มองหา มิตรภาพ และ แรงบันดาลใจ ให้ไป ‘ Hippocampus ’ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ | BlissOutThere

 

 

ทำไมคนที่มองหา มิตรภาพ และ แรงบันดาลใจ
ถึงควรไป ' Hippocampus ' ?? เพื่อนๆจะได้รู้คำตอบ
หลังจากอ่านรีวิวนี้จบแล้ว ซึ่งปิงบอกเลยว่า..
ปิงไม่เคยได้รับพลังงานทางบวก หลังจาก
เข้าพักที่ไหน เท่านี้มาก่อน และ ไม่เคยรู้สึกแฮปปี้
ที่จะได้แชร์ประสบการณ์รีวิวที่พักไหนขนาดนี้
ถ้าพร้อมก็.. เก็บใจใส่เป้ แล้วตามปิงมาเลย :’)

 

 

' Hippocampus ' คือที่พักเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่
ในอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่นี่มีบ้านพักทั้งหมด
3 หลัง หลังแรกสีฟ้า หลังที่สองเป็นยุ้งข้าว
หลังที่สามเป็นบ้านของ ' พี่พิม และ พี่เรียว '
เจ้าของที่นี่ จากหน้าบ้านพี่ๆก็จะมองเห็นวิว
ดอยหลวงเชียงดาว ที่ไม่เหมือนกันเลยสักวัน
ส่วนตรงกลางเป็นลานกว้างๆ แต่ก่อนเป็นที่ปลูกข้าว
ตอนนี้เก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว พี่ๆเขาเลยเปลี่ยนมา
ปลูกดอกปอเทือง ข้างๆเป็นที่อยู่ของเจ้าฝูงเป็ด
ห่าน และ ไก่ ส่วนน้องแมว 3 ตัว เดินวนอยู่รอบๆ

 

 

ทำไมต้องชื่อ ' Hippocampus ' ?

ชื่อที่พักมาจากที่พี่เรียวมีรถ land rover อยู่คันนึง
ซึ่งเป็นรถที่พี่เรียวรักมาก แล้วก็ตั้งชื่อว่า hippo
( ใครไปก็จะเห็นรถคันนี้จอดอยู่ข้างบ้านแกเลย )
พี่พิมเลยอยากให้มีคำว่า hippo อยู่ในชื่อ แล้วก็
มาเจอคำว่า Hippocampus ที่เป็นชื่อเรียกสมอง
ส่วนที่ทำหน้าที่ในการจดจำระยะยาว ตรงกับที่
พี่ๆเขาอยากให้คนที่มาพักที่นี่จดจำกันไปนานๆ

 

 

อย่างที่บอกไปตอนแรกว่า ที่นี่มีบ้านให้แขกเข้าพัก
แค่ 2 หลังเท่านั้น หลังแรกเป็นบ้านสีฟ้าชั้นเดียว
เข้าพักได้ 2 – 4 คน หลังที่สองเป็นยุ้งข้าวที่พี่ๆเขา
ซื้อมาจากชาวนาแล้วเอามารีโนเวทให้น่ารัก น่าอยู่
ซึ่งรอบนี้ปิงกับเพื่อนก็ได้นอนบ้านยุ้งนี้แหละ
ไป ! เราไปสำรวจบ้านยุ้งของเรากันนนนนน : D

 

 

ชั้นล่างมีเปลให้นอนเล่น มีโต๊ะขนาดกลาง 1 ตัว

ชั้นสองเป็นห้องนอน ห้องอาบน้ำ และ ระเบียง

ซึ่งน่ารักมากๆ เหมือนห้องใต้หลังคาเลย แต่มี

สิ่งอำนวยความสะดวกครบนะ ตั้งแต่ตู้เย็น แอร์

เครื่องทำน้ำอุ่น ผ้าเช็ดตัว แต่ที่เลิฟสุดต้องยกให้

ครีมอาบน้ำและยาสระผมสูตรเฉพาะของที่นี่

ผอมและสดชื่น เข้ากับธรรมชาติสุดๆ <3

 

 

ทำไมถึงมีบ้านพักแค่ 2 หลัง ?

 

ปิงจะพยายามเล่าประสบการณ์การเข้าพักที่

Hippocampus และตอบคำถามที่เพื่อนๆน่าจะ

สงสัย(ที่ก่อนมานี่ปิงก็สงสัย) ไปพร้อมๆกันนะ : )

ต้องบอกก่อนว่าที่นี่คือโฮมสเตย์จริงๆ คือ

มากินมานอนกับเจ้าของบ้านในพื้นที่ของ

พี่พิมและพี่เรียว ที่พี่ๆเขา ' สร้าง ' และ ' ดูแล '

เองทุกอย่าง ตั้งแต่ออกแบบและตกแต่งบ้าน

ไปจน ถางหญ้า ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ ทำความสะอาด

รับแขก ทำอาหาร และอีกสารพัด ! พี่พิมบอกว่า..

' ที่เราทำแค่ 2 หลัง เพราะเรารู้สึกว่า ถ้ามากกว่านี้

เราจะดูแลไม่ทั่วถึงแล้ว เราไม่อยากจ้างใครมาทำ

เรา 2 คนอยากทำทุกอย่างเอง เพราะมันคือบ้านเรา '


 

 

5 โมงนิดๆ ก็ได้เวลาให้อาหารน้องเป็ด ห่าน และ ไก่

พี่พิมมอบหน้าที่นี้ให้พวกเรา ซึ่ง.. 5555555555

สนุกดีค่ะ เริ่มตั้งแต่คลุกอาหารให้น้องๆ ปล่อยน้องๆ

เดินเล่น จนให้อาหาร ให้น้ำ เรื่องเล่าน่ารักๆอีกเรื่องคือ

มีเจ้าเป็ดตัวนึงที่เดินตามฝูงห่านตลอด ห่านไปไหน

ไปตาม ห่านทำอะไรทำตาม ไม่ไปอยู่กับฝูงเป็ด

พี่พิมบอกว่าเจ้าตัวนี้ แม่มันไม่ยอมฟักไข่ตั้งแต่แรก

พี่พิมเลยเอาไปฟักเอง พอเกิดมาก็ให้มาอยู่กับเป็ดตัวอื่นๆ

พี่น้องมันก็ไม่เอา แม่มันก็ไม่เอา แต่ฝูงห่านโอเคกับมัน

มันเลยคิดว่ามันเป็นห่าน แล้วก็ติด hashtag ทีมห่านตั้งแต่นั้น

โถ เจ้าหนู5555555555 น่าร้ากกกกกกกก <3

 

 

เสน่ห์อีกอย่างของที่นี่ คือ วิวดอยหลวงเชียงดาว
ที่เราสามารถมองเห็นได้แบบชัดๆ ! จากหน้าบ้าน
พี่พิมและพี่เรียว พี่ๆเขาจะชวนให้เราดูทั้งตอนเช้า
ตอนเย็น เพราะมันจะสวยคนละแบบ และไม่เหมือน
กันเลยสักกะวัน อยากให้หน้าบ้านเรามีงี้มั่ง :’D

 

 

1 ทุ่มตรง พี่พิมก็มาเรียกพวกเราไปทานมื้อเย็น
กับข้าววันนี้คือ กะเพราไก่ผัดพริกแห้ง และ
พะโล้ไข่ห่าน( ก็ไข่ห่านในบ้านนี่แหละ )
ปกติเป็นคนไม่กินพะโล้เลยถ้าเลือกได้
วันนั้นก็เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ปิงเลือกไม่ได้
ก็เลยต้องกิน แต่พอกินปุ๊ป โอ้โห ทำเพิ่มได้มั้ยคะ
55555555 คืออร่อยมาก ทั้งสองอย่าง
พี่พิมบอกว่า ก่อนหน้านี้พี่พิมกับพี่เรียวก็ไม่ได้ทำ
อาหารเก่ง แต่พอตัดสินใจย้ายมาอยู่เชียงดาว
จะนั่งบีทีเอสไปร้านที่ถูกปากมันก็ไม่ได้แล้วอ่ะ
อยากกินของอร่อย เราก็ต้องทำให้อร่อย
ผลบุญนี้ก็เลยตกมาถึงคนเข้าพักค่ะ : p

 

 

สังเกตมั้ยว่าที่นี่ต่างจากโฮมสเตย์ทั่วไป ?

เล่ามาถึงตรงนี้ เพื่อนๆได้สังเกตกันรึเปล่า
ว่าที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นยังไง ? คำตอบก็คือ
' ที่นี่มีศิลปะ ' แต่แต่รูปปั้นหน้าประตูทางเข้า
ของตกแต่งรอบๆที่พัก การจัดวางต่างๆ..
หลังจากกิน เยลลี่ราด vodka ในรูปข้างบน
พวกเราก็นั่งเม้าท์กันยาวๆแบบไม่รู้ตัว 2 ชั่วโมง
จนได้รู้ว่าที่ Hippocampus ออกมาลงตัวแบบนี้
เพราะประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาของพี่ๆ
ทั้งสองคน ซึ่งพี่พิมเคยเป็นนักเขียนสายท่องเที่ยว
และสายอาหาร ( เหมือนเราเลย ) ส่วนพี่เรียว
ก็เป็นศิลปิน เจ้าของผลงานที่อยู่รอบๆที่พักนี่แหละ
ยกเว้นในห้องอาหาร ตอนที่เราไป เป็นภาพถ่าย
ปลากัดของช่างภาพอิสระ คุณวิศรุต อังคทะวานิช
พี่พิมบอกว่าแกลอรี่ตรงนี้ อยากเปลี่ยนเรื่อยๆ
จะได้รู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

 

 

แขกที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะกลับมาอีก กลายเป็นพี่เป็นน้องกัน

Hippocampus ไม่ใช่แค่ที่พัก แต่เป็นเหมือนสนาม
แลกเปลี่ยนเรื่องราวและความฝัน ระหว่างพี่พิม พี่เรียว
และ คนที่มาพักด้วย นอกจากเรื่องที่พี่ๆเคยเป็นนักเขียน
และศิลปิน เราก็ยังได้คุยเรื่องอื่นด้วย พี่พิมถามว่า
เราทำอะไรอยู่ อีกหน่อยจะทำอะไร ก็คุยกันไปเรื่อย
แต่บทสนทนาทั้งหมดมันทำให้เราเห็นความตั้งใจ
ที่พี่ๆสร้างที่นี่ขึ้นมา และ เข้าใจว่าทำไมเขาถึง
ไม่อยากทำบ้านพักเพิ่ม และ เก็บบรรยากาศอบอุ่นๆ
แบบนี้ไว้ ด้วยการดูแลทุกอย่างเอง 2 คน

 

 

ช่วงเวลาแห่งความสุข มักผ่านไปเร็วเสมอ..
เช้าวันต่อไปเราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่
ก่อน 6 โมง แต่ยังมืดตื๋อ เลยตื่นอีกที 6.30 น.
แล้วก็เจอแต่หมอก ! ลงมาถึงหน้าบ้านเลยนะเอ็ง
ดูหมอกเสร็จเข้าไปนอนต่อ แล้วค่อยตื่นมา
ทานมื้อโฮมเมดฝีมือพี่ๆเช้าตอน 8 โมงจ้าาาา

 

 

มาแล้ว อาหารเช้า 2 จาน หน้าตาคล้ายๆกัน
แต่ไม่เหมือนกันนะจ๊าาาา จานแรกเป็น american
– breakfast จานสองคล้าย egg benedict แต่เป็น
ซอสสูตรเฉพาะของที่นี่ ทั้ง 2 จานมีเรื่องราว
คือ ผักที่ใช้ทำสลัดเป็นผักปลอดสารพิษจาก
โครงการหลวง มัลเบอรี่พี่ๆเขาปลูกเองที่นี่
ส่วนขนมปัง พี่ๆก็ทำขึ้นมาเองเช่นกัน <3
เครื่องดื่มๆ เลือกจากเมนูหน้าบาร์ได้เลย
อร่อยหมด แต่แนะนำให้ปิดท้ายด้วยของหวาน
ที่พี่ๆเขาทำเอง( ก็คงต้องอย่างนั้น ) คือ
japanese cheesecake และ thai tea pudding
ละลายในปากมากๆ โอยยยยยยยยยยย

 

 

เผลอแป๊ปเดียวก็ได้เวลาบ๊ายบาย Hippocampus แล้ว
เด๋อมาก ไม่ได้ถ่ายรูปกับพี่ๆเลย โชคดีพี่พิมถ่ายรูปเราไว้
เลยได้รูปนี้มาปิดท้ายรีวิวสุดอบอุ่น :’) <3
ขอบคุณพี่พิมและพี่เรียวที่สร้างที่นี่ขึ้นมา
ขอบคุณพลังงานทางบวกและแรงบันดาลใจ
ขอบคุณอาหาร ขนม และ เครื่องดื่มอร่อยๆ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ .