ที่นี่น่าไปจัง... ทุกครั้งที่เอ่ยคำนี้ขึ้นมา มันแปลว่า ทริปใหม่ของเรากำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกแล้ว แล้วที่ไหนหละ...
" แ ม่ ฮ่ อ ง ส อ น " เมืองสามหมอกที่ใครก็อยากไปสัมผัสสักครั้ง เมืองโรแมนติก ที่มีทั้งภูเขา ทั้งหมอก อากาศที่เย็นสบาย แค่คิดก็ฟินแล้วว
เรานั่งอ่านรีวิวว่าจะไปที่ไหนกันบ้าง อยากเที่ยวให้ครบภายเวลาใน 6 วัน 5 คืน (แต่ถ้าจะเที่ยวให้ครบสงสัยคงต้องลาออกจากงาน 555+)
ว่าแล้วก็เก็บกระเป๋าตามมาเลยย...
ช่วงเวลาเดินทางของเราในทริปนี้คือ 20-25 กย. ช่วงปลายฝนต้นหนาว ใช่แล้ว... ช่วงล่าหมอกกก ^^
เราเริ่มออกเดินทางจากกทม. ตอนตี 2 ตั้งใจให้ไปถึงเชียงใหม่ตอนบ่ายๆ นั่งๆนอนๆ ตบตีกันไปในรถ ในที่สุดก็ถึงเชียงใหม่
คืนแรก เราพักที่เชียงใหม่ก่อน เพราะ !!! ทางขึ้นปายใครๆก็รู้จ้า มันต้องเจอโค้ง โค้ง โค้ง และโค้ง และเราคงไม่ไหวแน่ๆ 55555+
เราเลือกพักที่ The Little Siri Hotel (สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าพักได้ด้วยนะคะ) ห้องพักและห้องน้ำสะอาดมากกกก
เช้าวันที่สอง เรารีบออกเดินทางต่อเพื่อไปที่ปาย โดยเลือกไปทางเส้นอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง
คืนนี้เราเลือกพักที่ ทะเลหมอกหยุนไหล เพราะอยากตื่นเช้ามา แล้วเห็นหมอกลอยอยุ่หน้าห้องได้เลย (ฟินสุดๆ ^0^)
ราคาบ้านพัก
ช่วงที่เราไป บ้านราคา 1000 บาทพักได้ 2 คน มีห้องน้ำในตัว (แอบบอก...ราคาอาจปรับขึ้นช่วงเทศกาลจ้า)
ระหว่างที่เดินเล่นถ่ายภาพเพลินๆ นั่งจิบชาเพลินๆ คุยกับคุณลุงที่ดูแลบ้านพัก แล้วเราก็ได้ยินประโยคที่สะเทือนใจที่สุด คุณลุงบอก "ไม่เห็นหมอกหรอกช่วงนี้" (ช้อคค เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ TT)
แต่ไม่เปนไร เราก็ยังแอบๆหวังอยู่ว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีน้องหมอก
และแล้ววว สิ่งที่เราหวังก็เป็นจริง ภาพที่เราเห็นตอนเปิดประตูห้องนั้นน โอ๊ว มายก๊อดดด,,,
" บ้านจ่าโบ " ได้ยินชื่อนี้ หลายคนคงหิวก๋วยเตี๋ยวแน่นอน 5555+ เราจะขับรถผ่านโค้งพันกว่าโค้งไปกินก๋วยเตี๋ยวกัน อยากรู้จริงๆ ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบ วิวหลักล้านจริงไหม
บรรยากาศดีสุดๆ ล้อมรอบด้วยภูเขาเขียวๆ ^0^
มุมห้อยขายอดฮิต
สั่งก๋วยเตี๋ยวมากิน ซดน้ำซุปร้อนๆ นั่งดื่มด่ำวิวภูเขา เข้ากั๊น เข้ากัน
คืนนี้เราพักที่โฮมเสตย์ที่จ่าโบ โดยโฮมสเตย์ของที่นี่จะเป็นบ้านของชาวบ้าน (เราติดต่อจองโฮมสเตย์ไว้ล่วงหน้ากับผู้ดูแลชุมชนไว้แล้ว) แนะนำว่าถ้าใครจะมาพัก ควรติดต่อจองมาก่อนล่วงหน้านะคะ
ราคาบ้านพัก
ราคาที่พัก คิดราคาต่อคน คนละ 200 บาท อาหารมื้อละ 100 บาท/คน (เลือกได้ว่าจะเป็นมื้อเช้าหรือมื้อเย็น)
ที่พักต้องบอกเลยว่าเป็นโฮมสเตย์ที่อยู่ร่วมกับชาวบ้านจริงๆ คือ กินนอนหลังเดียวกับเจ้าของบ้าน ซึ่งแล้วแต่ว่าเค้าจะจัดให้เราพักหลังไหน (เลือกไม่ได้นะจ๊า 555+)
แต่โชคดี เราได้บ้านหลังที่เห็นวิวภูเขา อยู่ฝั่งเดียวกับร้านก๋วยเตี๋ยวเลย
วิวห้องพักคืนนี้ เห็นวิวแบบนี้จากห้องนอนเลย (โอ๊ยย บรรยากาศดีเว่อ )
แถ่นแท๊นน.... เช้าแล้วว เราถูกปลุกด้วยภาพแบบนี้ โอวโหว..ขยี้ตาแรงๆ
รีบหยิบกล้อง ออกมาถ่ายที่จุดชมวิว ....งดงามตามท้องเรื่อง
ถ่ายรูปเล่นกันเพลินๆ รอร้านก๋วยเตี๋ยวเปิด
ร้านก๋วยเตี๋ยวจะเปิดประมาณ 6 โมงกว่าๆ ก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยมาเต็มร้าน
วันนี้เราโชคดีมาก เพราะชาวบ้านบอกว่า ไม่มีหมอกมานานแล้ว เพิ่งมีวันนี้
หลังจากอิ่มตา อิ่มใจ อิ่มท้อง เราก็ออกเดินทางต่อ ....
" บ้านรักไทย " ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 44 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนจะถึงชายแดนไทย-พม่า ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็น ชาวจีนยูนนานหรือจีนฮ่อ
บางมุมเหมือนอยุ่ญี่ปุ่น
รอบๆอ่างเก็บน้ำ จะมีเกสเฮ้าส์ให้เข้าพักหลายราคา
ราคาบ้านพัก
บ้านพักหลังละ 1200 บาท เป็นห้องพัดลม (แต่ไม่ร้อน อากาศเย็นสบายมาก) มีทีวี เครื่องทำน้ำอุ่น และมีอาหารเช้าให้
สำหรับใครที่ไม่ได้มาพักที่นี่ก็สามารถเข้ามาถ่ายรูปเล่นบริเวณไร่ชาได้นะคะ แต่ไม่อนุญาติให้เข้าไปในโซนบ้านพัก
มื้อเย็นของเราวันนี้ สามารถสั่งอาหารทานที่ร้านของลีไวน์ได้เลย ขาหมู หมั่นโถว เมนูเด็ดประจำร้าน
อิ่มแล้ว ได้เวลานอนเอาแรง เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นมาถ่ายวิวอ่างเก็บน้ำตอนเช้า zzZZ
บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ
มุมนี้เหมือนวาปไปญี่ปุ่น
ใครชอบถ่ายรูป ที่นี่เหมาะมากๆๆ เพราะสวยทุกมุมจริงๆ
เดินเล่นถ่ายรูปชิลๆ ซึมซับบรรยากาศเรื่อยๆ ก็ถึงเวลาอาหารเช้าพอดี
เสร็จแล้วก็เก็บกระเป๋าไปเป้าหมายต่อไปป... (ทำเสียงแอคโค่วนิดนึง)
" ปางอุ๋ง " หรืออีกชื่อคือ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 ที่นี่แหละอันซีนแม่ฮ่องสอน เราตั้งใจมาที่นี่มากก
ราคาบ้านพัก
บ้านพักจะเป็นหลัง หลังละ 500 บาท ห้องน้ำในตัว เป็นห้องพัดลมค่ะ แต่อากาศนี่ไม่ต้องพึ่งพัดลมเลย ยิ่งกลางคืนหนาวมาก
บรรยากาศที่นี่ ต้องบอกเลยว่าชิว สบายๆ สบายกาย สบายใจมากๆ
แสงแดดส่องสะท้อนต้นสน บวกกับอากาศเย็นๆ ยิ่งฟินสุดๆ
หมอกจางๆ และควัน (พี่เบิร์ดกล่าวไว้ 5555+)
สวิตเซอร์แลนด์แดนสามหมอก
แปปเดียวก็หมดเวลาสนุกแล้ว เวลาของความสุขมักผ่านไปไวเสมอ ลองพาตัวเองออกจาก safe zone ลองออกไปใช้ชีวิตในมุมที่ไม่เคยใช้ อยู่กับธรรมชาติ ซึมซับธรรมชาติ
เชื่อเถอะค่ะ " การเดินทางแต่ละครั้งทำให้เราได้เรียนรู้อะไรอีกเยอะเลย "