เก็บกระเป๋าแล้วตามมา เที่ยวแบบช้าๆสบายๆ ที่น่านนคร

เที่ยวไปตั้งนาน แต่เพิ่งผ่านมารีวิว กลับมาเจอรูปสวยๆ สบายใจสบายตา เลยอยากเอามาลงไว้เป็นข้อมูลให้กับเพื่อนๆที่ชื่นชอบการเที่ยวสไตล์เดียวกัน พร้อมละ เริ่ม....

ออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่เช้ามืดด้วยรถยนต์ส่วนตัว ใช้เวลาประมาณห้าชั่วโมง ช่วงสายนิดๆก็ถึงพิษณุโลกค่ะ แวะไปนมัสการพระพุทธชินราชที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือเรียกกันติดปากว่า วัดใหญ่ ทำบุญก่อนออกเดินทางไกล ไปแต่เช้าวัดยังคนไม่เยอะค่ะ ฟ้าสดใส

จากนั้นก็ขับรถยาว จากพิษณุโลกไปแพร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 แล้วแยกไปแพร่ด้วยสาย 101 ถนนกว้างดี ขับสบาย เราจะไปแวะเที่ยวจ.แพร่เป็นที่ที่สอง

                ที่แรกที่เราไปกันคือ วัดพระธาตุช่อแฮ วัดนี้เป็นพระอารามหลวงและเป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ องค์พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ ศิลปะเชียงแสน แบบแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง บุด้วยทองดอกบวบหรือทองจังโก เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีขาล ภายในเจดีย์บรรจุพระบรม สารีริกธาตุพระศอกซ้ายและพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เปิดทุกวัน 08.30 -16.30 

ไหว้พระแล้วก็ไปเที่ยวคุ้มวงศ์บุรี (ตามรอยมาจากละครรอยไหม)

บ้านหรือคุ้มวงศ์บุรีนี้เป็นอาคารไม้สักทอง 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา รูปแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป ประดับลวดลายแบบเรือนขนมปังขิง มีเพดานสูง หลังคาสูง จุดเด่นคือ ลวดลายไม้แกะสลักที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง ช่องลม หน้าต่าง และประตู ที่ประตูด้านหน้าเป็นปูนปั้นรูปแพะ ซึ่งเป็นตัวแทนของหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันทาซึ่งเกิดในปีแพะ

ภายในบ้านสวยงามมากค่ะ พื้นขัดเงาแว้บ  มีข้าวของเครื่องใช้ของตระกูล เก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เราสามารถเดินดูและถ่ายภาพห้องต่างๆในบ้านได้หมด จะมียกเว้นอยู่สองสามห้องที่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ  น่าจะเป็นส่วนที่เก็บอาวุธเก่าแก่ของตระกูลกับส่วนใดอีกไม่แน่ใจ

วันนี้เราได้พบคุณยายที่เป็นเจ้าของบ้านด้วยค่ะ คุณยายเล่าว่ายังพักที่บ้านนี้ด้วย แต่อยู่โซนด้านหลัง ส่วนด้านที่เปิดให้เข้าชมก็ยังคงรักษาและจัดวางข้าวของต่างๆให้เหมือนเดิม คุณยายใจดีน่ารัก เล่าประวัติของบ้านให้ฟัง คุณยายบอกที่ยังอยุ่ที่นี่เพราะบ้านถ้าไม่มีใครอยู่จะโทรมไว

เปิดทุกวัน 09:00-17:00 ค่ะ

แพร่แวะได้แค่สองที่ค่ะ กลัวไปถึงน่านเย็นเกินไป จะไม่มีที่พัก ออกจากคุ้มวงศ์บุรี เราเดินทางต่อไปน่าน ตั้งใจไปนอนเต๊นท์ที่ดอยเสมอดาว ไปถึงสักประมาณสี่โมงกว่าๆ ติดต่อที่พักแล้วก็พบว่า เต๊นท์เต็ม! สตั๊นไปชั่วขณะ นี่แหละน้อ ประมาทและนอนใจเกินไป มาพักช่วงวันหยุดยาวแต่ไม่จองที่พักมาก่อน ดูสิค้า คนเยอะะะะะจริงจัง

สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้ไปนอนที่ผาชู้ บอกตอนนี้ยังมีเต๊นท์ว่าง ให้รีบขึ้นไป ถ้ามีทะลหมอกก็เห็นเหมือนกัน ตอนเช้าค่อยขับรถลงมาแล้วเดินขึ้นไปชมวิวที่ด้านบนของดอยเสมอดาวก็ได้ รอชมพระอาทิตย์ตกที่ดอยเสมอดาวแล้วไปค้างที่ผาชู้กัน 

ขับต่อไปอีกประมาณ  5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ตอนขึ้นไปนั้นเริ่มมืดแล้ว บนผาชู้มีคนเยอะพอสมควร เต๊นท์ตั้งไว้ติดๆกันเรียบร้อย เช่าเต็นท์พร้อมชุดเครื่องนอนได้เลย มื้อนี้เราฝากท้องกันที่ร้านสวัสดิการของอุทยาน กลางคืนร้อนอบอ้าวไม่ต้องใช้ถุงนอนเลย ร้อนเกิ๊น นี่ฤดูหนาวจริงใช่ไหม 555 ตื่นมาตอนเช้าไม่ต้องหวังว่าจะมีทะเลหมอกเลยค่ะ เจ้าหน้าที่บอกช่วงนี้อากาศร้อน ไม่มีหมอกมาได้สี่ห้าวันแล้ว ไม่เป็นไรมาเที่ยวแบบนี้ อาจได้เจอหรือไม่ได้เจอทะเลหมอกเป็นเรื่องธรรมดา รอบหน้าไว้มาซ่อมใหม่ หลังจากเก็บของเรียบร้อย ชื่นชมกับวิวด้านบนอีกนิดหน่อย ก็ขับรถกลับลงมา คนขับบอกไม่จอดแวะดอยเสมอดาวนะ คนเยอะมากแน่ๆ ทะเลหมอกก็ไม่มีอยู่แล้ว ลงไปเที่ยวในเมืองเลยแล้วกัน

บรรยากาศตอนเช้าจากหน้าเต๊นท์ที่ผาชู้

เข้ามาในเมืองน่าน ไปแวะหาข้าวเช้าทานกันในตลาดตั้งจิตนุสรณ์ หาข้าวเช้ากินกันหน่อย ของกินเยอะดี ราคาไม่แพง หลังท้องอิ่มก็เข้าที่พัก คืนที่สองนี้เราพักกันที่เฮือนน่านนิทรา ไปถึงตั้งแต่ยังไม่เที่ยง ก็ไปขอคุณป้านั่งเล่นนอนเล่นบริเวณบ้านก่อน ไม่รู้จะไปไหนแล้วค่ะ ลงมาจากดอยน้ำก็ยังไม่อาบ นั่งเล่นได้พักเดียวคุณป้าก็เรียกให้เข้าห้อง ทำห้องให้เสร็จแล้ว ใจดีมากๆเลย เฮือนน่านนิทราเป็นบ้านไม้ที่ดัดแปลงมาเป็นที่พัก มีห้องน้ำในตัว บริเวณบ้านร่มรื่นเพราะปลูกต้นไม้รอบเลย บ้านสะอาด ไปพักแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกลับบ้าน อบอุ่นและเย็นสบาย 

มีน้ำเปล่าให้ดื่มฟรีด้วยน้า มาหยิบได้ตามสบายเลย 

อาบน้ำแล้วหลับเอาแรงพักนึงก็ลุยต่อ มาถึงเมืองน่าน ก็ต้องไม่พลาดไปสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมือง "พระธาตุแช่แห้ง" วัดพระธาตุแช่แห้งเป็นพระอารามหลวง อยู่ตำบลม่วงตี๊ด อำเภอภูเพียง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 3 กิโล เป็นพระธาตุประจำคนเกิดปีเถาะ วันนี้ท้องฟ้าใส แดดแรง ยิ่งขับให้องค์พระธาตุผ่องใส สีทองอร่ามสวยงาม 

 

ภายในวิหารของวัดค่ะ 


หลังจากไหว้พระเรียบร้อยก็ไปนั่งละเลียดจิบกาแฟที่ร้านสุดกองดี ร้านกาแฟดังริมแม่น้ำน่าน ความเห็นส่วนตัว เราเฉยมากๆค่ะ ทั้งกาแฟทั้งชอคเย็นมันค่อนข้างจางไม่เข้มข้น แล้วก็รอขนมนานมากๆ กว่าจะได้กินเสร็จก็เย็น เลยได้เวลาไปชมบรรยากาศยามเย็นที่วัดพระธาตุเขาน้อยพอดี ด้านบนวัดมีคนมารอเก็บแสงสวยๆพอสมควร บนนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองน่านได้โดยรอบ ก็ถือว่าเป็นไฮไลท์อีกหนึ่งที่ของเมืองน่านที่ไม่ควรพลาด มุมกว้างๆวิวดีๆ อากาศเย็น นั่งได้เพลินทีเดียว

รอชมบรยากาศยามเย็นจนแสงหมด ก็ขับรถกลับลงมา เอารถไปเก็บที่บ้านพัก แล้วขอยืมจักรยานของป้าที่บ้านพักปั่นไปเที่ยวถนนคนเดินกัน วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ถนนคนเดินจะจัดตรงศูนย์บริการนักท่องเที่ยว วัดภูมินทร์ ตลาดไม่ใหญ่และครึกครี้นเท่ากับถนนคนเดินวันเสาร์ แต่ก็พอเดินได้เพลินๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าและอาหารพื้นเมือง มีการแสดงเล็กๆน้อยๆ ได้อารมณ์เมืองเหนือ

จากถนนคนเดินเราขี่จักรยานไปหาข้าวกินง่ายๆกันที่ตลาดโต้รุ่ง ห่างจากวัดภูมินทร์ไปไม่ไกล ถามทางเอาจากตำรวจจราจรที่อยู่ตรงถนนคนเดินค่ะ ตัวเมืองน่านตอนค่ำ สงบดีจริงๆ ถนนเงียบๆมีรถไม่มาก ขี่จักรยานชิลล์เลย 

เลย บรรยากาศเฮือนน่านนิทราตอนกลางคืนสวยดีค่ะ 

เริ่มต้นเช้าวันใหม่ อาหารเช้าที่เฮือนน่านนิทราเป็นขนมปังกาแฟเบาๆ วันนี้เราจะไปไหว้พระและขี่จักรยานเที่ยวรอบเมืองกันค่ะ

ขี่จักรยานผ่านที่แรกคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เลี้ยวเข้าไปก็สะดุดตากับซุ้มต้นลีลาวดีด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ ยังเช้าอยู่เลยถ่ายรูปสบายค่ะ ชอบอ่ะ สวยยยย แต่เสียดายไม่ได้เข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ ไปน่านรอบหน้าจะต้องเข้าไปเที่ยวข้างในให้ได้  

ไปค่ะ ปั่นต่อ...ที่ถัดมาคือวัดภูมินทร์ ปั่นออกมาจากพิพิธภัณฑ์ไม่ไกล เลี้ยวซ้ายไฟแดงก็ถึง เอกลักษณ์ของวัดนี้ที่แปลกจากวัดอื่นๆ คือเป็นพระอุโบสถทรงจตุรมุข พระประธานจตุรพักตร์นาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัวนาค 

ตรงกลางโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระพักตร์ออกสู่ประตูทั้งสี่ทิศ เวลาเดินเข้าไปในโบสถ์ไว้ว่าจะเข้าประตูด้านไหนก็จะพบพระพักตร์ของพระพุทธรูปทุกด้าน นอกจากนี้ภายในยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอันโด่งดัง คือภาพปู่ม่าน ย่าม่าน ที่เป็นผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน ผู้ชายสักหมึก ผู้หญิง แต่งกายไตลื้ออย่างเต็มยศ (http://www.paiduaykan.com/76_province/north/nan/watpumin.html)

การถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังไม่อนุญาตให้ใช้แฟลชนะคะ เพื่อนๆท่านใดไปเที่ยวก็ระมัดระวังนิดนึง

รอบๆบริเวณวัด ก็มีของที่ระลึก และมีซุ้มน้ำบริการฟรีด้วย 

วัดต่อไปคือวัดมิ่งเมืองค่ะ ปั่นจักรยานต่อไปจากวัดภูมินทร์ ผ่านร้านข้าวซอยต้นน้ำ วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมืองของจังหวัดน่าน พระอุโบสถมีการบูรณะซ่อมแซมใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัย ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกแกะสลักสวยงาม 

 ยังไปกันได้อีกค่ะ วัดอยู่ใกล้ๆกันหมดเลย เที่ยวง่ายๆสบายๆ เหนื่อยก็พัก ร้อนก็แวะ มีทั้งร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านอาหารทั่วเมือง ในตัวเมืองเค้าก็จัดระเบียบไว้ดี มีเลนส์ให้ปั่นจักรยานชัดเจน คนก็ใจดี รถไปจอแจมากนัก  วัดต่อมา ย้อนกลับมาทางเดิม มาวัดพระธาตุช้างค้ำค่ะ 

วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดนี้อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน พระวิหารหลวงเป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรงสร้างตามสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ยืนตรงเชิงบันไดด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลาง ทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็กอยู่ด้านซ้ายและด้านขวา ภายในวัดประดิษฐานเจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปะสมัยสุโขทัย รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้นเพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

(http://www.nan.go.th/webjo/index.php?option=com_content&view=article&id=19:2009-07-02-14-19-23&catid=7:2009-07-01-03-16-09&Itemid=6

วันนี้เที่ยวสามวัดพอค่ะ ตามคอนเซป "เที่ยวสบายๆ"  555 และวันนี้ต้องย้ายที่พักด้วย กลับเฮือนนิทราอาบน้ำเก็บของแล้วไปเช็คอินที่พักคือต่อไปกันค่ะ คืนที่สามของการเที่ยวน่าน เราเลือกคุ้มเมืองมินทร์ อยู่ใกล้ๆกับวัดภูมินทร์เลยค่ะ ชอบที่นี่เพราะติดใจความสวยงามและดีไซน์ของตัวอาคารที่พัก เดิมที่พักนี้เป็นบ้านเก่า มีสไตล์โคโลเนียลที่มีความเป็นล้านนาผสมอยู่ สีสันและการตกแต่งน่ารักมากค่ะ ทั้งสนามหญ้า โซฟา โคมไฟ ภาพติดผนัง บรรไดที่วนขึ้นชั้นสอง เห็นแล้วแอบนึกถึงยุควนิดา ที่นี่ก็สามารถขอยืมจักรยานขี่ได้ฟรีนะคะ ปั่นจักรยานวนไปค่า

ภายในที่พัก สวยดีนะ ชอบๆ

ตอนกลางคืน เปิดไฟก็สวยอีกแล้ว (รู้สึกจะสวยไปหมดเลยชั้น)

เช้าวันที่ต่อมาทานอาหารที่เช้าคุ้มเมืองมินทร์ค่ะ มีข้าวต้มแล้วก็ของทานเล่นนิดหน่อย ฟักทองต้มโรยน้ำตาลนิดๆอร่อยมาก ไม่น่าเชื่อว่ามันดูธรรมดาๆ แต่อร่อยซะงั้น เช็คเอาท์แล้วเริ่มเดินทางกันต่อ วันนี้เราจะเดินทางไกลค่ะ ก่อนออกจากน่าน แวะไหว้พระและชมโบสถ์สีทองอร่ามกันที่วัดศรีพันต้น ด้านหน้าโบสถ์มีพญานาคเจ็ดเศียร เฝ้าบันไดทั้งซ้ายขวา ตัวโบสถ์สีทองเหลืองอร่ามสวยงามตระการตา

 

ด้านในวิหาร มีภาพเขียนสี วิถีชีวิตและความเป็นน่านในยุคอดีต

ปิดท้ายกันไปด้วยภาพสมาชิกของทริปนี้ค่ะ

จากเมืองเล็กๆ ที่ยังมีมุมน่ารักและเสน่ห์ในแบบน่านๆ  ก็ขับรถกันยาวๆเลยค่ะ เป้าหมายถัดไปคือเชียงของ จังหวัดเชียงราย (มารออ่านต่อในรีวิวหน้านะจ๊ะ) ส่วนตัวเรายังคงประทับใจและจะเก็บเมืองนี้ไว้มาเที่ยวอีกในครั้งต่อไป