เขาหลวงสุโขทัย : ขึ้นสุด ลงสุด จุกที่เขาลูกเดียว
ทริปเขาหลวงสุโขทัย - อุทยานประวัตศาสตร์สุโขทัย | 2 วัน 1 คืน
อุทยานแห่งชาติรามคำแหง | 17-18 ตุลาคม 2563
"เขาหลวงสุขโข" ทริปที่ไม่เคยหาข้อมูล อ่านรีวิวเกี่ยวกับที่นี่เลย เห็นเพียงรูปถ่ายที่เพื่อนๆ ในเฟส
นิยมไปเดินกัน เพราะจากรูปดูเหมือนคนที่ไปแต่ละคนแบบเดินชิลๆ สบายๆ เลยคิดว่าที่นี่น่าจะง่ายๆ
และความสูงแค่ 1,200 เมตร ที่เห็นจากรูปคือ ใครไปที่นี่ต้องไปยืนถ่ายรูปที่ "ผาเขานารายณ์" กับ "ทะเลหมอก"
#เที่ยวป่าแบบจอยทริปเด้อออ
:::มารู้จักเขากัน:::
"เขาหลวงสุโขทัย" ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เป็นภูเขาที่มีหน้าผาสูงชัน และมียอดเขาสูงที่สุดอยู่ทางด้านทิศใต้ของเมืองสุโขทัย และครอบคลุมพื้นที่ของ อ.เมืองสุโขทัย อ.บ้านด่านลานหอย และ อ.คีรีมาศ บนยอดเขามีทิวทัศน์ที่สวยงาม ประกอบด้วยยอดเขา 4 ยอดด้วยกัน คือ "ยอดเขานารายณ์" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,160 เมตร บริเวณเขานารายณ์มีหน้าผาที่สวยงาม และสูงชันเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อน สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบเขา ในเวลากลางคืนจะเห็นแสงไฟจากจังหวัดสุโขทัย และจังหวัดพิษณุโลก "ยอดเขาพระแม่ย่า" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร เดิมเคยเป็นที่ประทับจำศีลภาวนาของพระแม่ย่า "ยอดเขาภูกา" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร และ"ยอดเขาพระเจดีย์" สูงจากระดับน้ำทะเล 1,185 เมตร
ผานารายณ์ : จุดไฮไลท์เขาหลวงสุโขทัย
:::ขั้นตอนการท่องเที่ยวอุทยานฯ :::
- อุทยานแห่งชาติรามคำแหง รับนักท่องเที่ยวจำนวน 200 คน/วัน
- นักท่องเที่ยวสามารถจองผ่านช่องแอพพลิเคชัน App QueQ (จองก่อนวันเดินทาง 15 วัน) ก่อนเข้าอุทยานฯ
- นักท่องเที่ยว Walk in เริ่มแจกบัตรคิว 05.30 น. รับจำนวน 60 คน/วัน
- อุทยานเปิดให้ขึ้นเวลา 08.00 น. และไม่อนุญาตให้ขึ้นเขาหลังเวลา 15.30 น.
- ค่าบริการเข้าอุทยาน ผู้ใหญ่ คนละ 40 บาท และเด็ก 20 บาท
ปล. ตามมาตราการป้องกันและลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ก่อนเข้าอุทยานฯ จะมีจุดตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และเจลแอลกอฮอล์
ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง (ภาพมุมสูง ณ จุดชมวิว)
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ณ จุดพักแค้มป์
:::ที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง:::
>> ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว : เป็นจุดรายงานตัวสำหรับนักท่องเที่ยว และเป็นจุดบริการต่างๆ จุดบริการเช่าเต็นท์และถุงนอน จุดบริการจ้างลูกหาบ จุดบริการร้านค้าสวัสดิการ จุดบริการห้องน้ำห้องอาบน้ำ จุดบริการที่จอดรถ ฯลฯ
>> จุดบริการเช่าเต็นท์และเครื่องนอน (เก็บใบเสร็จไว้รับของที่จุดบริการข้างบน)
- เต็นท์ ขนาด 2 คน ราคา 150 บาท/หลัง/คืน
- เต็นท์ ขนาด 3 คน ราคา 225 บาท/หลัง/คืน
- เต็นท์ ขนาด 6 คน ราคา 600 บาท/หลัง/คืน
- ถุงนอน 30 บาท/คืน
- แผ่นรองนอน 20 บาท/คืน
- ผ้าห่ม 20, 30 บาท/คืน
- ผ้าเสื่อ 20บาท/คืน
>> ค่าบริการอื่นๆ
- ค่ามัดจำขยะ 200 บาท (ลงมาได้คืน)
- ค่าบริการสถานที่ 30 บาท/คน/คืน กรณีนำเต็นท์มาเอง
สอบถามข้อมูลอุทยานฯ
โทรศัพท์ : 098-8839297
เฟซบุ๊ก : www.facebook.com/RamkhamhaengNationalPark/
ปล. กรุณาศึกษาข้อมูลและเตรียมตัวให้พร้อม เพราะการที่ไม่ได้หาข้อมูลก่อนเที่ยวทำให้ไม่รู้ว่าที่แค้มป์มีอะไรบ้าง เช่น มีห้องน้ำ ห้องอาบน้ำให้บริการด้วย 555++ ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำใดๆ ไปเลยจร้า เพราะเป็นทริปที่ไม่ได้อ่านข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับที่นี่เลย
17 ตุลาคม 2563
วันแรกของการเดินทาง
______________________________________
>> มาถึงตอนตี 4 จุดแรกคือด่านตรวจเพื่อลงทะเบียน ทางอุทยานฯ จำกัดการขึ้นอยู่ที่ 200 คน ต่อวัน โดยสิทธิ์ในการจองออนไลน์ 140 คน สำหรับใครที่ทำการจองผ่านออนไลน์มาแล้วเมื่อมาถึงสามารถแจ้งชื่อหรือแจ้งกรุ๊ปที่ด่านตรวจก่อนเข้าอุทยานฯ ได้เลย แต่สำหรับใครที่เดินทางมาหน้างานเลยไม่ได้ผ่านการจองใดๆ มาก่อน สิทธิ์การลงทะเบียนหน้างาน 60 คน โดยเริ่มให้ลงทะเบียนได้ตอนตี 5 ครึ่ง (ส่วนถ้ามีคนเกินยอดที่กำหนดไม่แน่ใจว่าทางอุทยานฯ อนุญาตให้เข้าหรือเปล่านะ)
ไม่ได้จอง QueQ เลยต้องรอคิวลงทะเบียนตอนตี 5 ครึ่ง
>> จุดศูนย์บริการนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวทุกคนต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานและลงทะเบียนก่อนขึ้นพิชิตยอด รวมถึงเป็นสถานที่ที่ให้ทุกคนเปลี่ยนเสื้อและจัดการสัมภาระส่วนตัวกัน และถ้าใครจะใช้บริการจ้างลูกหาบคือต้องจัดเตรียมของให้พร้อมและนำไปยังจุดบริการลูกหาบเพื่อชั่งน้ำหนักสัมภาระ กิโลละ 25 บาท (ลูกหาบมีน้อยอยากใช้สอยต้องรีบ)
>> จุดบริการร้านค้าสวัสดิการ มีบริการน้ำ เครื่องดื่ม ขนม และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ ส่วนอาหาร ต้องซื้อคูปองก่อนสั่งข้าว (เป็นข้าวราดแกง) นักท่องเที่ยวสามารถสั่งข้าวห่อเตรียมไว้กินมื้อกลางวันได้เลย ณ จุดบริการนี้
ถ้ามาเที่ยวช่วงคนเยอะก็จะประมาณนี้ต่อแถวซื้อข้าวเช้า
>> เมื่อทุกอย่างพร้อมออกเดินเท้า ทุกคนจะต้องก้าวเท้าเข้าสู่ประตูผู้พิชิตยอดเขาหลวงสุโขทัย ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นแรกที่ต้องทำคือการกราบไหว้บูชาศาลพระแม่ย่า และศาลพระ... (จำชื่อไม่ได้) เพื่อขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าป่าเจ้าเขาให้ปกป้องคุ้มครองกันก่อนนะจ๊ะ พวกเราเริ่มออกเดินเท้ากันประมาณ 8.45 น. ระยะทาง 400 เมตรแรก เป็นทางราบเดินสบายๆ ชิลๆ หลังจากนั้นต้องไปลองเดินกันเองนะ
ศาลพระแม่ย่า
>> ระหว่างเดินเท้าบรรยากาศดีไม่ร้อน เพราะเป็นช่วงที่พายุยังเข้าโซนประเทศไทยอยู่ทำให้ฝนตกช่วงเดือนตุลาคม แต่ก็ทำให้เดินสบายไม่ร้อน แต่มีฝนตกระหว่างเดินเท้าอยู่บ้าง ถ้าจะถามถึงเรื่องความโหดอะรึบอกได้คำเดียวว่าที่สุดของแจ้
ถามว่าเหนื่อยมากไหม >> เราให้ภาพบรรยาย
>> จุดพัก และจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวเขา ที่ทำการอุทยานฯ และทัศนียภาพโดยรอบในแถบบริเวณนั้น
คนนี้คือ "หัวหน้าหมู่"
>> เดินกันแบบชิลๆ ถ่ายรูปเล่นเพราะกลัวว่าขากลับฝนจะตกอาจไม่มีโอกาสได้เก็บบรรยากาศกัน
จะมีป้ายบอกจุดพักตลอดเส้นทาง
>> จากครึ่งทางระหว่างเดินเท้าที่สัมผัสถึงความรู้สึกของขานั้น ทำให้รู้เลยว่าเขาลูกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เป็นการเดินพิชิตเขาเพียงแค่ลูกเดียวจากระดับความสูง 200 เมตร ขึ้นสู่ความสูง 1,200 เมตร ถ้าถามว่าเป็นเช่นไร ตอบเลยว่าสงสารขาตัวเองมาก ที่คิดว่าไม่โหดมันคือแค่ความคิด แต่ความเป็นจริงนั้น...
ทางชันสุดท้ายก่อนถึงจุดพักแค้มป์
เจ้าถิ่น >> นางน่าจะท้องอยู่
>> ถึงที่พักประมาณบ่ายโมงกว่า เดี๋ยวฝนตก ฝนปรอย หมอกลงหนัก เป็นแบบนี้ตลอดทั้งวันถึงมืด อากาศก็เลยเย็นๆ ก็พักขา พักเข่า รอดูสถานการณ์กันต่อไป ขึ้นมาถึงเร็วก็จะมีเวลาได้พักนานหน่อยก่อนไปเดินเที่ยวเล่นรอบเขา
จุดชมวิว ณ จุดพักแค้มป์
เธอเหนื่อยอยู่ละ เราดูออก
ข้าวกลางวันกับความรู้สึกผิดหวังเมื่อเปิดมาไม่เจอไข่ต้ม (ไหนบอกว่ามี)
>> ระหว่างนั้น ก็นอนจ๊ะ นอนรอฟ้ากันไปว่าฟ้าเปิดรึไม่ โดยที่ก็ไม่รู้... ว่าเมื่อไรจะฟ้าเปิด จะได้ออกไปพิชิตกันรึเปล่าก็ไม่รู้ แต่แล้ว 4 โมงกว่าๆ บรรยากาศเริ่มดีขึ้นรอไม่ได้แล้วจร้าา ต้องรีบออกไปเดินเล่นพิชิตยอด 4 กุมารกันต่อเลย รวมระยะทางก็น่าจะประมาณ 2 กม. ได้
>> แต่ละยอด แต่ละยอดนั้นระยะทางก็ไม่ไกล ไม่โหด ไม่ห่างกันมากนัก เราก็เลือกที่จะไป "ผาชมปรง" กับ "เขาพระแม่ย่า" (จุดชมพระอาทิตย์ตก) แต่สิ่งที่เราพบ เราพบกับสายฝนที่ตกปรอยๆ และตกหนักตลอดทาง พบกับพายุหมอกที่ลงมาจัดหนักปิดบังทัศนียภาพไปหมดทุกจุดชมวิว แถมมาพร้อมกับลมที่พัดแรงแสนแรง มาครบองค์ประชุม
>> มุ่งหน้าสู่จุดชมวิว "ผาชมปรง" เดินไปชมวิวแบบไม่มีความคาดหวังใดๆ
"พายุหมอก" ที่มาพร้อมกับสายลมที่พัดแรงๆ ถ้ามีพลังคงเสกให้เจอแต่ "ทะเลหมอก"
>> มุ่งหน้าไปต่อสู่จุดชมวิว "เจดีย์" และ "ภูกา" ก็ได้อีกบรรยากาศหนึ่งอารมณ์เหมือนเดินเล่นอยู่ในความฝัน
>> เมื่อมองไม่เห็นอะไรนอกจากหมอก และก็หมอกๆๆๆๆ ก็มุ่งหน้าไปต่อสู่จุดชมวิวสุดท้ายของวัน "เขาพระแม่ย่า" จุดชมพระอาทิตย์ตก แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้สัมผัสกับสิ่งเหล่านั้น ทนเฝ้ารอทั้งที่รู้คำตอบ ถามว่าจะมาซ้ำอีกไมบอกเลยว่าไม่
>> เราก็ยังอุตส่าห์นั่งเฝ้ารอว่าจะได้เห็นพระอาทิตย์ตก เผื่อ............. แต่ทนรอไม่ไหวเพราะความหิว เลยขอปิดทริปของวันนั้นด้วยอาหารมื้อเย็นที่โคตรจะฟินกับปิ้งย่าง #ที่ราบไม่เคยไปกินชอบแต่ที่สูงๆ