ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
แวะเที่ยว เยี่ยม ชม โรงเรียนบ้านขุนสมุทร วัดขุนสมุทรจีน และป่าชายเลน แหลมฟ้าผ่า บ้านขุนสมทุร พระสมุทรเจดีย์ สมุทรปราการ
    • โพสต์-1
    Taya@ •  กันยายน 06 , 2564

    เบื่ออออออ >>> โควิด แต่เราจะไป >>> ทำดีกัน

    ยอมรับโดยดีว่า "เบื่อ ออออ" โควิด - 19 

    แต่ในเมื่อมันเกิดมาอยู่กับเราในโลกนี้แล้ว ก็ต้องยอมรับ ต่อสู้ ป้องกัน และรักษากัน >> ต่อไป  

    จะมัวแต่ ... นั่งเบื่อ นั่งเซ็ง อยู่ไปใย งานก็ Work From Home  เงินลด คนว่างงาน - ตกงานกันเยอะแยะ เราพอจะรวบรวมสรรพกำลัง ระดมทุนของเจ้านาย เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และเพื่อนๆ ขันอาสา หาซื้อสิ่งของไปบริจาค ช่วยเหลือคนที่กำลังทุกข์ใจ ต้องกักตัวเพราะโควิด - ขาดแคลนอาหารเครื่องดื่ม - เสริมเพิ่มกำลังใจให้คนที่หายป่วย เป็นเป้าหมายหลัก ส่วนเป้าหมายรองคือ ออกจากบ้าน ท่องเที่ยว ให้ผ่อนคลายหายจากอาการลงแดงเพราะหยุดเที่ยวมาเกินครึ่งปี 

    ครั้งนี้ ขออนุญาตเอารูปเก่าบ้าง รูปใหม่บ้างมาลง เพราะไปที่บ้านแหลมฟ้าผ่าหลายรอบ และไปก่อนโควิด-19 จะระบาดหนัก และยังไม่มีผลกระทบ บางรูปจึงไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัยกันนะจ๊ะ ^^ 

    ได้รับข้อความจากอาจารย์มยุรีย์ ผู้อำนวยการนักพัฒนาของโรงเรียนบ้านขุนสมุทร ส่งข่าวว่าคิดถึง จึงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ได้ทราบว่าตอนนี้แม้โรงเรียนจะไม่เปิดทำการเรียนการสอน แต่คุณครูก็มาทำงาน แม้ช่วงสถานการณ์โควิด ระบาดอย่างรุนแรงก็ต้องสลับผลัดเวรกันมาโรงเรียน และต้องสอนเด็กๆ ผ่านระบบออนไลน์ เครื่องอุปโภค-บริโภคก็ร่อยหรอ ว่าแล้วก็ขอทุนสนับสนุนจากเจ้านาย เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นัดแนะวันไปส่งมอบของ เช่น ข่าวสาร อาหารแห้ง เครื่องปรุง และอาหารไก่ เพื่อเป็นอาหารกลางวัน และจัดส่งไปให้ครอบครัวนักเรียนที่อยู่ใกล้ๆโรงเรียนด้วย

    เราตั้งต้นกันที่ซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ แล้วมุ่งหน้าขึ้นทางด่วนไปสะพานภูมิพล 1 เพื่อออกเส้นถนนสุขสวัสดิ์ และตรงไปอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เลี้ยวขวาไปเส้นทางเดียวกับป้อมพระจุลฯ และเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อไปยังที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ ก่อนพุ่งตรงไปยังโรงเรียนบ้านขุนสมุทร ตำบลบ้านแหลมฟ้าผ่า 

    เส้นทางไม่ได้ซับซ้อน แต่จะ งง งง นิดหน่อยที่พอเลยที่ว่าการอำเภอไปทางวัดสาขลา  ผ่านร้านอาหารครัวปูหลน ร้านอาหารครัวช้อนทอง และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนทางหลวงชนบท 3081 เจอถนนดินแดงติดบ่อปลาของชาวบ้าน ไปต่อตามเส้นทางเพื่อสุดทางที่รถจะไปต่อได้

    และต้องมารอรถสามล้อเครื่องของวัดขุนสมุทรจีนมารับถ้าอยู่ในช่วงสถานการณ์ปกติ แต่ตอนที่เราไป (รอบนี้) ทางวัดปิดไม่รับนักท่องเที่ยว จึงได้ ผอ.มยุรีย์เป็นคนประสานหารถมารับทั้งคนและของไปได้ เพราะถ้าจะให้เดินเข้าไปเองคงเล่นเอาหอบ ปกติต้องนั่งรถเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร และเดินต่ออีก 400 เมตร จึงจะถึงโรงเรียน เหอะเหอะ

    พี่ใหม่ สาวแกร่ง จะเป็นคนที่ขับรถสามล้อเครื่องมารับ-ส่งนักท่องเที่ยวไปยังวัดขุนสมุทรจีน หากสถานการณ์ดีขึ้น นักท่องเที่ยวสามารถเรียกใช้บริการของพี่ใหม่ได้เลย รับรองพี่ใหม่ไม่พาซิ่งให้หวาดเสียวแน่นอน ^^

    สองข้างทางก็จะมีบรรยากาศดีคอยต้อนรับ สามารถสูดดมกลิ่นไอทะเลและกลิ่นป่าชายเลนได้เต็มปอด 

    การเดินทาง ถ้าไม่อยากจะขับรถมา สามารถนั่งเรือหางยาวมาได้ และต้องมาสิ้นสุดตรงท่าเรือวัดขุนสมุทรจีน เป็นที่เดียวกับที่รถจอดอยู่บนสะพานเช่นกัน

    พอมาถึงจุดทางแยก วัดขุนสมุทรจีนจะเลี้ยวขวา ทางซ้ายจะเข้าไปที่โรงเรียนบ้านขุนสมุทร 

    ทางเข้าโรงเรียนต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 400 เมตร ผ่านสะพานปูนและสะพานไม้ และบ้านเรือนของชาวบ้านที่ทำประมงไม่กี่หลังคาเรือน เดินสบายๆ เพราะมีร่มไม้โกงกาง และไม้ป่าชายเลนที่ขึ้นเต็มสองข้างทาง ทำให้อากาศไม่ร้อน เดินได้ชิวๆ 

    ความน่าสนใจของการมาเยี่ยมเยือนครั้งนี้ เป็นเพราะเมื่อปลายปี 2563 ได้ค้นหาโรงเรียนที่จะเข้าโครงการจิตอาสาของบริษัทฯ จึงพบว่าโรงเรียนบ้านขุนสมุทร เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็ก มีคุณครูและบุคลากรทางการศึกษาอยู่เพียง 5 คน ในขณะเดียวกันนักเรียนก็มีกันอยู่เพียง 5 คน เช่นกัน (ความเป็นจริง มีนักเรียน 4 คน และเตรียมอนุบาล 1 คน) ซึ่งโรงเรียนประสบปัญหาเรื่องงบประมาณอาหารกลางวันที่ได้รับการสนับสนุนโดยคิดเป็นรายของนักเรียนคนละ 20 บาท อาจารย์มยุรีย์ คนเจน ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านขุนสมุทร คนเก่งและแกร่ง ที่เข้ามาพัฒนาและช่วยเหลือนักเรียน รวมถึงครอบครีวของนักเรียนด้วยเช่นกัน 

    ที่นี้ Wi-Fi ยังแรงดีอยู่  อาคารและห้องเรียนได้รับความอนุเคราะห์จากทีมจิตอาสาของบริษัทต่างๆ มาช่วยกันทาสีทำให้โรงเรียนของเราน่าอยู่มากขึ้น ^^

    ห้องสมุดเล็กๆ ที่มีความพร้อมจะให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ จากสภาพอาคารเรียนทำให้รับรู้ได้ว่า โรงเรียนแห่งนี้เคยมีนักเรียนจำนวนมากหลายร้อยคนมาก่อน แต่ด้วยสภาพปัจจุบันที่ผู้ปกครองมีกำลังและสามารถส่งลูกให้ไปเรียนที่โรงเรียนขนาดใหญ่ได้ ทำให้นักเรียนในปัจจุบันมีอยู่แค่ 4 คน 

    ปัญหาที่ทางโรงเรียนประสบคืองบประมาณอาหารกลางวันสำหรับเด็กๆ แม้อาจารย์จะคิดหาวิธีการแก้ไขเฉพาะหน้าไป แต่ยังต้องการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน จึงมีโครงการเลี้ยงไก่ไข่ และเพาะเห็ดเพื่อนำมาใช้ประกอบอาหาร ความโชคดีของที่นี้ คือ มีอาหารทะเลแบบไม่อั้น ทำให้พอจะกล้อมแกล้มไปได้ แต่สิ่งที่ตามมาคือ อาหารไก่ที่ค่อนข้างแพง หลังจากไข่ที่เหลือจากการกินในแต่ละวันก็สามารถเอาไปขายเพื่อทยอยเก็บออมเงินนำเงินมาซื้ออาหารไก่ได้ 

    หลายอย่างเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของคณะครูและบุคลากรของโรงเรียน ซึ่งเป็นผู้หญิงสาวเก่งและแกร่งทั้ง 5 คน และการบริจาคจากหน่วยงานหรือบริษัทเอกชนต่างๆ 

     

    ในการไปสำรวจที่แรก เตรียมเมล็ดผักเพื่อให้นักเรียนได้ปลูกทานกัน แต่ด้วยสภาพดินและน้ำที่อยู่ติดทะเล ทำให้เมล็ดพันธุ์ผักเติบโตได้อย่างกระท่อนกระเแท่น และได้กลายเป็นสื่อการสอนให้กับเด็กๆ ไป 55555

    อาจารย์มยุรีย์ เล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟัง และสิ่งหนึ่งที่เป็นแนวทางและหลักในการทำงานของการเป็นผู้อำนวยการ คือ การชื่นใจและยินดีทุกครั้งที่มีพวกเรากลุ่มจิตอาสาหรือนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมและรับฟังพูดคุยกับคุณครูและเด็กๆ สอบถามสารทุกข์ว่าอยู่กันอย่างไร?? ท้ายสุดคือเพื่อเป็นกำลังใจให้กับด็กๆ และคณะครู โดยไม่ได้ต้องการแค่ความสงสาร 

    หากเรามีจิตใจที่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเมล็ดพันธ์ุของเยาวชนของชาติ เพียงกำลังทรัพย์เล็กๆน้อยๆ ไม่มากมาย หรือการเยี่ยมชมที่สื่อสารเป็นกำลังใจให้กับพวกเขา ผู้ที่หลายๆ คน อาจลืมเลือนไป

     

             
    • โพสต์-2
    Taya@ •  กันยายน 07 , 2564

    นัดเลี้ยง

    เป็นเพราะเด็กๆ ไม่ค่อยได้ลองลิ้มชิมพิซซ่า และไก่ทอด KFC น้านนานกว่าจะได้มีโอกาสกิน อาจารย์มยุรีย์จึงกระซิบบอกว่า เรามาแลกกัน อาหารทะเล กุ้งหอยปูปลา กะ พิซซ่า อันไหนจะอร่อยกว่ากัน ^O^

    ว่าแล้ว จัดไปเต็มๆ พิซซ่า ไก่ KFC เบอร์เกอร์ และขนมนมเนย พร้อมชุดนักเรียนครบชุด ให้เด็กๆ อิ่มหนำกัน 

    สนุกเค้าหละ เห็นเด็กๆ กินอย่างเอร็ดอร่อยก็อิ่มใจ 

    เสร็จภารกิจที่โรงเรียน พวกเราพากันมาเดินเล่ยที่วัดขุนสมุทรจีน เพราะเป็นโบราณสถานที่น่าสนใจแห่งหนึ่งของตำบลแหลมฟ้าผ่า

    ออกมาจากโรงเรียนเดินเข้าซุ้มประตูวัด เพราะบรรยากาศดี แดดไม่ร่มแต่ลมตก ไม่มีฝน จึงขอเดินเล่นชิวๆ ชมทิวทัศน์

    ประวัติของหมู่บ้านขุนสมุทรจีน เป็นอะไรที่น่าทึ่ง เพราะเป็นสถานที่เก่าแก่และมีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับภัยธรรมชาติของน้ำทะเลในการกัดเซาะทำให้แผ่นดินหายไป ++++ ยังเห็นเสาไฟฟ้าเป็นแนวในน้ำทะเล ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ยิ่งรับรู้เรื่องราว ยิ่งขนลุก

    ในช่วงเวลาปกติ ภายในวัดจะมีร้านอาหารรองรับนักท่องเที่ยว และ 1 ในนั้นคือร้านของพี่ใหม่ ที่เราสามารถเข้าครัวเตรียมทำอาหารเองได้ ไม่ว่าจะเป็นส้มตำ ทอดปลา หรือแกง เพราะพี่ใหม่บอก ตามสบายเพราะบางช่วงพี่ใหม่ต้องไปส่งและรับนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมเยือน ใครรอได้ก็รอ 5555 แต่ถ้ารอไม่ได้ก็เข้าครัวมาทำไปพลางๆ ได้เลย ^^

    เดินเข้ามาในวัดจะเห็นช่างกำลังสร้างศาลาไม้สัก แต่เตรียมสร้างโบสถ์ไม้สัก ตามแบบจำลอง ซึ่งเบื้องหน้าคือโบสถ์หลังเดิมที่โดนน้ำท่วมไป และที่ชาวบ้านเรียกกันว่า "โบสถ์จมน้ำ"  

    ภายในโบสถ์ยังสามารถเข้ามากราบไหว้สักการะหลวงพ่อปากแดงที่เป็นพระประธานได้

    ถัดจากโบสถ์แล้ว จะเจอศาลาไม้ริมทะเล และมีพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเด่นสง่าหันหน้าไปทางทะเล ด้านข้างเป็นเก๋งจีนที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม

    สบายใจไปกับการยืนมองทะเล ก่อนกลับได้ของฝากกลับมา ทั้งปลากุ้งและใบชะคราม ขอบอกนำใบชะครามมาทำไข่เจียวใบชะครามอร่อยเด็ด 

    ถึงเวลาร่ำลา คณะครู และนักเรียนรวมถึงพี่ใหม่ที่คอยต้อนรับและให้เป็นกันเองมากมาย บรรยากาศสวยงามทั้งน้ำใจคนและทิวทัศน์ คงเป็นอีกสถานที่จะมาเยี่ยมบ่อยๆ เพระาขับรถออกจากกรุงเทพไม่ถึง 20 กิโลเมตรก็ได้สัมผัสกับธรรมชาติและสูดลมหายใจเพิ่มความแข็งแรงให้กับปอดเพื่อกลับมาต่อสู้กับโควิดได้อีก ^-^