Triplets to Travel : 3 เกลอแบกเป้เที่ยว เชียงราย-เชียงใหม่ 4 คืน 4 วัน (Part II)
สวัสดีอีกรอบค่าาาาาาา
มาต่อกันที่เชียงใหม่นะคะหลังจากกระทู้ที่แล้วเราออกจากเชียงราย พี่เก่งคนเดิมก็ขับรถเข้าสู่เชียงใหม่ มาถึงเชียงใหม่ฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ค่ำนี้เรานอนที่ บ้านเส-ลา นิมมานซอย 5 ค่ะ
พอลงรถ เช็คกระเป๋าเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาร่ำลาพี่เก่ง ขอบคุณที่มาส่งอย่างปลอดภัย ขับรถกลับดีๆนะพี่ (เสียดายมากแบตกล้องหมดแบตมือถือก็หมด ก็เลยไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่เก่งเลย TT)
ถ้ามีโอกาสกลับไปอีกจะใช้บริการพี่อีกนะค๊าาาาา
เอาล่ะ มาถึงเชียงใหม่ช่วงพลบค่ำแล้ว ท้องก็ร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิวเข้าเช็คอินที่บ้านเสลาก่อนละกัน แล้วค่อยออกไปหาอะไรกินกัน นั่งรอซักพักพี่เจ้าของก็พาเราขึ้นไปที่ห้อง
ทางขึ้นไปชั้นบน ตรงนี้ถ่ายจากบริเวณที่วางรองเท้า ที่นี่ให้เปลี่ยนรองเท้าเป็นสลีปเป่อเมื่ออยู่ในบ้านค่ะห้องของเราอยู่ชั้น 3 ชั้นบนสุด ซึ่งมีแค่ 3 ห้องมั้งถ้าจำไม่ผิดนะ
ด้านหน้าห้องพัก
ระเบียงค่ะ มีที่นั่งให้เราด้วย แต่ภายในห้องเราไม่ได้ถ่ายมา 55555 ด้วยความเป็นกุลสตรีของพวกเราที่ทำห้องรกเกินกว่าที่จะให้เห็นสภาพได้ ก็เลยถ่ายจากวิวในห้อง 5555
เอาล่ะ จัดการเก็บของ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินๆๆหาของกินกัน
เราเดินไปเรื่อยๆ เกือบทุกซอยในนิมมาน แวะร้านนู้นมั่ง นี่มั่ง เดินไปเรื่อยๆ เกือบทุกซอยในระแวกนั้นร้านนี้สวย
แต่สุดท้ายเดินไปเดินมาก็จบอยู่ที่ร้านเดิม ร้านดังแห่งนิมมาน ที่ใครมาแล้วก็ต้องมากิน (รึป่าวหว่า 55)
ท๊ะด๊าาาา
ร้าน ต๋องเต็มโต๊ะ อาหารพื้นเมืองค่ะ
เราได้คิวที่ 60 วันนั้นคนเยอะมาก ฝรั่งก็เยอะ แต่ปกติร้านเค้าก็เยอะอยู่แล้วนิ๊ 5555 เราก็จัดการสั่งอาหารกันก่อน จะได้ไม่เสียเวลา ตอนเราได้โต๊ะก็จะได้กินเลย วันนั้นเราสั่งกันไปตามรูป ซึ่งระหว่างรอโต๊ะ เราก็เดินมาฝั่งตรงข้าม สั่งน้ำปั่นรอ เราสั่งแก้วมังกรปั่น อร่อยม๊วกกกก 55555จากนั้นก็นั่งรอประมาณ 20-30 นาทีได้มั้ง เราก็ได้ที่นั่ง รอไม่นานอาหารที่เราสั่งไว้ก่อนแล้วก็มาเสิร์ฟ
ท้าด้าๆๆๆๆ
เราถ่ายไว้ได้เพียงเท่านี้ เพราะความหิว ทุกอย่างหมดอย่างรวดเร็ว 55555 ภายในร้าน คนแน่นมาก ส่วนนี้เป็นส่วน outdoor คนก็ยังแน่นทุกโต๊ะ
พออิ่มท้องแล้ว ก็ไปยังมิชชั่นต่อไป (พึ่งมาถึงก็เริ่มเลย) แต่ก่อนที่จะไปทำมิชชั่นนั้นก็ต้องหาสารถีก่อน เพื่อนก็ทำการต่อรองกับรถแดงแห่งเชียงใหม่ เราถามอยู่หลายคัน จนได้ราคาที่พอใจกันทั้ง 2 ฝ่าย เราทั้ง 3 ก็กระโดดขึ้นรถแล้วก็ออกเดินทาง
คุณลุงขับมาไกลพอสมควร ไม่นานก็ถึง
แจ่นแจ้นนนนน เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี
ลงรถแล้วเดินเข้าไปค่ะ ลุย!!! เดินเข้ามาถึงด้านหน้าที่ขายตั๋ว ก็ส่งเพื่อนตัวจิ๋วเข้าไปเจรจาซื้อตั๋ว (เผื่อได้ราคาเด็ก 5555) แต่ราคาก็ตามที่เห็นในรูปเด้อ ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินเข้าโซนแสดงได้เลยค่า ด้วยความที่ว่ามันเป็นไนท์ซาฟารี ในโซนที่เราไปส่องสัตว์เขาห้ามใช้แฟลช รูปที่ถ่ายมาก็เลยดูมืดเกินกว่าที่จะดึงแสงได้ ก็เลยไม่มีรูปให้ดูค่าตัดกลับมาอีกทีก็เดินทางกลับแล้วเด้อ คุณลุงกับคุณป้าเจ้าของรถที่เราว่าจ้างให้พามาก็จอดรถรออยู่แล้ว ชะนีทั้ง 3 ขอกลับไปพักผ่อนเอาแรงเพื่อไปลุยมิชชั่นต่อไปในวันพรุ่งนี้ก่อนเน้อ กึดไนท์
เอกอี๊เอ้กเอ๊กกกกกก
เช้าล้าวววว จัดการธุระส่วนตัวเสร็จก็ถึงเวลาเบรคฟัส เราเดินหาร้านที่จะฝากท้องในเช้านี้กันในนิมมานเช่นเคย
เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านต่างๆ มากมาย มีแต่ร้านน่ารักๆ แต่ส่วนใหญ่ยังไม่เปิด เดิน เดิน เดิน แล้วเราก็เลือกร้านนี้ค่ะ RUSTIC & BLUE พี่คนนี้เป็นเจ้าของร้านค่ะ ออกมาต้อนรับแล้วรับออเดอร์เองเลย น่ารักมากๆ แนะนำเราดีมากๆ รอไม่นานกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นของเพื่อนก็มาเสิร์ฟ ส่วนเรากับเพื่อนอีกคนสั่งน้ำส้มจ้า นางเอกไปอี๊กกกกก ฮ่า ฮ่า และแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึงงงงงงง ช้อน ส้อม มีด พร้อม!! ลุยค่ะ กินอิ่ม พุงกางแล้วก็ต้องชำระค่าเสียหาย ระหว่างรอ เห็นรอบๆ ร้านมี Packaging ที่น่าสนใจวางเรียงรายกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ นั่นคือชาดอกไม้ ชาสมุนไพร ที่ทางร้านทำขายด้วย ขอบอกว่ากลิ่นหอมม๊ากกกก
พอออกจากร้านเดินไม่ไกลมากก็ถึงปากซอย เพื่อนจัดการโบกรถแดงเหมือนเดิม วันนี้เราจะเริ่มต้นมิชชั่นกันที่ แกรนแคนยอนเชียงใหม่
ทำการต่อรองราคาเหมือนเคย 5555 คุณลุงตกลงก็กระโดดขึ้นรถโลดดดด แต่บอกก่อนว่าลุงพาเราหลงด้วยแหละ 555 ขับเลยบ้าง หลงทางบ้าง แต่สุดท้ายก็มาถึงจนได้ ด้านหน้าทางเข้า มีค่าเข้านะคะ 50 บาท (เก็บตั๋วไว้แลกน้ำสมุนไพรด้วยนะ) ส่วนถ้าจะเช่าเจ้านี่ ราคาอยู่ที่ 500 มั้งถ้าจำไม่ผิดเดินเข้ามาข้างใน ด้านขวามือก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่เดียวของที่นี่
เราเดินลัดเลาะมานิดหน่อยก็ถึงแล้วววววว แกรนแคนยอนหางดง
คือสวยมากๆ ค่ะ แต่แอบแฝงไปด้วยความน่ากลัว (สำหรับเรา)แล้วเราก็ตัดสินใจเดินลงไป (Caption of Pic มึงๆ ชีวิตมันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกนะ อย่าคิดสั้นเลย 555555)
ด้านล่างมีชาวต่างชาติเล่นน้ำกันเยอะพอสมควร
ส่วนบุรุษเพศ 2 คนนี้ นางกำลังจะขึ้นไปกระโดดค่ะ ใช่ค่ะ กระโดดลงไปแบบนี้ เราก็ลองนะ ลองทีจะขึ้นไปบ้าง แต่ไม่กล้าขึ้นพื้นมันลื่นด้วย 555 ได้แต่ยืนดูและชักภาพไปเรื่อย เดินถ่ายรูปจนหนำใจแล้วก็ขึ้นมานั่งพักเหนื่อย พร้อมกับนำหางตั๋วไปแลกน้ำสมุนไพรเย็นๆ มาดื่มให้ชื่นใจ หายเหนื่อยแล้วก็ขึ้นรถ ออกไปยังมิชชั่นต่อไป
ถึงแล้ววววว วัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
ทางขึ้นค่ะ บทนี้เป็นบทที่เราชอบมากที่สุด ประโยคนี้ก็ชอบ ตัวนี้อยู่ด้านหน้าทางเข้าอุโมงค์และสัญลักษณ์ด้านหน้าอุโมงค์คือ รูปปั้นภิกขุปัญญานันทะ
ก็จัดการถอดรองเท้าค่ะ
เดินเข้ามาด้านในเราก็จะเจอพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ตามช่องระหว่างทางเดิน มีช่องที่ให้เข้าไปกราบไหว้ได้ค่ะ
ความสวยงามในความมืดมิด มีเพียงแสงของเทียนที่สว่างรำไรๆ ผนังด้านบนเต็มไปด้วยเรื่องราวที่เล่าไว้ด้วยภาพเขียน อาจจะมีลบเลือนไปบ้างตามกาลเวลา แต่เป็นภาพเขียนที่สวยมากๆ เมื่อเรากราบสักการะเสร็จก็ได้เวลากลับออกไป สามารถเดินออกทางไหนก็ได้เพราะด้านหน้ามีทางเข้าหลายทางค่ะ ออกมาด้านหน้าก็ตามหารองเท้า 5555 เพราะเราไม่ได้ออกทางที่เราเข้าปล. เราไม่ได้ขึ้นไปนมัสการเจดีย์ข้างบนค่ะ เลยไม่มีรูปให้ชม
จากนั้นก็เดินทางกลับ แต่เดี๋ยวก่อน!! ระหว่างทางเราขอแวะที่นี่ก่อน
โครงการบ้านข้างวัด ที่นี่จะเป็นแหล่งรวมของแฮนเมด สไตล์ต่างๆ และมีทั้งร้านอาหาร ร้านนั่งชิลไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะคติ ชะนีทั้ง 3 ก็คงหนีไม่พ้นการชอปปิ้ง (เสียงตังค์แล้วสบายใจ) ฮ่าาาาาาาา เราแวะทุกร้าน 55555 ร้านนี้น่ารักมากๆ ค่ะ มินิมอลสไตล์ส่วนนี่เป็นลาน outdoor ส่วนรวม
ของใช้ในครัวเรือนก็มีนะ เดินไปเรื่อยๆ บรรยากาศดีมากๆ ส่วนของร้านอาหารเดินมาจนสุดทางก็จะเจอกับป้ายชื่อโครงการซึ่งอยู่ติดกับห้องน้ำ
แล้วเดินเลี้ยวซ้ายมาอีกนิด เราเจอกับโรงเรียนขนาดย่อมที่มีอาจารย์กำลังสอนเด็กๆ กล่มนึงทำงานศิลปะกันอยู่ เพื่อนเป็นคนช่างถาม 555
เราใช้เวลาอยู่กับอาจารย์สักพัก ก็เดินกลับออกมา
แล้วก็เดินกลับไปขึ้นรถที่คุณลุงจอดรอด้านข้างร้านนี้ๆ ที่เคยไปปรากฏอยู่ในซีรี่ย์ไทยเรืองนึงจากนั้นเราก็เข้าเมืองอีกครั้งเพราะท้องร้องจ๊อกๆ ร้านที่ฝากท้องมื้อนี้คือ ร้านเฮือนเพ็ญ ค่า
ไม่มีรูปอาหารเด้อ ถ่ายไม่ทัน 5555 แร้งลงค่ะ
หลังจากอิ่มท้องก็ไปต่อค่ะ
วันนี้เราปิดท้ายมิชชั่นกันที่ ถนนคนเดินวัวลาย ค่ะ ได้เวลาชอปปิ้งอีกล้าววววววว ของที่ขายส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แตกต่างจากถนนคนเดินที่อื่นๆ ซักเท่าไหร่ แต่จะไม่ใหญ่เท่าที่ท่าแพ จิตรกรมีอยู่ทุกที่ค่ะ ลำใยพวงละ 20 จัดไป 1 พวงค่ะ หวานมาก ฝรั่งคนนี้นั่งถ่ายรูปน้องไป ร้องไห้ไป ส่วนฝรั่งคนนี้ดูจะชอบดนตรีไทยมาก นั่งดูน้องคนนี้เล่นขิมจนจบเพลง เดินไปเรื่อยๆ จนสุดทางแล้วก็ได้เวลากลับที่พักมาถึงที่พักก็เริ่มหิวอีกครั้ง ขึ้นไปอาบน้ำกันก่อนแล้วค่อยออกไปหาของกิน
ระหว่างรอเพื่อน ออกมานั่งรอหน้าระเบียง พอเพื่อนพร้อมก็ไปค่ะ เดินไปหน้าปากซอย ร้านนี้อยู่ระหว่างทาง สวยดีเย็นนี้เราเลือกร้านนี้ค่า
แซ่บมากกกกกกก อาหารทะเลก็มีนะ ส่วนตัวนี้ เจ้าถิ่นค่ะ ขี้อ้อนมั่กมากกกกกกกเมื่อได้อาหารครบแล้วก็หิ้วกลับไปกินที่ที่พัก และแน่นอนเราไม่มีรูปส้มตำแซ่บๆให้ดูเหมือนเดิม 5555
กินเสร็จก็นั่งเม้ามอยกันสักพักแล้วเข้านอน กู๊ดไนท์ค่า
เช้าแล้ววววว มอนิ่งวันสุดท้ายที่เชียงใหม่
วันนี้เราจะไปปิดมิชชั่นสุดท้ายของทริปกันที่ โครงการเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล
วันนี้เราไม่ต้องโบกรถแดง เพราะเรามีพี่ที่รู้จักของเพื่อนให้ความกรุณาไปส่งเราค่ะ ใจดีมากๆ ขอบคุณค่าาาาาา
พี่เค้าขับมาเรื่อยๆ ตามทางที่จะไปอำเภอแม่แตง แต่เลี้ยวขวาตรงแยกไฟแดงใหญ่ก่อนจะไปถึงแม่แตง แล้วก็ขับมาเรื่อยๆ ก็จะเจอด้านหน้าทางเข้าโครงการค่ะ ขับต่อไปอีกเรื่อยๆ ฝนก็ตกปอยๆ จนมาถึง อุทยานแห่งชาติศรีล้านนา ซึ่งเป็นทางที่จะไปลงเรือเพื่อนั่งต่อไปยังแพที่เราติดต่อไว้ ทางลงที่จะไปขึ้นเรือค่ะ ติดต่อกับพนักงานของแพที่เราจองไว้ แล้วเค้าก็พาไปนั่งเรือมุ่งสู่ธรรมชาติที่สวยงามในเขื่อนแม่งัดแห่งนี้ ขึ้นเรือทั้งลำ 3 คนค่ะ รวมคนขับเป็น 4 ไพรเวทไปอี๊กกกกกกก อย่าลืมใส่ชูชีพด้วยนะเพื่อความปลอดภัย ระหว่างทางก็มีเรือวิ่งเข้า-ออกตลอด ระหว่างทางก็มีแพหลายๆเจ้าตั้งเรียงรายกันอยู่ถึงแล้วววว แพของเรา แพเอกชัย
มาถึงด้วยความหิว สั่งอาหารกันก่อนเลย
เราสั่งกัน 3-4 อย่างพร้อมข้าวสวย
นั่งกินไปชมวิวนี้ไปค่ะ อิ่มทั้งท้อง อิ่มทั้งตาและใจ
เมื่ออิ่มแล้วก็ได้เวลาออกกำลังกาย ไปพายเรือกันนนนน
ถ้าสังเกตุดีๆ จะเห็น Mountain Float ที่โด่งดังอยุ่อีกฟากนึง ซึ่งตั้งอยู่ฝั่งนู้นเพียงแห่งเดียว เรียกว่าไพรเวทสุดๆ
และเราก็ไม่พลาดที่จะไปเยือนที่พักแสนไพรเวทแห่งนี้ ถึงเราจะไม่ได้พักที่นั่นแต่เราก็มีเรือและไม้พายเป็นพาหนะ 555555 ใช่ค่ะ เราและเพื่อนทั้ง 2 ลงเรือแล้วจ้วงค่ะจ้วงงงงงงง พายเรือข้ามฝากไปยังอีกฝั่งของเขื่อน (อยากบอกเพื่อนว่า มึงๆ กูว่ายน้ำไม่เป็นนะ)
เราพ่ายเรือกันไปถึง Mountain Float อย่างใกล้ชิด ซึ่งสงบและเงียบมากๆ มีเครื่องเล่นไว้ให้แขกที่พักได้สนุกสนานกันหลายอย่าง บรรยากาศดีสุดๆค่ะ (ไม่มีรูป เพราะไม่ได้เอากล้องไปด้วย มือถือก็ไม่ได้เอาไป กลัวเปียก 555)
เราและเพื่อนพายเรือยลโฉมรอบๆ ไม่นาน ก็ตัดสินใจพายกลับ แต่เอ๊ะ!!! ทำไมขากลับมันดูจะไกลกว่าขามาล่ะ 5555 อ๋อเหนื่อยนี่เอง หมดแรง
กลับมาถึงแพที่พัก อิเพื่อนแรงยังไม่หมดโดดน้ำต่อค่า สนุกสนานกันไป
และเมื่อจวนจะได้เวลากลับก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเรือก็มารับกลับไปส่งฝั่ง
แล้วพบกันใหม่ เขื่อนแม่งัด
สัญญาว่าจะกลับมาอีก และจะมาค้างคืนด้วย
เพราะการเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด
แล้วเจอกันทริปหน้านะคะทุกคน
สำหรับใครที่ยังไม่ได้อ่าน Part I ที่เชียงราย ตามไปชมลิ้งข้างล่างได้เลยเด้อออออ
http://www.thetrippacker.com/th/review/เชียงรายเชียงใหม่/9544