พอบอกว่าจะไป "อุทัยธานี" มีแต่คนตั้งคำถาม ว่าไปทำไม อุทัยมีอะไรหรอ ขนาดไปถึงที่แล้วคนอุทัยยังถามว่า ทำไมถึงมาเที่ยวอุทัย เอาจริง อุทัยธานี แทบไม่อยู่ในลิสหัวเราเลยด้วยซ้ำ ก่อนเดินทางหนึ่งวัน บังเอิญเลื่อนไทม์ไลน์ผ่านๆ เหมือนเห็นกระทู้อะไรสักอย่างแว๊บๆ เลยเข้าไปอ่านดู น่าสนใจ คอนเซปหลักๆ คือ เดินทางไม่ลำบากเพราะไม่มีรถส่วนตัว ในพื้นที่สถานที่ท่องเที่ยวไม่ห่างไกลกันมาก รวมๆสถานที่ดูปลอดภัย งบไม่เกิน 3,000 ที่สำคัญถ้าได้นั่งรถไฟชิวๆไปได้จะฟินมากๆ แต่จะบอกให้รู้ไว้ อุทัยธานี ไม่มีสถานีรถไฟจ้ะ
- การเดินทาง
1.รถยนต์ส่วนตัว
2.รถโดยสารประจำทางปรับอากาศ : สายกรุงเทพฯ-คลองลาน จากสถานีขนส่งหมอชิต 2
มีทุกวันตั้งแต่เวลา 8.00-22.00น.(จากกรุงเทพฯ) จากอุทัยธานี 10.00 - 23.00 น. โทร. 056-511-058,056-511-914
3.รถตู้ (เราไปรถตู้) ขึ้นจากสถานีขนส่งหมอชิต 2 ชานชลาที่ 3 ราคา 150 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม.
4.รถไฟ สามารถนั่งรถไฟมาลงที่สถานีนครสวรรค์แล้วนั่งรถหวานเย็นสีส้มมาลงที่อุทัยได้ ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีข้อมูลจาก : หนังสือ อุทัยฯในอภิรมย์ และ https://www.thai-tour.com/travel/uthaithani
เราถึงอุทัยธานีก็เที่ยงนิดๆ แวะกินข้าวแล้วเดินจากบ.ข.ส. อุทัยไปที่พัก ในแผนที่คือคิดว่า เดินไหว แต่เอาจริงก็ไกลใช่เล่น อุทัยธานี มีวงเวียนเยอะมาก วงเวียนหอนาฬิกา วงเวียนช้าง วงเวียนโดนัลดั๊ก ฯลฯ เราเดินผ่าน 3-4 วงเวียนได้ก็ถึงที่พัก เราพักที่ "ค่ำนี้ที่อุทัย" สำหรับคืนแรก
- ค่ำนี้ที่อุทัย ที่พักที่เราไปพักเป็นสไตล์บ้านไม้เก่านำมารีโนเวทใหม่ อากาศถ่ายเท ที่สำคัญมีมุมถ่ายรูปเกร๋ๆ และใกล้ร้านกาแฟและร้านบะหมี่หลายร้าน เรียกได้ว่า เดินหลงไปมุมไหนก็เจอ
ที่พัก : https://www.facebook.com/comeneeteeuthai/
ค่ำนี้ที่อุทัยมีห้องนอนเพียงแค่ 4 ห้องเท่านั้นแต่ละห้องก็จะมีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป เสาร์-อาทิตย์จะเต็มเร็วมาก แนะนำให้จองล่วงหน้า แต่ถ้าวันธรรมดาโอกาสห้องพักว่างจะเยอะกว่าอันนี้ห้องพักเรา
แต่ละห้องจะมีห้องน้ำเป็นของตัวเองซึ่งอยู่ด้านนอก ยกเว้นห้องที่ 4 ที่จะมีห้องน้ำในตัว มีครีมอาบน้ำ ยาสระผม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัวให้ครบห้องน้ำห้องเรา
วิวจากห้องพัก มองเห็นยอดเขาสะแกกรัง อ่านว่า สะ-แก-กรัง ไม่ใช่ สะ-แกก-รัง พักเก็บของเสร็จแล้วก็ลงมาด้านล่าง พี่เจ้าของที่พักเขาก็แนะนำว่า ตอนเย็นมีถนนคนเดินตรอกโรงยาจะเริ่มวางของก็ 4-5โมงนั่นแหละ เราเลยถามว่า ระหว่างนี้ เราจะไปไหนดี พี่เขาก็แนะนำว่า ร้านกาแฟเยอะ ถ้าสายฮิปเตอร์ต้องชอบแน่ๆ ไอ้เราก็แบบเพิ่งกินข้าวมาให้ยัดอะไรเพิ่มก็คงไม่ไหว ระหว่างทางมาที่พักเจอขนมถ้วย กล้วยทอด นี่ฟาดมาเป็นระยะ กินอีกอ้วกแน่ พี่เขาก็เลยบอกว่า ให้ไปปั่นจักรยานชิวๆฆ่าเวลาไหม หน้าเคาน์เตอร์มี Guide book เยอะมาก ท.ท.ท.ของอุทัยของมาฝากไว้ เราเลยหยิบมา 2 เล่ม ระหว่างนั่งตัดสินใจ พี่เขาก็เอาน้ำอัญชัญมะนาวมาให้ เพิ่งรู้ว่าบีบมะนาวแล้วมันเปลี่ยนสีจักรยานเราเช่าของที่พัก เหมาทั้งวัน 80.- ถ้าเป็นชั่วโมง ชม.ละ 10 บาท เป็นจักรยานที่คนแถวนั้นมาฝากไว้ให้เช่า
- เส้นทางจักรยาน
เส้นทางที่ 1 - 2.8 กิโลเมตร : ระยะทางไม่ไกลมาก ใช้เวลาประมาณ 20นาที โดยจะผ่านริมน้ำสะแกกรัง ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นพระตำหนักของพระเทพฯด้วย
เส้นทางที่ 2 - 8 กิโลเมตร : เส้นทางนี้จะไปสายธรรมชาติหน่อย ผ่านทุ่งนา ผ่านวัดและไปออกถนนใหญ่ ใช้เวลา ประมาณ 60-90นาที
เส้นทางที่ 3 - 11.3 กิโลเมตร : เส้นทางนี้ก็สายธรรมชาติเหมือนกัน แต่ที่เป็นไฮไลท์เด็ดคือ สะพานแขวนเกาะเทโพ ใช้เวลา 1-1.30 ชั่วโมง ถ้าปั่นแบบไม่รีบนะส่วนเรา เราเลือกเส้นทางที่ 2 ระยะทางกำลังดีผ่านธรรมชาติ ผ่านนา ผ่านวัด ที่อยากไปที่สุดคือสะพานแขวน เพราะทำให้นึกถึงพี่โชน
ที่แรกที่เราไปคือร้านขนมไพพรรณ คือไส้แน่นมากกัดปุ๊ปทะลักเลย เห็นไส้สังขยาอย่างนี้คิดว่า น่าจะหวานแสบคอ แต่ไม่เลยรสชาติกำลังดี จัดไป 1 กล่อง 80.- 8 ลูก (ใจเย็น ไม่ได้หมดในวันเดียวนะ)
- ภูผากาแฟ ณ ลานสะแกฯ แวะซื้อน้ำก่อนที่จะปั่นอีกยาวๆ
สะพานข้ามไปยังวัดโบสถ์
แค่เห็นสะพานก็หืม... เห็นไปบอกเพื่อน มึงจะปั่นก็ได้นะ กูขอเข็นลาก่อน แค่คิดว่า จะไถลถูกกับพื้นด้วยความชันระดับนี้ก็เจ็บแล้ว เพื่อนก็เข็นเช่นกันวิวบนสะพาน จะเห็นประมาณนี้
มีชาวบ้านบางส่วนที่ใช้ชีวิตบนแพ บ้านบนแพก็เหมือนบ้านบนบกทุกอย่างแหละ ปลูกพืชก็ได้ มีน้ำ มีไฟฟ้าใช้ปกติแค่อยู่ในน้ำ- วัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ อยู่ตรงข้ามตลาดสดริมน้ำ เป็นวัดสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในมีจิตรกรรมพุทธประวัติปรากฎบนฝาผนัง วัดแห่งนี้รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสหัวเมืองฝ่ายเหนือ เมื่อปีพ.ศ.2449
ปั่นผ่านวัดมาเรื่อยๆ ระหว่างทางจะมีป้าย Bike route ตลอดปั่นตามป้ายไปก้เจอกับความวิถีชุมชน ผ่านรีสอร์ทริมน้ำ ผ่านบ้านชาวบ้าน แล้วก็มาเจอทุ่งนา
ความพยายามจะเอาจักรยานไปถ่ายกลางนา แต่ไม่สำเร็จ แวะจอดถ่ายรูปข้างทาง เนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชนอันเงียบสงบ จึงมีรถผ่านมาตั้งแต่เริ่มปั่น 1 คันถ้วน นี่แหละคือความสงบที่แท้จริง เหมาะกับวิถีสโลว์ไลฟ์ที่สุด จุดมุ่งหมายหลักๆที่เราจะไปคือสะพานแขวน แต่จอดถามชาวบ้านแถวนั้น เขาบอกว่าอีกครึ่งทาง โห..ครึ่งทาง ไอที่เราอยู่เนี่ยจากวัดก็ไกลแล้วนะ แต่จะย้อนกลับมันก็เสียดายเลยต้องก้มหน้าก้มตาปั่นต่อ คือในหัวตอนนั้นแบบ ทำไมไม่เช่ามอไซค์ตั้งแต่แรก แต่ก็เอาเถอะมาถึงขนาดนี้แล้ว ปั่นต่อค่ะ เราจะต้องทำเวลาเพื่อไปดูพระอาทิตย์ตกบนเขาสะแกกรังให้ทันก่อน 5 โมง- สะพานแขวนเกาะเทโพ : มันไม่ใช่พี่โชนอย่างที่คิด แต่ก็พอถูไถไปได้ นั่งห้อยขาได้แต่ต้องฟังเสียงมอเตอร์ไซค์ดีๆ เพราะเขาจะใช้สะพานนี้ข้ามไปเกาะเทโพ จริงๆก่อนหน้านี้มีการปลูกดอกดาวเรืองด้วยแต่เนื่องจากน้ำท่วมก็เลยไม่มีเหลือแล้ว
ถ่ายรูปสะพานจนพอใจล่ะ ก็ปั่นกลับไปในเมืองเพื่อจะไปขึ้นเขาสะแกกรังให้ทันดูพระอาทิตย์ตก
นี่ไงจ๊ะ Bike route มีตลอดทางคอนเฟิร์ม แต่ route ไหนเป็นอันไหนคือ ไม่รู้ สรุปเราปั่นตามป้าย 3 route ยำรวมกัน
หลังจากที่เราเจอถนนเส้นนี้เราก็สำเหนียกได้ว่า นา ที่เราลงไปถ่ายรูปนั้นไม่ใช่สถานที่ที่อยู่ใน Route แต่เป็นนาของชาวบ้าน ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย แต่นั่นยังไม่ใช่ประเด็น ประเด็นคือเราดันปั่นมั่ว ง่ายๆ หลงนั่นเอง 5555555 สุดท้ายได้ google maps ช่วยชีวิตเราไว้- สะพานพัฒนาภาคเหนือ
- ศาลหลักเมืองอุทัยธานี
- เขาสะแกกรังและวัดสังกัสรัตนคีรี หรือวัดเขาแก้ว เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขา โดยมีบันไดทั้งหมด 449 ขั้นสามารถขึ้นได้สองทางคือเดินขึ้นทางบันได หรือ จะนั่งรถขึ้นเขาก็ได้เหมือนกัน ในช่วงเทศกาลออกพรรษาจะมีผู้คนมาร่วมงานตักบาตรเทโวกันที่วัด และชาวบ้านจะนิยมเอางาช้างมาวางไว้หน้าบ้านอวดกันว่าของใครสวยกว่ากัน หากใครจะชมพระอาทิตย์ตกจะต้องมาชมบนเขานี้ ส่วนพระอาทิตย์ขึ้นต้องไปชมที่ฝั่งตลาดเช้าริมแม่น้ำสะแกกรัง
ไหว้พระเสร็จ ด้วยความเป็น #อีลูกช่างถ่อ ก็ปั่นจักรยานไปหาอะไรกินก่อนกลับที่พัก ที่ถนนคนเดินตรองโรงยา
- ถนนคนเดินตรอกโรงยา มีข้าวปลา อาหารสำเร็จรูป มีขนมเบื้องญวณ ขนมกง ส้มซ่า ร้านข้าวต้มกุ๊ย และอีกมากมาย เปิดทุกวันเสาร์ 16.00-21.00 น.
- บ้านนกเขา จะมีพวกของเก่าโบราณ สามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ฟรี
- DAY 2 วันนี้ตั้งใจไว้ว่าจะไปวัดท่าซุงแล้วกลับมาเก็บคาเฟ่ในตัวเมือง
หน้าตาอาหารเช้าของที่พัก น้ำพริกปลาแห้งอร่อย อิ่มสุดๆทั้งผลไม้ นมน้ำ ตามโปรแกรมแล้วตอนเช้าที่พักเขาจะมีให้ไปนั่งเรือชมแม่น้ำสะแกกรัง แต่ว่าเราน่าจะไปไม่ทันเพราะต้องปั่นไปขึ้นเรือที่พญาไม้รีสอร์ท เราก็เลยสละสิทธิ์ โปรแกรมนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าจองที่พักจากเว็บไซต์ agoda หรืออื่นๆ จะไม่มีเพจเกจนี้รวม ส่วนตัวเราจองโดยตรงก็เลยมีให้
พอเสร็จจากกินข้าวเช้าเราก็ไปเดินเล่นแถวรอบๆ ที่พัก ไปตลาดเช้าแต่ไม่ได้ถ่ายไว้ วันอาทิตย์เขาจะมาตั้งแถวนี้ แต่วันปกติก็อยู่แถวริมน้ำเหมือนเดิม
เดินเล่นแป๊ปนึง แล้วก็กลับมาที่พักถามพี่เจ้าของว่า เราจะไปวัดท่าซุง ไปยังไงได้บ้าง จริงๆก็มีสองแถวรอบเมืองคันสีเหลืองแต่นานๆทีจะเจออันนั้นอ่ะไปถึง แต่ถ้าวิธีอื่นก็มีสามล้อประมาณนี้ เราก็เลยตกลงกันว่างั้นไปสามล้อแล้วกัน พี่เจ้าของที่พักก็เลยโทรคุยให้ ตกลงราคาที่ 200 บาทไป-กลับ แต่จริงๆคุณลุงคิดเรา 250 บาทเพราะพานำเที่ยวด้วย ตอนแรกก็คิดว่าจะได้นั่งสามล้อแบบชิมลมชิมแดดไป แต่เอาเข้าจริงคุณลุงเอารถมิล่ามารับแทน มันก็จะดีหน่อย ไม่ร้อนมาก- วัดท่าซุง หรือวัดจันทาราม สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายหลังถูกบูรณะโดยพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ นอกจากเป็นวัดให้ศาสนิกชนมาสักการะแล้วยังเป็นแหล่งปฏิบัติธรรมของผู้มีจิตศรัทธาอีกด้วย เอาจริงๆคือวัดกว้างมากๆมี2 ฝั่งถนน เดินจริงๆก็คงไม่ไหวอ่ะ
- อยู่แพ : เป็นบ้านบนแพมีท่าขึ้นเป็นของตัวเอง อยู่ใกล้กับวัดโค่ง ที่พักมี 4 ห้องซึ่งแต่ละห้องก็จะแตกต่างกันไปมีทั้งห้องใหญ่แบบแฟมิลี่และก็ห้องเล็กแบบพักสองคน ส่วนห้องที่เราพักเป็นเตียงสองชั้น ใช้ห้องน้ำรวมกับอีกห้องนึง ที่นี่มียาสระผม ผ้าเช็ดตัวให้เหมือนกัน มีห่วงยางเป็ดให้เล่นแต่ต้องใส่ชูชีพ ตอนค่ำๆยุงดุมาก พกยากันยุงไปด้วยก็ดี
ที่พัก : https://www.facebook.com/upaeuthai/
เอาของไปเก็บเสร็จ ก็ออกมาเดินที่ตลาด วันนี้จะเป็นวันกินของเรา- เจ๊โหนกก๋วยเตี๋ยวไก่ เมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น หมูตุ๋น ร้านอยู่บริเวณตรอกโรงยา เปิด 9.00-17.00 น. ราคา 30-50 บาท
- ไอติมป้าแจว ราคา 20 บาท ไอติมโฮมเมดทำเองทุกวัน
- Cup and handle cafe ร้านคาเฟ่ที่หันไปทางไหนก็มีแต่มุมถ่ายรูป minimal style สุดๆ แถมเจ้าของร้านใจดีเดินเอาไม้เซลฟี่มาให้เรายืมอีกด้วย
เพจร้าน : https://www.facebook.com/Cup-and-Handle-Cafe-823183227850584/
แม่เจ้าของร้านค่ะ :)- บ้านจงรัก บ้านเรือนโบราณเป็นมรดกตกทอดของตระกูล "เทศนา" เจ้าของบ้านให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมและวิถีความเป็นอยู่ของคนอุทัยสมัยก่อนมาก บ้านหลังนี้เปิดให้เขาชมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ด้านล่างเป็นร้านกาแฟ มีโปสการ์ดขายด้วย ส่วนด้านบนเปิดให้เข้าชมของเก่า มีตั้งแต่ของใช้สมัยก่อน โต๊ะทำงาน ชั้นวางหนังสือ ยันเครื่องรางของขลัง โดยตัวบ้านชั้นบนจะสามารถเดินทะลุด้านหลังไปชมบ้านไม้สมัยก่อนได้
เพจ : https://www.facebook.com/banjongrakuthai/
ที่ใส่เหล้าราคาแพงสมัยก่อน ด้านนอกเป็นลูกโลกบ้านเรือนไทย ที่เดินต่อไปได้
เราคุยกับคุณลุงเจ้าของบ้านจงรักเพลิน จนร้านปิดคุณลุงแนะนำว่าใกล้ๆนี้มีร้านหนังสืออยู่ 2 ร้านให้ลองเดินไปดู พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินเลย ไปต่อไหว
- ฺกาลครั้งหนึ่ง เราผ่านแต่ร้านดันปิดซะแล้ว
- Booktopia เจ้าของร้านเป็นนักเขียนชื่อดังในอุทัยธานี นามปากกาว่า "ญามิลา" เป็นร้านหนังสือท้องถิ่นซึ่งหนังสือส่วนใหญ่จัดตีพิมพ์เองและหาซื้อได้ที่อุทัยเท่านั้น เราชอบร้านนี้มาก เหมือนอยู่ตรอกไดแอกอน โม้กับคุณป้าเจ้าของร้านนานจนพระอาทิตย์ตกเลยทีเดียว
เพจ : https://www.facebook.com/Booktopia-155900134462189/?ref=br_rs
เราซื้อเล่มนี้มาโดยบังเอิญเพราะเห็นว่าเกี่ยวกับซิดนีย์ แต่มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นคนเขียนหนังสือรีวิวร้านกาแฟที่เกาหลีใต้ ที่เราเคยอ่านแล้วตั้งใจจะไปตาม รู้สึกโลกกลมอย่างบอกไม่ถูก ส่วนเล่มนี้ อุทัยในอภิรมย์ ทางร้านเป็นคนเขียนเอง ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดอุทัยธานี เดินทางไปถ่ายรูปเอง เขียนคอนเท็นเอง เราอ่านจบแล้ว อธิบายความเป็นอุทัยธานีได้ดีเลยทีเดียว มีหลายอย่างที่เรานักท่องเที่ยวไม่เคยรู้มาก่อน ภาพด้านในสวยอ่านแล้วสบายตา เหมือนเสียเงินซื้อหนังสือนำเที่ยวแพง แต่เชื่อไหมเราได้มา ฟรี !!!!! เราจะมาบอกกติกาท้ายกระทู้นะ นักเขียน นามปากกาว่า "ญามิลา" เราโม้กับคุณป้าซะมืดเลย พอออกจากร้านตะวันก็ตกดินซะละ เดินมาเรื่อยๆพบว่าทางกลับไปที่พักเหมือนจะไกลกว่าที่คิด คงเพราะเหนื่อยมาทั้งวันแล้วก็มืดแล้วด้วย เลยถามคุณป้าที่ตลาดว่า พอจะมีสามล้อแถวนี้บ้างไหม คุยไปคุยมาคุณป้าเลยอาสาพาไปส่ง น้ำตาไหลพราก ขอบคุณคุรป้ามากๆนะคะ ถ้าไม่มีคุณป้าพวกหนูคงเดินนานเลยค่ะกว่าจะถึงที่พักถึงที่พักก็สลบกันเลยทีเดียว พรุ่งนี้เราต้องรีบตื่นไปใส่บาตรกัน
- DAY 3
- ตักบาตร เช้านี้เราตื่นตั้งแต่เช้ากัน เพราะว่าจะไปใส่บาตรให้ทัน 7.00 น. พระจะพายเรือจากวัดโบสถ์มารับบาตรที่ฝั่งตลาดเช้า
- ขนมครกหน้าวัดโค่ง ขนมครกเจ้านี้ทีเด็ดอยู่ที่ไส้หน่อไม้ อร่อยมากบอกเลยยยยย คนต้องรอเข้าคิว ที่สำคัญแม่ค้า ฮามาก คุยเก่งเป็นกันเอง โม้กับแม่ค้านานเป็นชั่วโมง (อีกแล้วหรอ) ได้ช่วยป้าแกขายด้วย ป้าแกเลยทำให้ชิมฟรีบ้าง แถมบ้าง ไม่รู้ได้กำไรบ้างป่าว 55555 เปิดขาย 6.00-11.00 น.เท่านั้น แก๊สหมดก็ต้องรอ รอไม่ได้ก็ต้องอดนะจ๊ะ ชวนคุยได้ห้ามยืมเงิน มีป้ายห้อยอยู่ทั่วร้าน
รับประทานอาหารเช้ากัน มีทั้งของที่พ้กแล้วก็ซื้อเพิ่มมาเอง
หลังทานข้าวเช้าเสร็จก็ถ่ายรูปเล่นสักพักนึงแล้วก็เตรียมตัวกลับกรุงเทพกัน แต่ก่อนกลับเราต้องแวะไปที่ ท.ท.ท. ก่อนเพื่อไปเอาหนังสือ อุทัยในอภิรมย์ ฟรี จากสถานีขนส่งไป ททท. นั่งสามล้อ 30 บาท ทางที่ดีให้บอกชื่อเต็ม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอยู่ใกล้ โรงพยาบาลอุทัยธานี ห่างไปประมาณ 2-3 ตึก สังเกตดีๆ- การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จังหวัดอุทัยธานี : เรามาติดต่อรับหนังสือ อุทัยในอภิรมย์ ซึ่งสามารถรับได้ที่ ททท.อุทัยเท่านั้น
กติกามีดังนี้
- ถ่ายภาพตัวเองคู่กับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดอุทัยธานี (ภาพก่อนมารับหนังสือไม่เกิน 3 เดือน )และเป็นภาพตัวเองถ่ายคู่กับแลนมาร์กหรือจุดเด่นของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ
- โพสต์ภาพลงโซเชียลมีเดีย ตั้งค่า Public (Instagram , Facebook) ติดแฮชแท็ก #อุทัยฯในอภิรมย์ #tatuthai #ชื่อแหล่งท่องเที่ยวในภาพ ** ต้องติดทุกแฮชแท็ก
- ในภาพที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดียมาแสดงหน้าเคาน์เตอร์ ททท.สำนักงานอุทัยธานี ตั้งแต่ 26 พฤศจิกายน 2560 ไปจนกว่าของจะหมด
**** แจกหนังสือ 1 คน 1 เล่มเท่านั้น ของมีจำนวนจำกัด ไม่สามาร๔รับแทนกันได้ ****
นอกจากนี้ที่ ททท.ยังมีหนังสือท่องเที่ยว เรียกได้ว่า เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ หยิบได้ฟรีเท่าไหร่ก็ได้ มีทุกภาค ทุกจังหวัด รวมถึงมีหนังสือ 12 เมืองต้องห้ามพลาดให้หยิบไปอ่านได้ฟรีๆอีกด้วย
สำหรับตัวอย่างหนังสือ อุทัยฯในอภิรมย์สามารถทดลองอ่านตัวอย่างได้ที่ เพจของร้านหนังสือ Booktopia : https://www.facebook.com/pg/Booktopia-155900134462189/photos/?ref=page_internal
สิ้นสุดทริป เดินทางกลับกรุงเทพฯ
- ค่าใช้จ่าย
- ค่าที่พักค่ำนี้ที่อุทัยฯ 1,200 บาทต่อคืน / 2 คนละ 600 บาท มีอาหารเช้าให้ มีจักรยานให้เช่า ติดต่อสอบถาม : https://www.facebook.com/comeneeteeuthai/?ref=br_rs
- ค่าพี่พักอยู่แพ 1,200 บาท ต่อคืน / 2 คนละ 600 บาท มีอาหารเช้าให้ มีจักรยนให้ยืม ฟรี! ติดต่อสอบถาม : https://www.facebook.com/upaeuthai/
- ค่าจักรยาน 80 บาท
- ค่ารถเหมา 240/2 คนละ 120 บาท
- ค่ารถไป-กลับ เที่ยวละ 150 บาท 2 เที่ยวรวม 300 บาท
รวม 1,700 บาท ไม่รวมค่ากิน ค่าของฝาก รวมๆแล้วเราใช้ไป 2,000 นิดๆ แต่ของกินที่นี่ถูกกว่ากรุงเทพ คอนเฟริม (ในตลาดเช้านะ ส่วนก๋วยเตี๋ยวก็ราคาปกติ คาเฟ่นี่เรททั่วไปแต่ก็ไม่ถือว่าแพงเท่ากรุงเทพ)
- ที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
- หุบป่าตาด อำเภอลานสัก
- ห้วยขาแข้ง อำเภอลานสัก
- เขาปฐวี อำเภอทัพทัน
- น้ำตกไซเบอร์ อำเภอห้วยคต
- น้ำพุร้อนเสมอทองและอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อำเภอห้วยคต
- ถ้ำพุหวาย อำเภอบ้านไร่
- ธรรมสถานวัดถ้ำเขาวง อำเภอบ้านไร่
- บ้านแก่นมะกรูด ตำบลแก่นมะกรูด
- ร้านคาเฟ่แนะนำ : http://www.chillpainai.com/scoop/7907/ , http://www.tripgether.com/index.php?home=view&id=559 , https://www.wongnai.com/restaurants?regions=8201&categories=14
- ร้านก๋วยเตี๋ยวแนะนำ
- เจ๊โหนกก๋วยเตี๋ยวไก่ ตรอกโรงยา
- ก๋วยเตี๋ยวท่ากุญชร (หม้อไฟ) ถนนท่าช้าง 4
- ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ฮ่องเต้ (บะหมี่แห้งหมูตุ๋น หมูย่าง) บริเวณสวน 200 ปี
- ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟเจ๋งจัง (เย็นตาโฟต้มยำ) ถนนพรพิบูล
- ก๋วยเตี๋ยวเจ้เน้ยบะหมี่ กระเพาะปลา (บะหที่ไข่แห้งหมู) ถนนราษฎร์อุทิศ
- ก๋วยเตี๋ยวในลาน (ลวกจิ้มหมู ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋น) ถนนพิบูลย์ศิริ
- เจ้รัชก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ (ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ เย็นตาโฟ) ถนนศรีน้ำซึม ฯลฯ
ใครกำลังมองหาที่เที่ยวไปใช้ชีวิตสงบ (สงบจริง) สโลวไลฟ์ แนะนำให้ลองพิจารณาอุทัยธานีดูนะคะ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนี้เอง เมืองของราคาถูก เมืองที่วิถีชีวิตแบบเก่าๆยังคงอนุรักษ์ไว้อยู่ เมืองที่มีคนมาปั่นจักรยานแกว่งกระดิ่งให้นอนตอน 4 ทุ่ม เมืองที่ยังอนุรักษ์ตึกไม้เก่าๆโบราณๆ เมืองที่มีวงเวียนเยอะแยะ และร้านก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ว่าจะเดินมุมไหนก็เจอ เมืองที่คนนอนเร็วกว่าเที่ยงคืน 4 ทุ่มเงียบกริบ เมืองที่ถนนรถไม่ติด เหมาะกับการหนีความวุ่นวาย เมืองที่ไม่โตมาก เมืองที่ทุกคนยินดีให้ความช่วยเหลือ ถ้าเห็นเรายืนงง เมืองที่ทุกคนดูหวงแหนความเป็นอุทัย และภูมิใจเมื่อพูดถึงจังหวัดตัวเอง เมืองที่มีเงิน 10 บาทก็กินก๋วยเตี๋ยวได้ 1 กล่อง เมืองที่คนมีน้ำใจสัมผัสบรรยากาศเหมือนบ้านที่ไม่ว่าเราทำผิดอะไร ก็พร้อมจะให้อภัย เช่น การนั่งรถไปผิดที่ หรือ ค่าพวงมาลัย 10 บาท แต่ขาด 1 บาทเลยเอาแค่ 9 บาทเป็นต้น เมืองที่ชวนแม่ค้าโม้จนเพลินเหมือนได้กินขนมครกฟรีแทบครึ่งกะทะ เมืองที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันจนมืดค่ำ คอแห้งแต่ก็ยังไม่รู้จักเบื่อ สำหรับเรา เรายกอุทัยให้เป็นเมืองอบอุ่นอีกเมืองนึงเลยล่ะ เราอยากให้คุณไปสัมผัสดูแล้วมาเขียนเล่าแบบเราบ้างนะ เราจะรออ่าน :)