  วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สร้างความตื่นเต้นให้เราตั้งแต่ต้น จนจบวัน  หนุ่มเวียดนาม คนนี้เลยครับ  ที่ขับรถ Jeep คันสีเขียว มารอรับพวกเราไปทะเลทราย    

 บรรยากาศไม่ใช่เป็นเพียงคำพูดหรือสิ่งที่สัมผัสได้แต่ทางร่างกายเท่านั้น แต่เป็นสภาพแวดล้อมที่สัมผัสได้ทางใจ ซึ่งมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของจิตใจ  บางครั้งลองถามตัวเองดูว่า บรรยากาศแบบไหนที่เราอยู่แล้วมีความสุข  เผื่อว่าการออกไปสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆ เราจะได้แรงบันดาลใจกลับมา


     ปิดทริป 72 ชั่วโมงหนีกรุง (โฮจิมินห์-ดาลัด-มุยเน่)   ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบการวางแผนก่อนการท่องเที่ยว เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนให้ผมรู้ว่า  " การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา "   ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ผมยึดเป็นแนวทางมาเสมอคือของกฎเหล็กของการเที่ยว มี 5 ข้อ  1. จะไปที่ไหน   2. ไปเพื่ออะไร  3. ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง  4. เรื่องความปลอดภัย  5. ทบทวบใหม่ ข้อ 1-4 
     ก่อนจะลากันไป ขอขอบคุณผู้ร่วมชะตากรรมทั้ง 5 ชีวิต เพื่อนร่วมทริปการเดินทางในครั้งนี้ ที่ก้าวท้าวไปพร้อมกัน แม้ไม่รู้ปลายทางจะเป็นเช่นไร ก็ยังมีเสียงคอยปลอบใจเดี๋ยวก็ถึง