ภูเก็ต-พังงา หน้าฝนก็เที่ยวได้.. ไม่แคร์ !
ใครว่าหน้าฝน / ช่วง low season เที่ยวไม่ได้.. ไม่จริงงงงงง
ทะเลใต้บ้านเรายังสวยเหมือนเดิม มาพักผ่อนกันได้เหมือนเดิมค่ะ
แถมราคาที่พัก + ทัวร์ ยังถูกกว่าปกติตั้งเยอะ
นี่เพิ่งไปภูเก็ต-พังงามา 4วัน 3คืน ดีงามจนต้องบอกต่อ
ข้อมูลที่กินที่เที่ยวและค่าใช้จ่ายต่างๆรวมอยู่ในรีวิวนี้แล้ว ไปดูกันเล้ยยยย
ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ **ต่อคน**
1. ค่าที่พัก 3 คืน 2,840 บ. ( Hotel IKON Phuket 1 คืน 920 บ. (1,840/ห้อง/คืน) + The Waters Khao Lak 2 คืน 1920 บ.(1,920/ห้อง/คืน) )
2. ค่ารถ 505 บ. (Airport bus 100 บ. + สองแถว 35 บ. + แท๊กซี่ 370 บ.)
3. ค่านั่งเรือสำราญทัวร์อ่าวพังงา ไปจุดชมวิวเสม็ดนางชี และ ชมพิพิธภัณฑ์ของเก่าเบญญารัญ กับ Sea Angel 2,000 บ. (ดอกจันแปดล้านดวง ! ปกติราคาเต็ม 3,200 บ. แต่ถ้าเพื่อนๆจะไปช่วงธ.ค. 59 – พ.ค. 60 ให้บอกว่ามาจากเพจ Bliss Out There เขาลดให้เหลือ 2,000 บ. นะจ๊า ดูรายละเอียดการจองในรีวิวได้เลย)
4. ค่าทัวร์ไปดำน้ำที่หมู่เกาะสิมิลัน กับ WOW Andaman 3,000 บ. (ราคานี้รวมรถรับ-ส่ง ที่พัก-ท่าเรือ รวมอาหาร 3 มื้อ และประกันเรียบร้อยค่ะ)
5.ค่ากิน มื้อเล็ก มื้อใหญ่ ของหวาน ของคาว รวมแล้วประมาณ 500 บ.
6. ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ-ภูเก็ต 3,000 บ. เราจองผ่านเว็บไซต์ Jetradar ก็ได้ราคาดีขึ้นมาหน่อย เพราะเขาจะหาตั๋วราคาเบาๆจากหลายๆสายการบินและเรียงลำดับมาให้เราเลือกสะดวกขึ้น อันนี้ลิงก์ >> goo.gl/5duYVR หรือจะโหลดแอพก็มีทั้งระบบ IOS และ Android
** รวมทั้งหมด 11,845 บ. / ต่อคน (อื้อหือเลขสวยไปอีก) เหมือนจะแพงแต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่ได้ 4วัน 3คืน ถือว่าไม่แพงเลย ถ้าอยู่ในช่วงเก็บเงินแนะนำไป 3วัน2คืน แล้วเลือกทัวร์ใดทัวร์นึงก็ได้ ส่วนทริปนี้จะคุ้ม จะฟินขนาดไหน เราไปดูพร้อมๆกันค่า : D **
เราไปถึงสนามบินภูเก็ตประมาณ 10.30 น. จากสนามบินไปที่พัก เดินทางด้วย Airport Bus จะประหยัดที่สุดค่ะ ออกจากอาคารผู้โดยสารแล้วเลี้ยวซ้าย เดินเลยมินิมาร์ทมาหน่อยก็เจอแล้ว ราคาอยู่ที่ 100 – 180 บ. ขึ้นกับระยะทาง แต่โรงแรมที่เราจะไปอยู่นอกเส้นทาง เราเลยเสียแค่ 100 บ. ให้พนักงานบอกว่าต้องลงตรงไหน จากนั้นต่อรถสองแถวที่เขียนว่า กะตะ-กะรน ไปลงหน้า ‘Hotel IKON Phuket’ ด้วยค่าเสียหาย 35 บ. ค่ะ
เช็คอินไปด้วย กรอกตาสำรวจ lobby ไปด้วยยยยยย..
ที่นี่มีห้องพักทั้งหมด 4 แบบ เราพักห้อง IKON Ocean ตอนนี้เขามีโปรโมชั่น ‘Stay & Spa Package’ อยู่ด้วย เป็นห้องแบบ IKON Ocean เนี่ยแหละ แต่จะเพิ่ม OKA Signature Package นวดหินร้อนสำหรับ 2 คน จองผ่านเว็บไซต์ได้ราคาพิเศษนะจ๊า นี่ลิงก์ >> http://www.hotel-ikon.com/ อ้ะ ไหน ห้องของเรา..
ตกแต่งเรียบง่ายแต่ดูดี เน้นสีขาว ดำ เทา ห้องน้ำก็เหมือนกันนน..
อันนี้วิวจากห้องเราค่ะ : )
นอนกลิ้งจนแดดหมด เราก็ลงไปสำรวจส่วนส่วนกลาง + ว่ายน้ำที่สระค่ะ
ส่วนตัวชอบที่นี่ตรงที่เป็นโรงแรมไม่ใหญ่ แต่จัดสรรพื้นที่ได้ดี ทำให้มองไปตรงไหนก็สบายตา
ความจริงที่ IKON เขามีห้องสปา + ฟิตเนสให้ใช้บริการด้วย
แต่วันที่เราไปร้อนมากกกกก จิตใจเลยอยู่ที่สระว่ายน้ำอย่างเดียวค่ะ ฮ่าๆ
ว่ายน้ำเสร็จแล้วก็ต้อง.. หิวข้าววววววววว ใช่เลยยยย
งั้นเรารีบไปล้างตัว เปลี่ยนชุด แล้วออกไปหาข้าวเย็นทานกันดีกว่า
จากโรงแรมเดินตามถนนที่ไปหาดมาเรื่อยๆ พวกเราก็เจอร้านอาหารไทย-อิตาเลียนเข้าให้
ร้านดูสะอาดสะอ้าน มีคนนั่งกินอยู่พอสมควร จัดเลยแล้วกันค่ะ : p
พวกเราสั่งพิซซ่า 1 ถาด สปาเก็ตตี้ 2 จาน และ เฟรนช์ฟรายอีก 1
รสชาติอร่อยเอาเรื่อง หารกัน 4 คน ตกคนละประมาณ 120 บ. ค่ะมื้อนี้
กินเสร็จไม่เถลไถล เดินกลับเข้าที่พักค่ะ5555 พรุ่งนี้จะมีรถตู้มารับพวกเราแต่เช้า
เพราะฉะนั้นนอนให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้เราไปเขย่าอ่าวพังงากัน เฮ !
ตื่น 6.30 น. กินข้าว 7.00 น. รถมารับ 7.30 น. ค่ะ
จากที่พักไป ‘พิพิธภัณฑ์เบญญารัญ’ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และของเก่าค่ะ มีตั้งแต่ของใช้ชิ้นเล็กๆไปจนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆ หรือแม้แต่ร้านตัดผม ร้านกาแฟ โรงหนังสมัยก่อน เขาก็จำลองมาไว้ที่พิพิธภัณฑ์นี้แล้ว ! ปกติจะมีค่าเข้าชมสำหรับเด็ก 30 บ. ผู้ใหญ่ 50 บ. แต่พวกเราไม่ต้องเสียเพราะรวมอยู่ในทัวร์เรียบร้อยแล้ว แค่เดินดูให้คุ้มก็พอค่ะ5555 แปะลิงก์เพจของพิพิธภัณฑ์ไว้ให้นิสนึง >> http://bit.ly/28SmTT6
ถึงเราจะเคยมาที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่เบื่อค่ะ เพราะเขามีของใหม่ๆเวียนมาจัดแสดง
(หมายถึงของเก่าที่เพิ่งเอามาโชว์ ไม่ใช่ของสมัยใหม่นาจา)
แถมวันนี้โชคดีเจอพี่ลูกเจ้าของที่นี่ เขาเลยช่วยอธิบายซะดิบดี
เริ่มด้วยชิ้นแรก.. เขากวางคุด ที่สะดุดตาเอามากๆ
พี่เขาบอกว่าเขากวางคุดเป็น 1 ในเครื่องรางของขลังที่ไม่ต้องปลุกเสก
ช่วยป้องกันภัยอันตราย เกิดจากกวางที่เขาคุด ไม่งอก เขาบอกว่ากวางที่มีเขาแบบนี้
ก็จะยิงไม่เข้า ฆ่าไม่ตาย ต้องตายเองตามธรรมชาติเท่านั้นค่ะ
สุดยอดดดดดดดดดดดดดด
เดินไปเรื่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ
Kodak รุ่นแรกอ่ะหูยยยยยยย..
คุณพี่บอกเราว่า คุณพี่ตั้งใจจะทำเพิ่มอีกโซน เป็นโซนที่รวบรวมพระราชประวัติ
พระราชกรณียกิจ พระบรมฉายาลักษณ์ ของ ร.9 และ หนังสือที่เกี่ยวข้องมาจัดแสดง
น่าสนใจมากทีเดียว หวังว่าไปรอบหน้าจะได้ชมโซนนี้นะ : )
อันนี้เป็นกระเป๋าสมัยก่อนนนน คล้ายๆหีบค่ะ
พี่เขาบอกว่าหลายชิ้นบนชั้นวางนี้ได้รับบริจาคมาจากคนที่เข้ามาเยี่ยมชมที่นี่
แล้วต้องการนำของเก่าที่บ้านมาจัดแสดงเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นต่อๆไป
บ้านใครมีของเก่า ของดี อยากทำวิทยาทานก็ติดต่อไปได้น้า
พูดมากชักจะคอแห้ง แวะจิบกาแฟสักแก้วเป็นไง ?
โซนสุดท้ายเป็นของใช้และอาวุธในกองทัพค่ะ มีเครื่องบินรบด้วย เขาบอกลำนี้เป็นสิบล้านนะ
ดูเสร็จก็ขึ้นรถไปต่อกันที่ท่าเรืออออออ ขอบคุณคุณพี่อีกรอบนะคะที่อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับของชิ้นต่างๆให้ฟัง ฟังเพลินมากค่ะคุณพี่ อย่างว่าเนอะของบ้านเรา เราไม่รักษาใครจะรักษา.. วันหยุดหน้า ชวนเพื่อน ชวนครอบครัวไปเลยค่า ! เผลอแป๊ปเดียวมาถึงเรือสำราญของ ‘Sea Angel’ ซะแล้วววว ขอพุ่งตัวเข้าไปทานของว่างก่อนเลยแล้วกัน ฮ่าๆ
อย่างที่บอกไปตอนต้นของรีวิวว่า **ปกติทัวร์นี้ราคาเต็ม 3,200 บ. ถ้าจะไปช่วงธ.ค. 59 – พ.ค. 60 ให้บอกว่ามาจากเพจ Bliss Out There เขาจะลดให้เหลือ 2,000 บ.** ราคานี้รวมรถรับ-ส่ง ที่พัก-ท่าเรือ อาหารกลางวัน ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์และอุทยานเรียบร้อยแล้ว อยากมาฟินแบบนี้แนะนำให้โทรจองล่วงหน้าที่เบอร์ 076-220-832, 089-873-3814, 093-576-6985หรือ https://www.facebook.com/seaangelthailand/ เห็นเขาบอกเรือชั้น 2 และ ดาดฟ้าเพิ่งปรับปรุงใหม่ด้วย ไหนเอามาดูซิ..
จากท่าเรือใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง พวกเราก็มาถึง ‘เขาตาปู’ แล้ว (ตาปูนะไม่ใช่ตะปู) ที่เรียกเขาตาปูเพราะหินที่ขึ้นมาจากน้ำมันมีรูปร่างเหมือนตาของปูค่ะ ซึ่งที่นี่เรือใหญ่เข้าไม่ได้ พวกเราเลยต้องย้ายไปเรือเล็ก
บางคนก็เรียกที่นี่ว่า เกาะ เจมส์ บอนด์ ค่ะ เนื่องจากในปี 2517 ภาพยนตร์ของเจมส์บอนด์เรื่อง The Man with The Golden Gun เคยมาถ่ายที่นี่ พอหนังเรื่องนี้ฉาย นักท่องเที่ยวทั่วโลกก็หลั่งไหลเข้ามา จนถึงปัจจุบัน
มาต่อกันที่ ‘เขาพิงกัน’ อยู่บนเกาะนี้นี่แหละ เป็นงานศิลปะที่เกิดจากธรรมชาติ
สวยงามควรค่าแก่การถ่ายรูปคู่จริงๆค่ะ..
มีความ adventure เบาๆ
ครบ 40 นาที พี่ไกด์ก็ตามพวกเราขึ้นเรือค่ะ
ได้เวลาทานอาหารกลางวันแล้วววววววว เป็นบุฟเฟ่ต์ซะด้วย หึหึ
กิจกรรมต่อไปคือการนั่งเรือแคนู สำรวจ ‘เกาะห้อง อ่าวพังงา’ ชื่อเกาะห้องมาจากลักษณะภูเขาเล็กใหญ่ที่สลับกัน ทำให้เกิดถ้ำและแอ่งน้ำ/บลูลากูน พอนั่งเรือเข้าไปก็จะเหมือนอยู่ในห้องนู้นห้องนี้ ว่าแต่พี่คนไหนจะเป็นผู้โชคดี ได้เราเป็นผู้โดยสารน้อออออออ..
เตรียมกล้องให้พร้อมนะ มันสวยมากจริงจริงงงงงงงงงง
กำลังจะเข้าไปดูบลูลากูนแล้วววววววว ระวังหัว + ระวังกล้องเปียกด้วยล่ะ
เป็นห้องที่สวยและสงบที่สุดเลย
ไม่มีไฟฟ้า / สัญญาณ wifi แต่ดีต่อใจ <3
นั่งเพลินมาก แป๊ปเดียวผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
ไปๆๆๆ กลับขึ้นเรือใหญ่ เราจะไปที่อื่นกันต่อออออออ
ที่สุดท้ายของวันเนนนนน้.. ‘จุดชมวิวเสม็ดนางชี by Sea Angel’
เป็น unseen ของจังหวัดพังงาค่ะ จากท่าเรือพวกเราต้องนั่งรถตู้เข้ามา
พี่ไกด์บอกว่าถ้าวันไหนฝนตกหนักๆก็ไม่แนะนำให้ขึ้น เพราะทางชันพอสมควร
วันนี้โชคดีได้ขึ้นมา ถึงฟ้าจะหม่นหน่อย แต่ก็ยังมองเห็นวิวรอบๆและป่าชายเลนได้ชัดเจนค่ะ
ใครอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่นี่ลองดูลิงก์นี้ค่ะ >> http://travel.kapook.com/view142701.html
ปิดท้ายวันที่ 2 ได้อย่างสวยงามมมมม หลังจากนี้ก็นั่งรถเข้าที่พัก กินข้าว และ นอน !
คืนนี้และคืนพรุ่งนี้เราพักกันที่โรงแรม ‘The Waters Khao Lak (เขาหลัก)’ ค่ะ
ที่นี่มีห้องทั้งหมด 6 แบบ เราพักห้อง Waters Pool Access จากระเบียงห้องคือโดดลงสระได้เลย
ราคารวมอาหารเช้า ใน agoda ประมาณ 1920 บ. / คืน
อันนี้เว็บไซต์ของโรงแรมค่ะเผื่อใครสนใจ >> http://www.thewaterskhaolak.com/The-Sleep/Waters-Pool-Access-Room/
ไปถึงฟ้าก็มืดแล้ววววว แถมไฟข้างนอกก็ดับหมดเลย
โชคดีโรงแรมเรามีเครื่องปั่นไฟเป็นของตัวเอง งั้นเย็นนี้กินข้าวที่ห้องอาหารโรงแรมเนอะ
จะได้ไม่ต้องไปนั่งกินข้าวใต้แสงเทียน มืดๆ ฮ่าๆ
ห้องอาหารของที่นี่ชื่อ ‘Amici’ ค่ะ ตอนเช้าก็ให้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าปกติ
แต่หลังจากนั้นจะเป็นห้องอาหารอิตาเลียน เมนูหลากหลาย ราคาไม่แพงอย่างที่คิด
มีตั้งแต่ 150-300 บ. / เมนู (มีไม่กี่เมนูที่ 400 บ.) วันนี้พวกเราลองสั่ง 4 อย่าง แบ่งๆกันค่ะ
จานแรกเป็นเนื้อวัวสไลด์บางๆ ราดซอสอะไรไม่รู้ รสเหมือนปลาทูน่า
ตามด้วยเนื้อวัวและเนื้อแกะ นุ่มลิ้นอย่าบอกใคร
ต่อไปเป็นไก่บาบีคิวค่ะ ความพีคอยู่ที่ซอส ไม่รู้เรียกว่าอะไร
มันเค็มๆอมเปรี้ยว เข้ากับเนื้อไก่ได้ดีม๊ากกกกกกกกก
ปิดท้ายด้วยของหวานที่พนักงานแนะนำ ข้างบนเป็นผลไม้กับช็อคโกแลต
ข้างล่างเป็นพุดดิ้ง บนเนื้อพุดดิ้งจะกรอบๆเพราะลนไฟ แต่ด้านล่างนุ่ม + หอมมาก
ความจริงพรุ่งนี้เรามีแพลนไปดำน้ำที่สิมิลัน แต่ทัวร์โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะมีพายุเข้า
เอาเรือออกไม่ได้ ฝันสลายเลยค่ะคุณ.. แต่ไม่ รีวิวนี้ยังไม่จบ !
คืนนี้เข้าห้องไปนอนพักก่อน พรุ่งนี้จะเป็นยังไงต้องติดตาม ฮ่าๆ
.
.
.
เรามาเริ่มต้นเช้าวันที่ 3 ด้วยอาหารอร่อยๆกันดีกว่า *O*
อยากกินไข่ดาว ไข่เจียว ไข่คน ไข่กระทะ บอกพี่คนนี้ค่ะ..
เป็นเช้าที่สดชื้นนนนนนสดชื่น :3
ไหนๆวันนี้ก็ไม่มีโปรแกรมอะไรและ ขอใช้เวลาพักผ่อนในโรงแรมให้เต็มที่
ว่ายน้ำให้ตัวเปื่อย ถ่ายรูปให้มือแฉะกันไปเลยยย เริ่มจากห้องนี้เลย
มีทั้ง Mac ทั้งเครื่องปริ้นท์ หรือใครอยากออกกำลังกาย เขาก็มีฟิตเนสให้ค่ะ
ส่วนตัว ชอบที่พักมากกกกกก ธีมสีฟ้า ขาว ชัดเจนนนน
เสียดายฟ้าไม่เป็นใจ ไม่งั้นสวยกว่านี้อีกกกก
ข้อดีอีกอย่างของ The Waters คืออยู่ใกล้หาด ตลาดนัดตอนเย็น ร้านอาหาร และ อนุสรณ์สถานเหตุการณ์สึนามิค่ะ
จากโรงแรมเราเดินไป 5 นาที ก็ถึงหาดแล้วววว
ถึงทรายจะไม่ขาว แต่คลื่นแรงน่าเล่นอยู่นะ
เดินเล่นสักพักท้องเริ่มร้อง พวกเราเลยเดินออกมาถนนใหญ่
กะหาร้านอาหารตามสั่งง่ายๆกินกันค่ะ แล้วก็มาสะดุดที่ร้านนี้
โทษทีไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้ เพราะตอนนั้นหิวมากจริงๆ5555
เอาเป็นว่ารสชาติกลางๆ แต่ให้กับข้าวน้อยไปหน่อย เราสั่งผัดกะเพราราดข้าว 50 บ.
ของเพื่อนเป็นมาม่าผัด ข้าวผัดก็ 60-70 บ. ราคามาตราฐานแหล่งท่องเที่ยว
กินเสร็จนั่งเม้ามอยต่อสักพักพวกเราก็เดินย้อนมาที่อนุสรณ์ค่ะ
ด้านในมีอนุสรณ์เหตุการณ์สึนามิและเรือตรวจการณ์ 813 ค่ะ เรือนี้เป็นเรือที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายความปลอดภัยแด่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พร้อมพระโอรสและพระธิดา จนเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มชายฝั่งทะเลอันดามัน ทำให้เรือลำนี้ถูกซัดขึ้นไปอยู่บนฝั่ง ห่างจากทะเลไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร
ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์เหตุการณ์สึนามิด้วย ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าค่าเข้าชมเท่าไหร่
ถ้าเพื่อนๆสนใจก็ลองโทรไปถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ค่ะ 076-211-036, 076-212-213
เย็นนี้เกิดอยากกินอะไรง่ายๆขึ้นมา พวกเราเลยซื้อมาม่า ไส้กรอก หมูยอ เข้าไปทำกินเองในที่พักค่ะ (เงินหมดก็บอกเงืนหมดดิเห้ย) เลยไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ระหว่างที่กินอยู่ก็มีอะไรมาดลใจไม่รู้ ให้เราทักทัวร์ ‘WOW Andaman’ ไปอีกรอบ แล้วถามว่าพรุ่งนี้ไปสิมิลันได้มั้ย ยังมีพายุอยู่รึเปล่า เพราะกลับไฟล์ทตั้ง 3 ทุ่ม แล้วคำตอบที่ได้คือ.. ‘ได้ครับ เดี๋ยวรถไปรับที่ที่พัก 7.30 น. นะครับ’ จุดนั้นมันเหมือนเสียงสวรรค์อ่ะ เพราะทริปนี้เราต้องใจมาสิมิลัน ในที่สุดก็ได้ไป เยส !! นอนๆ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับพรุ่งนี้ วู้ววววววววววววววววว
.
.
.
มอนิ่งงงงงงงงงงงงงงง เช้าวันสุดท้ายของทริปนี้
พวกเราทานอาหารเช้าที่โรงแรม เช็คเอ้าท์ แล้วรถจาก WOW Andaman ก็มารับ
จากโรงแรมไปท่าเรือของ WOW ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีค่ะ
พอไปถึงก็ทำการลงชื่อ กรอกเอกสารเกี่ยวกับประกัน
แล้วก็หันไปเห็นว่าเห้ย ! เขามีอาหารเช้าให้ด้วย
ด้วยความที่อิ่มแล้วเลยเดินไปฝากของในห้องสัมภาระ และเอาอุปกรณ์ดำน้ำในห้องข้างๆค่ะ
ท่าเรือกว้างและสะอาดจริงๆนะไม่ได้โม้
ได้เวลาออกเรือแล้วจ้า วันนี้คนไทยเราเป็นชนกลุ่มน้อย
เพราะทั้งลำมีคนไทยอยู่ 4 คน คนจีน 5 คน และอีกสิบกว่าคนเป็นคนเกาหลี
ตอนแรกก็ตื่นเต้นอยู่หรอก พอนั่งไปสักพักโอ้โหหหหหหหห คลื่น !
คือคลื่นใหญ่ + ลมแรงมากกก เรือกระแทกรัวๆค่ะ
นี่เป็นคนที่เลิฟทะเลมากนะ แต่วันนั้นไม่ไหวจริง ทรมานมาก
คุณปังปอนด์(ไกด์)บอกว่าปกติจากท่าเรือไปสิมิลันใช้เวลา 45 นาที แต่วันนี้คลื่นใหญ่ ต้องลดความเร็ว
หมายความว่าเราต้องนั่งกระแทกๆแบบนี้ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
มายก้อดดดดดดดด ถึงปุ๊ปอ้วกปั๊ปค่ะไม่ต้องห่วง เป็นแอดมินที่อ่อนหัดที่สุดแล้วอ่ะ แงๆ T_T
ไหน ? มันคุ้มกับการนั่งจนก้นระบมขนาดนี้มั้ย ?
น้ำใสมากกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ฟ้ามาก ! ฟ้ายังกะในการ์ตูน
ทรายก็ขาว ละเอียด ลืมอาการเมาเรือไปเลย ฮ่าๆ
คุณไกด์ให้เวลาพวกเราเดินเล่นถ่ายรูปประมาณ 35 นาที แล้วจะพาพวกเราไปดำน้ำค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าปกติ(ถ้าอากาศดี) เราจะได้ไปดำน้ำถึง 2 จุด
แต่วันนี้อากาศไม่โอ เราเลยได้ไปดำแค่จุดเดียว
ไม่เป็นไร ปลาสวย น้ำใส ให้อภัยๆๆ
ต้องขอโทษเพื่อนๆด้วยที่ไม่ได้ถ่ายภาพใต้น้ำมา ถ่ายมาแต่วิดีโอ
ใครอยากดูก็เข้า https://www.facebook.com/BlissOutThere/ ได้เล้ยยย
พวกเรามีเวลาดำน้ำ 45 นาทีค่ะ พอใกล้จะหมดเวลา ฝนก็ตกลงมาพอดี(เหมือนรู้)
ขึ้นก็ได้ๆๆๆๆ ขอเล่าความประทับของ staff WOW Andaman นิดนึง
ตอนเราดำน้ำ เราทำตีนกบหลุด มันไม่ได้จมดิ่งลงไปถึงพื้น แต่ก็ไม่ได้ลอยขึ้นมาให้เราหยิบได้ง่ายๆ
staff คนนึงก็ดำไปหยิบตีนกบมาให้เรา หยิบให้ไม่เท่าไหร่
ดำลงไปใส่ตีนกบให้เราด้วย ฮือออออออ ถ้าพี่อ่านอยู่ ขอบคุณอีกรอบนะคะ
ประทับใจมาก <3 ไปพี่ ไปกินข้าวกัน
กินเสร็จไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด นั่งเล่นนอนเล่นอีกครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาขึ้นเรือ
ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างนี้ TT
ยังไม่อยากนั่งกระแทกๆ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
เจอกันอีกทีในวันที่ฟ้าเป็นใจนะสิมิลัน
จากสิมิลันมุ่งสู่ท่าเรือ WOW Andaman ด้วยความรวดเร็ว
ใช้เวลาน้อยกว่าขามาประมาณ 30 นาทีค่ะ
ถึงแล้วก็หยิบของใช้ กระเป๋าที่ฝากไว้ แล้วไปเอาของกินได้เลยยยย
(ชอบตรงที่บริการอาหาร 3 มื้อ) มีกาแฟ น้ำผลไม้ หมูสะเต๊ะ ส้มตำ แกงเขียวหวานจะทานกับข้าวหรือขนมจีนก็ได้ อร่อยหมด
เป็นการปิดฉากทริปภูเก็ต-พังงาหน้าฝนที่สวยงาม..
อิ่มแล้วก็ไปขึ้นรถค่ะ พี่แท๊กซี่ที่เราติดต่อไว้มารอแล้ว
(แปะเบอร์ไว้ให้เผื่อใครต้องการ พี่เล็ก 082-281-3789)
ขอบคุณทะเลไทยที่ไม่เคยทำให้เราผิดหวังไม่ว่าจะฤดูไหนๆ
เราเจอกันอีกแน่นอนนนนนนนนนน : p
ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม อ่านจนจบ
ทริปหน้าเราจะไปเที่ยวไหน ติดตามได้ที่ http://blissoutthere.com/
เข้ามาพูดคุยกันได้ที่ https://www.facebook.com/BlissOutThere/
อย่าลืมกดติดตามเพจเราแบบ See First / ติดดาวล่ะ จะได้ไม่พลาดทริปเด็ดๆ
วันนี้ไปแล้ว สวัสดีค่า <3