ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
    • โพสต์-1
    New •  พฤษภาคม 15 , 2559

    วันที่แรกที่สุราษฎร์ธานี

    กลับมาแล้วนะครับ หลังจากห่างหายไปนานจากการท่องเที่ยว 2 เดือนเลย จากทริปที่แล้วกับเชียงใหม่ ครั้งนี้ผมตั้งใจว่าจะไปเที่ยวเขื่อนรัชประภานอนแพกับเพื่อนๆกับกลุ่มที่แล้วจะทริปเชียงใหม่ครับ ในวันที่ 30-2 พฤษภาคม 2559 ช่วงหยุดยาววันแรงงานเลยครับ ตอนแรกที่นัดกันมีสมาชิกด้วยกัน 5 คน แผนคือจะขับรถจากตรังมาทางหาดใหญ่ แล้วขับไปสุราษฎร์กัน แต่ด้วยเพื่อนอีกคนไปไม่ได้ครับ แผนของผมจึงต้องเปลี่ยนใหม่หมด ตอนแรกผมจะเช่ารถจากหาดใหญ่ขับไปแล้วคิดว่า ขากลับจะแวะคีรีวงนอนแช่น้ำสักหน่อย แต่มาคำนวณค่าใช้จ่ายไม่ไหวครับ ตั้งใจจะไปเที่ยวแล้วต้องเน้นประหยัดแล้วคุ้มค่าที่สุดครับ ผมจึงเลือกการเดินทางด้วยรถตู้สาธารณะจากหาดใหญ่-สุราษฎร์ ด้วยราคาค่าตั๋ว 235 บาท ซึ่งเมื่อแผนเปลี่ยนจากกำหนดจะเดินทางไปให้ถึงสุราษฎร์เช้า ผมจึงเลือกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน 1 วันเผื่อจะศึกษาเส้นทางในสุราษฎร์ เพราะจังหวัดนี้ต้องบอกเลยว่าผมไม่เคยไปถึงในเมืองเลย ส่วนใหญ่จะผ่านมากกว่าครั้งนี้จะได้ไปแล้ว ตื่นเต้นครับ

    ผมเดินทางจากหาดใหญ่เวลา 09.00 น. กว่ารถจะออกก็เกือบ 10 โมงแล้ว ไหนจะแวะทานข้าวที่พัทลุงอีก แล้วมีถนนอยู่ช่วงนึงกำลังปรับปรุงทางช้าเข้าไปใหญ่ ผมถึงสุราษฎร์เกือบบ่าย 3 โมงครับ คืนนี้ผมจะพักที่โรงแรม cbd ใจกลางเมืองสุราษฎร์เลยครับ โรงแรมชื่อดังที่ราคาไม่แพงมาก คืนละ 690 บาท ตอนโทรมาสอบถามจะเอาเตียงเดี่ยว แต่ราคา 1100 บาท ก็เลยเอาเตียงคู่ก็ได้ครับ นอนคนเดียวเตียงคู่อีกเตียงเอามาตั้งของซะเลย

    ผมเข้าที่พักเรียร้อยแล้ว พอดีผมมีนัดกับรุ่นน้องที่เพิ่งจะรู้จักกัน จะไปถ่ายรูปกันครับ ที่แรกที่ผมได้ไปถึงคือเกาะลำพูครับ น้องเค้าบอกกับผมว่าเป็นเกาะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ช่วงหลังมีการพัฒนาถมที่ออกไป เพื่อสร้างเป็นสถานที่ออกกำลังกาย แล้วเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ โดยรวมของที่นี่ก็ไม่ต่างกับสวนสาธารณะทั่วไปครับ ช่วงนี้หน้าร้อนต้นไม้แห้งเหี่ยวกันหมด แต่มีไฮไลท์ครับมีจุดนึงที่ช่างภาพในพื้นที่ชอบมาถ่ายรูปครับ เพราะมีนกพิราบเต็มเลยครับเยอะมาก สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในบรรดาเหล่าช่างภาพพรีเวดดิ้งครับ
    • New  @Lmm ขอบคุณนะครับตอนสองมาแล้วนะครับ 23 พฤษภาคม 2559 22:47:23
    • Lmm  รอติดตามต่อครับ 16 พฤษภาคม 2559 09:59:12
    • โพสต์-2
    New •  พฤษภาคม 23 , 2559

    วันที่สองของทริปนี้

    ผมตื่นเช้ามาพร้อมกับรีบโทรไปหาแท็กซี่ให้มารับที่โรงแรมครับ เพื่อจะไปรับรถที่สนามบินพร้อมกับรอเพื่อนจากบินมาจากกรุงเทพอีก 3 คนครับ เบอร์แท็กซี่ 077-489288 ครับ อาจจะมีเบอร์ 1616 แต่ไม่ค่อยจะรับหรอกครับ แนะนำให้โทรเบอร์แรกจะดีกว่า ระยะทางจากตัวเมืองออกไปสนามบินสุราษฎร์ประมาณ 25-26 กิโลเมตรครับ ซึ่งไกลมากครับ ค่าแท็กซี่ที่ผมนั่งอยู่ที่ 144 บาทคูณสองครับ ทำไมถึงคูณสอง ทีแรกผมก็งงนะครับคูณสองเลยหรือ แพงไปไหมหวา แต่สอบถามจากรุ่นน้องในพื้นที่ ได้คำตอบมาว่าเค้ารับส่งเราจากในเมือง มาสนามบินแล้วเค้าไม่มีลูกค้าจะนั่งไปต่อจากสนามบินเข้ามาในเมือง จึงต้องคิดค่าแท็กซี่คูณสองครับ

    ถึงสนามบินก็ไปยังเคาวน์เตอร์ร้านเช่ารถ ผมใช้บริการของพี่ก้อย Smile Carrent ครับ จะอยู่ในอาคารเลยครับ ใกล้กับร้านกาแฟดอยช้างครับ เบอร์พี่ก้อยเผื่อใครได้ไปสุราษฎร์ไปอุดหนุนพี่ก้อยได้ครับ บริการดีรถใหม่ด้วยครับแนะนำเลย 087-8374555 ครับผมเช่า Newyaris ราคาอยู่ที่ 900 บาท/วัน มัดจำ 3,000 บาท ใช้เอกสารใบขับขี่และบัตรประจำตัวประชาชนครับ

    ได้รถมาแล้วก็ใกล้เวลาพอดีกับที่เพื่อนผมอีก 3 คนมาถึงพอดี พวกเราไปรอช้าครับมุ่งหน้าไปยังเขื่อนรัชประภากันเลย เพราะตามกำหนดการเดิม พวกผมมีนัดขึ้นเรือเวลา 10 โมงครับ แต่เครื่องลง 09.45 น. ไม่ทันแน่ๆครับผมจึงให้เพื่อนติดต่อขอเลื่อนเวลาดู ปรากฎว่าทางแพเลื่อนให้เราครับ ทำให้พวกเราไม่เร่งรีบมากจนเกินไปในการเดินทาง เราออกจากสนามบินเลี้ยวขวามาตามเส้นทางเลยครับ จะเข้าไปยังถนน AH2 ระยะทาง 2.5 กิโลเมตรจะเจอทางลอดใต้สะพานแล้วเลี้ยวขวาครับ เข้าไปยังถนนหมายเลข 401 มุ่งหน้าไปยังตำบลเขาวง ระยะทาง 50 กิโลเมตร เมื่อถึงตำบลเขาวงจะมีป้ายบอกให้เลี้ยวไปเขื่อนรัชประภา ระยะทาง 13 กิโลเมตรครับ

    พวกเรามาถึงท่าจุดนัดพบก่อนจะนั่งเรือไปยังแพเวลา 11.00 น.โดยประมาณเพราะมัวแต่แวะซื้อเสบียงครับ อ้อผมลืมบอกไปว่าจากเส้นทางหลักก่อนจะตัดเข้ามาเส้นทางจะมาเขื่อนรัชประภามีตลาดครับ เราสามารถหาซื้อเสบียงไปกินบนแพกันได้นะครับ ภาพแรกที่ไปถึงนะครับบอกได้เลยว่าคุณจะเห็นสีของน้ำในเขื่อนสวยมากเลย สีฟ้าครามอยากจะโดดลงไปว่ายกันเลยครับ ตามแพลนก่อนเราจะไปถึงแพที่พัก เค้าจะแวะให้เราถ่ายรูปกับกุ้ยหลินเมืองไทยก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเทียงที่แพครับ แต่กลุ่มของผมมาเรททางสตาฟจึงบอกว่า เดี๋ยวจะมาแวะให้ตอนขากลับในวันรุ่งขึ้นแล้วกัน เรือของผมมีนักท่องเที่ยวจากอีกกลุ่มขึ้นมาร่วมด้วย แต่เค้านอนที่แพ "สมายเล" ภาพแรกที่เห็นแพ ร้องโอ้โหผมหันไม่ถามเพื่อนไม่ใช่แพเราใช่ไหม ซึ่งตอนนั้นยังไม่รู้นะครับว่าชื่อแพอะไร แต่มาทราบภายหลังครับ ส่วนแพผมชื่อว่า "ภูผาวารี" ครับนั่งเรือถัดจากแพสมายเลไม่ไกลมากครับ มองดูแพที่ผมนอนแล้วว๊าวๆๆๆๆ ต่างกันอะไรขนาดนั้น

    ถึงแพกันแล้วไม่รอช้าน้องคนขับเรือพาพวกเราไปยังห้องพักครับ ภายในห้องพักมีแอร์และพัดลมด้วยครับ และมีห้องน้ำในตัวด้วยครับ แต่สิ่งนึงที่ต้องบอกว่าทำผมเกาหัวเลยคือ ทางแพบอกว่าเราไม่มีรีโมทให้คุณนะ ถ้าอยากได้แอร์ก็จ่ายเงินค่ารีโมท 1,000 บาท ทีแรกพวกเราก็จะไม่เอาหรอกครับ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมากก็เลยจัดมาครับ แต่จุดต่างจากแพที่หนึ่งในเพื่อนผมเคยมา เค้าจะมีเวลาในการกำหนดการใช้ไฟครับ ถึงเวลาเค้าจะตัดไฟครับ แต่ที่นี่ไม่ตัดไฟนะครับ ก็ใช่สิจ่ายเงินไปตั้งพันนึง ตัดไฟอีกคงมีเฮแน่ๆครับ

    พูดถึงเรื่องราคากันบ้างครับราคาห้องพักที่นี่ต่อคนนะครับ อยู่ที่ 2,600 บาทครับ รวมอาหาร 3 มื้อ เที่ยง เย็น เช้า ที่ทำให้ผมรู้สึกโอเครมากคือ เติมไม่อั้นนี่แหละครับ แต่เฉพาะผลไม้นะครับที่ไม่สามารถเพิ่มได้ รสชาติของกับข้าวก็ใช้ได้ครับ ยังมีห่วงยาง ไม้พายให้ได้ยืมกันด้วยนะครับ แต่การยืมจะอยู่ในรูปแบบของการวางเงิน แล้วจะคืนกลับตอนเอาของไปคืนครับ ผมยืมห่วงยางมา 2 ไม้พาย 2 ครับก็ราคาของห่วงยางจะอยู่ที่ 100 บาท/เส้น ไม้พาย 500 บาท/อันครับ อ้อผมลืมพูดถึงสัญญาณโทรศัพท์นะครับ ถ้าไม่อยากพลาดการติดต่อแนะนำให้เตรียมซิม AIS ไปด้วยนะครับ ที่แพนี้มีสัญญาณด้วยครับ

    หนังท้องตึงหนังตาหย่อน รู้สึกง่วงมากครับ แต่เพื่อนๆผมสิถ่ายรูปกันเพลินเลยครับ เราใช้เวลากับการถ่ายรูปหน้าห้องพักของเราอยู่พักใหญ่ๆ จนแดดเริ่มเบาลง ผมจึงชวนเพื่อนไปพายเรือกันดีกว่า สนุกมากครับกิจกรรมที่มาแล้วก็มาพายเรือกันครับ หรือจะเลือกโดนน้ำจากบันไดที่ทางแพทำไว้ก็ได้ครับ ความสูงก็อยู่ที่ตึก 3 ชั้นเห็นจะได้ครับ ผมโดดไปครั้งเดียวกว่าจะโดดได้ก็แรงเชียร์ครับ เพื่อนบอกไม่โดดตุ๊ด โห้ผมให้เพื่อนว่างี้ได้ไงหวา โดดโชว์สักหน่อยแต่บอกได้เลยครับว่าสุดยอดมาก โดยปกติเวลาเราโดดน้ำในสระอาจจะลงไปถึงพื้นสระ แต่ที่นี่ไม่ถึงพื้นนะครับ บอกเลยต้องมาลองครับ ผมใช้เวลาในการพายเรือแล้วเล่นน้ำนานเลย ซึ่งความเป็นจริงจะมีกิจกรรมพาไปดูพระอาทิตย์ตกครับ เห็นเค้าบอกว่าสวยนะ แต่พวกเราไม่ได้ไปครับ เลือกที่จะเล่นน้ำกันน้องคนขับเรือก็ว่างงานเลยคราวนี้ เพราะถ้าเราไปดูพระอาทิตย์ตก เราก็พลาดโอกาสเล่นน้ำพายเรือสิครับ แต่ถ้าไปครบก็ไม่ได้ไปอีกคราวหน้าสิครับ เก็บไว้ไปคราวหน้าบ้างก็ได้นะครับ

    พายเรือเล่นน้ำกันเต็มอิ่มแล้วถึงเวลาของอาหารค่ำแล้วสิครับ อาหารค่ำคืนนี้อร่อยอีกเช่นเคยครับ พวกเรากินข้าวกันเสร็จก็มาปาร์ตี้กันต่อที่หน้าห้องพัก บรรยากาศอันเงียบสงบ ภายหลังจากก่อนหน้านี้ฝนตกด้วยครับ กับเพื่อนๆฟินมากครับ เราก็มานั่งคำนวณค่าใช้จ่ายกันแล้ว วางแผนกันต่อว่าพรุ่งนี้จะไปไหนกันดีในตัวเมืองสุราษฎร์ครับ

    • โพสต์-3
    New •  พฤษภาคม 24 , 2559

    วันที่สามของทริปนี้

    เช้านี้ผมตื่นมาดื่มด่ำกับวิวสวยๆหน้าที่พักเลยครับ บอกได้เลยว่าฟินสุดๆยังกับถ่ายโฆษณาเนสกาแฟเลยครับ ถ้าได้จิบกาแฟเบาๆยามเช้า บอกเลยว่าอัยยะหรอยจังฮู้ พวกเรารีบตื่นไปกินอาหารเช้าที่ทางแพได้เตรียมไว้ครับ โดยเรือจะพาเราไปยังกุ้ยหลินเมืองไทยในวันนี้ครับ ต้องบอกว่าอาหารมื้อที่ผ่านๆมาถ่ายไว้ไม่ทัน เพราะหิวมากตาลายก็เลยยกเรื่องถ่ายรูปไว้ก่อน เอาเรื่องกินเป็นใหญ่ครับ แต่เช้านี้มีเวลาให้ได้ถ่ายรูปกันแล้วครับ วันนี้จะว่าด้วยการไปถ่ายรูปกับกุ้ยหลินเมืองไทยและการไปเที่ยวในตัวเมืองสุราษฎร์ธานีนะครับ

    ทางสตาฟได้นัดกับพวกเราในเวลา 08.30 น. เพื่อจะไปยังกุ้ยหลินเมืองไทยครับ ระหว่างทางเราก็ต้องไปรับนักท่องเที่ยวที่มาด้วยกันในวันแรกที่สมายเลครับ แล้วมุ่งหน้าไปกันต่อเลยครับ ที่แรกที่เราไปคือ "แพนางไพร" เป็นแพของอุทยานราคาจะถูกหน่อยครับ ราคาจะขึ้นกับจำนวนคนครับ ตั้งแต่ 2 คนสำหรับ 2 วัน 1 คืน ราคา 2,700 บาท/คน รวมอาหาร 3 มื้อครับ สอบถามข้อมูลจากสตาฟบอกว่าเป็นแพของทางอุทยานเขาสก ที่นี่จะมองเห็นส่วนบริเวณของอุทยานเขาสกด้วยครับ แล้วมีปลาตะเพียนเยอะมาก มีเมล็ดข้าวโพดตากแห้งเป็นอาหารให้ได้ให้อาหารปลากันด้วยในราคาถุงละ 10 บาทครับ

    เราใกล้จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่แล้วครับ คือมองไปรอบๆถ้าล่องเรือผ่านมาไม่สังเกตุหรือไม่มีใครบอก เราจะไม่รู้เลยนะครับว่านี่หรือกุ้ยหลินเมืองไทย ตอนล่องเรือเข้าไปผ่านช่องเขาพวกเราเห็นความสวยงามของที่นี่จริงๆครับ บริเวณนั้นเย็นสบายเลย ซึ่งเป็นจุดที่ใครมาเที่ยวเขื่อนรัชประภาก็ต้องมาถ่ายรูปกับที่นี่ครับ

    ถ่ายรูปอะไรกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาต้องขึ้นฝั่งกันแล้ว ขากลับพวกเราแวะชมวิวบนเขื่อนรัชประภากันนิดนึงครับ ก่อนที่จะไปหาของกินกันครับ โดยที่จากที่หาข้อมูลมาเค้าว่ากันว่าใครมาสุราษฎร์ต้องไปกินขนมจีนเส้นสดหน้าเรือนจำ ร้านนี้เซเลปดังๆมากินกันเยอะครับ ร้านนี้ต้องบอกว่าเข้ามาในร้านพ่อค้าตอนรับดีมากครับ ในร้านจะมีขนมจีน 4 แกงครับ มีแกงป่า น้ำยา น้ำพริก และไตปลาครับ แต่ต้องบอกว่าทุกแกงเค็มมากครับ ยกเว้นน้ำพริกที่จะติดหวานหน่อยครับ เครื่องเคียงขนมจีนมีไก่ทอดให้ได้ลองกันด้วยครับ น้ำผลไม้ร้านนี้มีเยอะมากทำใส่ขวดมา แต่ก็อร่อยดีครับ ถ้าไม่เค็มมากจะโอเครเลยแหละ

    อิ่มกันแล้วก็เข้าที่พักครับ ไปเช็คอินก่อนครับ ที่แพลนไว้กะจะไปเล่นสวนน้ำสุราษฎร์สักหน่อย แต่เพื่อนๆบอกร้อนอีกอย่างช่วงนี้ตรงกับวันหยุดวันแรงงานด้วยแล้วคนเยอะแน่ๆ ผมจึงเปลี่ยนแผนครับบอกกับเพื่อนว่า ผมไปเจอทุ่งหญ้าสวยๆมาด้วยแหละ อยู่แถวเกาะลำพูที่ผมไปมาในวันแรก อยากจะไปถ่ายรูปกันไหม เพื่อนๆบอกไปงั้นก็จัดไปเลยครับผม

    ที่พักของพวกเราในคืนนี้ชื่อว่า "จรรย์ระภัชรีสอร์ท" ห้องพักที่นี่ต้องบอกว่าดูหรูมากครับ คิดในใจราคาแพงแน่เลยที่ไหนได้ครับ ราคา 800 บาท/คืนเองครับ และที่สำคัญภายในห้องพักน่ารักมากครับ เพื่อนผมกรี๊ดเสียงดังเมื่อเห็นห้องพัก ผมก็ตกใจนึกเจองูหรืออะไร ที่ไหนได้ครับตกใจบอกห้องน่ารักมาก มีโอกาสก็ลองมาพักกันดูนะครับ ห้องพักนอนได้ 2-3 คนต่อห้องครับ

    มาถึงช่วงบ่ายแก่ๆแล้วสิถึงเวลานัดกันแล้ว ที่เราจะไปถ่ายรูปกันที่ทุ่งหญ้าที่ผมบอก ก่อนหน้านี้มีทุ่งหญ้าหิมะที่เป็นกระแสโด่งดังในโลกโซเชียลครับ ที่นี่ก็มีเหมือนกันแต่ไม่ใช่ทุ่งหญ้าหิมะหรอกครับ ทุ่งหญ้าข้างทางก็สวยเหมือนกันนะครับ อยู่ใกล้เกาะลำพูครับ บังเอิญไปเจอในวันแรกพวกเราเลยไปถ่ายรูปกันครับ

    ถ่ายรูปเสร็จก็หิวสิครับ ได้พิกัดมาจากคนท้องถื่นบอกว่าร้าน "เคียงเล" ที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ อาหารทะเลอร่อย พวกเรามาถึงที่นี่ก็อยากได้สัมผัสอาหารทะเลสดๆอร่อยๆ ขับรถออกจากตัวเมืองไปประมาณ 30 กิโลเมตร ไปถึงที่เจอรถจอดกันเต็มเลย ส่วนใหญ่คงเป็นนักท่องเที่ยวที่มานั่งชิวกินอาหารทะเลกันครับ แต่ในเมื่อมีคนแนะนำมาว่าร้านเคียงเลอร่อย ถึงเวลาต้องมาพิสูจน์กันแล้วครับ ซึ่งพวกเราสั่งเมนูมีแกงส้มปลากระบอก ยำเคียงเล กั้งทอดกระเทียม และปูผัดผงกระหรี่ ได้เวลาชิมแล้วครับ ผมชิมแกงส้มคำแรกบอกร้องโอ้ววววววว.........เค็มอีกแล้ว คือผมสรุปได้แล้วว่าร้านอาหารที่สุราษฎร์เป็นส่วนใหญ่รสชาติจะติดเค็มมาก และคนทางนี้คงกินรสชาติประมาณนี้ ถ้าไม่ติดเค็มก็คงจะไม่อร่อยใช่ไหม คือผมไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายทางร้านหรือแต่อย่างใดนะครับ แต่ผมรีวิวตามความเป็นจริง ตามสิ่งที่ผมเจอมา เพราะสิบปากว่าไม่เท่าได้ลองชิมเองครับ คุณอาจจะชอบรสชาติแบบนี้ก็ได้นะครับ พวกเราเรียกเก็บเงินราคาไม่แพงเลยครับ อยู่ที่ 1,400 บาท ซึ่งก็เห็นสมกับอาหารที่สั่งมาครับ กินของคาวอิ่มแล้วก็ถึงเวลาของของหวานแล้วสิครับ เพื่อนผมไปทำงานกทม. กันนานบอกว่าอยากกินโรตีชาชักครับ ผมจึงสอบถามข้อมูลจากรุ่นน้องในพื้นที่อีกครั้ง เพราะคิดว่าครั้งนี้ของหวานไม่ใช่ของคาว ไม่เจอเค็มแล้วหล่ะพวกเรา

    พวกเราต้องขับรถเข้ามาตามหาร้านโรตีชาชัก ที่ได้ข้อมูลมาจากรุ่นน้องผม ชื่อว่าร้าน "เจ๊จอย" ครับร้านเจ๊จอยอยู่ถนนเรียบแม่น้ำตาปีเลยครับ เยื้องกับวัดกลางเก่าครับ ทีแรกวนหาร้านอยู่พักใหญ่ๆ เพราะร้านเจ๊จอยจุดเด่นคือไม่มีไฟสว่างนะครับ เน้นบรรยากาศสุดๆ มีแค่แสงไฟจากเชิงเทียนครับ เจอร้านเจ๊จอยกันแล้วไม่รอช้าครับ เดินเข้าไปหาที่นั่งแล้วสั่งกันเลย พวกเราสั่งโรตีธรรมดากับซาโมซ่าไส้กล้วย กับน้ำของแต่ละคน รสชาติร้านนี้ใช้ได้เลยแหละ เสียอย่างเดียวมึดไปหน่อยแค่นั้นเองครับ มีโอกาสไปสุราษฎร์ก็แวะไปลองกันได้นะครับกับร้านนี้

    • New  @Lmm ขอบคุณนะครับ เดี๋ยวจะมารีวิวเพิ่มครับ ว่าด้วยของกินในวันที่ 3 ครับ 24 พฤษภาคม 2559 17:20:44
    • Lmm  ภาพสวยมากครับ ^ ^ 24 พฤษภาคม 2559 09:56:53
    • โพสต์-4
    New •  มิถุนายน 04 , 2559

    วันสุดท้ายของทริปนี้

    ตื่นขึ้นมาเช้านี้ด้วยความสดชื่น หลังจากได้นอนพักเต็มอิ่มเลย เช้านี้ผมตื่นเช้ากว่าใคร ด้วยความหิวเลยรีบอาบน้ำเก็บเสื้อผ้าแล้วรีบไปที่ส่วนของส่วนจัดเตรียมอาหารเช้าของที่พัก อ้อผมลืมบอกไปว่าราคาของที่พักที่นี่รวมอาหารเช้าด้วยนะครับ ผมก็เลยสั่งอาหารเช้ามาชุดนึง ถ่ายไปทันอีกตามเคยเพราะหิวมาก รู้สึกตัวอีกทีลืมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่งรอเพื่อนๆอยุ่พักใหญ่ เพื่อนก็ตามกันมาแล้วก็มุ่งหน้าไปหาร้านอาหารเช้ากัน คราวนี้เรามากันที่ร้าน "สุธารส" ร้านนี้เค้าเขียนว่าเป็นร้านกาแฟคนตรัง ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกับพวกเราก็อุดหนุนกันหน่อยครับ ร้านนี้ก็มีอาหารเช้า โจ๊ก ติ่มซำ และอีกเมนูที่โผล่ขึ้นมาคือโล่งโต้ง เอ๊ะมันคืออะไรเลยจัดเมนูนี้มาลองดู

    โล่งโต้งเป็นบะหมี่ขาวใส่ลูกชิ้นและกระดูกหมู รสชาติก็คล้ายกับบะหมี่ทั่วไปนะความรู้สึกผมคิดอย่างนั้น วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว บวกกับเพื่อนๆต้องรีบไปขึ้นเครื่องในเวลา 09.45 น.และไปคืนรถที่สนามบินด้วยในเวลา 10.00 น.ผมไปส่งเพื่อนทันเวลาพอดีครับ ส่งเพื่อนเสร็จเป้นที่เรียบร้อย แล้วผมจะกลับหาดใหญ่ยังไงหล่ะ ผมจึงให้รุ่นน้องมารับครับเพื่อจะไปถ่ายรูปต่ออีกหน่อยในเมือง และไปหาร้านอะไรอร่อยๆทีเด็ดของสุราษฎร์เค้าบอกว่า ถ้ามาสุราษฎร์ต้องมากิน"โล่งโต้ง" ร้านยกเข่ง เอาแล้วไงผมจัดมาแล้วเมื่อเช้า เอาลองดูอีกสักร้านดูสิจะเหมือนกันไหม แต่ระหว่างทางที่จะไปในเมือง

    รุ่นน้องถามกับผมว่า พี่ได้ไปถ่ายรูปที่สะพานศรีสุราษฎร์หรือยัง ผมบอกไปว่ายังเลยที่สะพานสูงๆที่ใครๆก็ต้องมาถ่ายรูปใช่ไหม รุ่นน้องบอกบอกว่าใช่เลย เดี๋ยวผมพาไปครับ ไปถึงสะพานมองไกลๆรู้สึกได้ว่าสูงมากครับ แต่ขับขึ้นไปบนสะพานก็ไม่ได้สูงมากนี่นา ฝั่งนึงของสะพานนี้จะมองเห็นวิวปากแม่น้ำตาปีครับ อีกฝั่งจะมองเห็นตัวเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดนี้เท่าที่สังเกตุยังไม่มีตึกสูงสักเท่าไรนะครับ แต่รุ่นน้องบอกว่านี่ก็พัฒนามาเยอะแล้วนะพี่

    หลังจากถ่ายรูปสะพานกันเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาของผมต้องขอไปลองร้านยกเข่งกันสักหน่อยก่อนกลับครับ ร้าน"ยกเข่ง" ร้านนี้ขายโล่งโต้งและก๋วยจั๊บครับที่เด็ดที่ใครมาต้องมาลอง แต่ผมถามรุ่นน้องก่อนเลยนะ ว่าเค็มไหมร้านนี้เพราะเริ่มกลัวร้านอาหารในสุราษฎร์ไปแล้วครับ มาถึงร้านก็ต้องบอกว่าร้านอยู่ซอยถัดจากตลาดหน้าศาลเจ้าอีกซอยเอง คือที่มาก่อนหน้าที่บอกว่าตลาดหน้าศาลเจ้าแต่อยู่หน้าวัด ที่แท้ความเป็นจริงศาลเจ้าอยู่ฝั่งนี้นี่เอง คือก่อนหน้านี้มากับรุ่นน้องอีกคนแล้วผมก็คิดนะว่า เค้าเป็นคนสุราษฎร์จริงหรือเปล่า ถึงไม่แนะนำร้านอาหารเด็ดๆที่ต้องมาลอง ไม่เป็นไรครับคราวหน้ามาใหม่ขอรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารที่ไม่เค็มให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ได้ไปลองกันนะครับ

    จากทริปนี้เราใช้งบกันไปคนละ 5,000 บาท/คน โดยประมาณครับ เพราะอาจจะเบาหน่อยที่นั่งรถตู้มาจากหาดใหญ่ แต่คนที่มาจากกรุงเทพ ถ้าได้ตั๋วถูกมาผมว่างบขนาดนี้เที่ยวได้ขนาดนี้ไม่แพงเลยครับ ด้วยระยะเวลาที่จำกัดแล้วผมถือว่าคุ้มครับ ขอบคุณที่ติดตามกันมานะครับ เจอกันทริปหน้าครับกับรีวิวจังหวัดภูเก็ตนะครับ