ต้องมาหาอีกกี่ครั้งถึงจะเบื่อ (เขาหลวงสุโขทัย) Comeback
หนีร้อนในเมืองกรุง มุ่งหาหนาวในพนา
แต่เพื่อนไลน์มาบอกว่า ลมหนาวมาแล้วจ้าในเมืองกรุง
พร่าม พร่าม...
กลับมารีวิวอีกครั้งสำหรับทริปเดินป่า มาคราวนี้ไปไม่ใกล้ไม่ไกล เมืองเก่าของไทยแต่โบราณ
เขาหลวงสุโขทัย ตั้งอยู้ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย ระยะทางในการเดินประมาณ 3.7 กิโลเมตร แต่ความชันนี่ไม่ต้องพูดถึง ต้องไปลองกันเองครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 4-5 ชั่วโมง ในการเดินถึงจุดพักแรม เรามาเริ่มเลยดีกว่า
ทริปนี้แทบจะเป็นทริปที่ไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมายเลยครับท่านผู้ชม เอาง่ายๆ ไม่มีแพลนอยู่ มีเพียงคำพูดจากสมาชิกในกลุ่มว่า "จะไปเขาหลวงนะ" แล้วก็เงียบหายไป เพราะก่อนหน้าที่จะไป มัวแต่วุ่นวาย กับการจองที่พักที่บนเขาโกตาคินาบาลูอยู่ เพราะกลัวว่าจะเต็ม แต่สุดท้ายก็ได้ และอีกอย่างตรงกับวันที่จะเริ่มจองไปโมโกจู ซึ่งจองยากมาก ทุกคนลุ้นแล้ว ลุ้นอีก แต่สุดท้ายไม่มีดวง อดไปตามระเบียบจ้า หลังจากทุกอย่างเรียบร้อย ผมเลยถามเพื่อนในกลุ่มไปว่า เรายังไปเขาหลวงอยู่ไหม ก็ได้คำตอบมาว่า ไปจ้า...(จบ)
รออะไรล่ะครับ เตรียมเก็บกระเป๋าสิครับ เหลืออีกไม่กี่วัน เราเริ่มดินทางกันในวันลอยกระทงเลย (เอ้าเพลงมา)
DAY 1
เราจองตัวกับ บขส. ในแบบประหยัดของเรา ขาไป กรุงเทพ - คีรีมาศ ส่วนขากลับ สุโขทัย - กรุงเทพ 4ใบ เพราะอ้ายมา 4 คน โดยขึ้นรถที่หมอชิต เวลา 20.40 น. พอถึงวันเดินทาง เรานัดกันไว้ที่สถานีขนส่งประมาณ 19.30 น. เพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง ในวันที่ใครต่อใครไปลอยกระทง พอมาถึงทุกคนก็สอบถามโน่น นี่ นั่น กับผมว่าที่นั่นเป็นไงบ้าง เพราะผมเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่ได้พูอะไรมากนอกจาก ชันมากกกก จากนั้นก็ได้เวลาขึ้นรถ พอถึงเบาะเท่านั้นแหละ ต่างคน ต่างหลับจ้า ราตรีสวัสดิ์
DAY 2
พวกเราเดินทางมาถึงคีรีมาศ เวลาประมาณ 04.00 น. เราก็โทรหาลุงแกะ ซึ่งแกเป็นคนรับส่งเราไปอุทยานกันเลย รอสักพักลุงก็มา แล้วก็พาเราไปตลาดสดตรงคีรีมาศ ไปซื้อของกินเอาไปทำกินบนเขา พวกเราเดินหาของกิน หลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมเดินหาคือ ข้าวเหนียวหมูห่อใบตอง ที่ผมเคยมาซื้อไปกินรอบที่แล้ว แต่ตอนนี้ไม่เจอแล้ว หลังจากชอปปิ้งกันเรียบร้อย ลุงแกะ แกก็พาพวกเราไปอุทยาน ถึงประมาณ ตี 5 กว่าๆ
หลังจากมาถึงพวกเราก็จัดการล้างหน้าล้างตา บ้างก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เตียมพร้อมในการเดินขึ้นเขา ส่วนตัวผมก็จัดการแยกของรวมไว้ เพื่อเตรียมฝากให้ลูกหาบช่วยแบกขึ้นบ้างบางส่วน พอได้เวลาอุทยานเปิด 08.00 น. เรากับเพื่อนๆในกลุ่มก็ไปติดต่อลงทะเบียน และเช่าเต๊นท์ 3 คน หนึ่งหลัง สำหรับสาวๆ ส่วนผมแบกมาเองแบบว่าเซฟๆ ในตอนนี้เจ้าหน้าที่จะขอเก็บมัดจำเราไว้ด้วยแล้วให้ถุงขยะมา เราจะต้องแบกขยะที่เราทิ้งลงมาถึงจะได้คืนนะจ๊ะ
เรามาเริ่มเดินทางขึ้นสู่จุดหมายของเรากันเลยดีกว่า อย่างแรก ถ่ายรูปกับป้ายก่อน ฮ่าๆๆๆ เชื่อสิทุกคนที่มาต้องถ่ายก่อนเดินขึ้นแต่นอน หลังจากนั้นก็เดินกันเลยจ้า ทางในระยะแรก จะเป็นทางราบ นิดเดียว ขอย้ำนะ ว่านิดเดียวจริงๆ ที่เหลือทางเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆ เราเริ่มเดินทางประมาณ 09.30 น. พวกเราเดินกันเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก แล้วก็ถ่ายรูปตลอดทาง ระหว่างเริ่มพวกเราจะฉีดยากันยุงตะไคร้ที่ซื้อมาตลอดการเดิน เพราะมันเย็น และไล่ยุงได้ดีทีเดียว ยุงเยอะมากครับในป่า พวกเรามาในช่วงนี้ทางกำลังดีพื้นไม่เปียกจนลื่น และก็ไม่เป็นฝุ่น ทำให้การเดินทางไม่ค่อยมีปัญหาอะไร นอกจากเหนื่อย และเมื่อยมาก
พวกเราเดินกันมาเรื่อยๆ ระหว่างทางผมก็เล่นมุกบ้าง 5 บาท 10 บาท ดีบ้าง แป็กบ้าง ตามสถานการณ์ บ้างก็ร้องเพลง ช่วยให้ในกลุ่มรีแล็กกันหน่อย จนเดินมาถึง "ไทรงาม" พวกเราพักกินข้าวเหนียวหมูที่ซื้อมากัน ซึ่งก็มีน้องคู่หนึ่งนั่งอยู่แล้ว แล้วน้องก็ถามว่า นี่ใช่พี่ที่เขียนรีวิวหรือป่าวคะ ผมก็คิดในใจอืมมมมม มีคนอ่านของเราด้วยหรอ ก็เลยบอกน้องไปว่า ใช่ครับ น้องก็ถามต่อ พี่มีเพจไหม ผมเลยตอบไปแบบหัวเราะไปด้วยว่า อ่อมี แต่พี่ไม่ได้อัพนานแล้ว ไม่มีใครดู ฮ่าๆๆๆ พี่ยังจำชื่อเพจพี่ไม่ค่อยได้เลย แล้วน้องก็ขำ สุดท้ายก็นั่งกินข้าวไปแบบเงียบๆ
สุดท้ายพวกเราก็มาถึง ถึงแล้ว ถึงจริงๆ ลานกลางเต๊นท์ของเรา พวกเราใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมง มาถึงประมาณ บ่ายโมงครึ่ง พอขึ้นถึง ผมก็โยนกระเป๋าทิ้งเลยครับ นอนราบกับพื้นหญ้าเลย สักพักพอนึกขึ้นได้ว่า (เอ้ยยย โค๊ก รีบไปซื้อเดี๋ยวหมด เพราะบ่นกันตลอดทางอยากกินกันตลอดทาง) แล้วสมาชิกในกลุ่มก็ไปซื้อมาให้ หลังจากนั้นเราก็จัดแจงกางเต๊นท์ เก็บข้าวของ แล้วก็นั่งคุยนั่งเล่นกัน จุดที่พวกเรากางอยู่ใต้ต้นมะขามป้อมพอดี สักพักก็มีป้าคนขึ้นเดินมาขอ ป้าขอเก็บมะขามป้อมหน่อยนะหนู แต่ว่าลูกมันอยู่ค่อนข้างสูง ด้วยความแมน และสูงของผม ฮ่าๆๆๆ ก็เลยหยิบขากล้องแล้วก็ไปสอยมาให้ ได้มาหลายลูกเลยทีเดียว
พอตกเย็นสัก 4 โมง พวกเราเตรียมตัวเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ตกที่ยอดเขาแม่ย่า ระหว่างทางเดินไปยอดเขา เราก็ไปถ่ายรูปเล่นกันที่ลานจอด ฮอลิคอปเตอร์ กันสักพัก ก็เดินกันต่อจนถึงยอดเขา พวกเราก็หามุมถ่ายรูป บ้างก็นั่งพักรอดูพระอาทิตย์ตก
หลังจากดูพระอาทิย์ตกแล้ว พวกเราก็กลับมาที่เต๊นท์ พวกเราเริ่มทำกับข้าวครับ เป็นกับข้าวที่หากินยากนิดหนึ่ง และทำยากหน่อย เพราะต้องเดินขึ้นเขามาทำ นั้นก็คือ มาม่าปลากระป๋องนั่นเอง หลังจากอิ่มกันแล้ว พวกเราก็ไปนั่งตากลมเล่นตรงมี่เขาให้จุดก่อกองไฟ ผมก็เอากล้องไปรอถ่ายดาว แต่ว่าลมแรงมาก และหนาวมาก 16 องศา สาวๆก็ขอตัวกลับไปนอนก่อน ส่วนผมก้นั่งถ่ายดาวไปเหงาๆคนเดียว อ่อ ยังมีกลุ่มหนึ่งนั่งปิ้งย่างอยู่เป็นเพื่อน สักพักผมก็กลับมานอน ราตรีสวัสดิ์ DAY 3
พวกเราตื่นกันประมาณ ตี 5 ครึ่ง เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดเขานารายณ์ ทุกคนต่างรอ แล้วรออีก รอแล้ว รออีก พระอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น เพราะเมฆบัง เราก็ได้แต่ถ่ายรูปเล่นกันไปพลาง แล้วพวกเราก็กลับมาเพื่อทำข้าวเช้าเหมือนเดิม เมนูเดิม แตกต่างกันที่เปลี่ยนรสชาติ และมีไข่เพิ่มขึ้นมา ฮ่าๆๆๆ หลังจกนั้นพวกเราก็เดินลงเขากัน พวกเราเดินกันลงกันใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งกว่าจะถึง เพราะต่างคนต่างรู้สึกเจ็บเข่า แต่สุดท้ายก็ลงมาถึงอย่างปลอดภัยทุกคน
หลังจากนั้นพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันไปอาบน้ำ หลังจากจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินไปกินข้าวที่ร้านค้าสวัสดิการณ์ ของอุทยาน โดยที่ลุงแกะมารอรับเราเราไปส่งที่ตัวเมืองสุโขทัย แต่ว่าตอนนี้เวลา 14.00 น. แล้วเราก็จองตั๋วขากลับไว้ 21.40 น. ซึ่งเหลือเยอะมาก เราก็เลยขอให้ลุงไปส่งพวกเราที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งมีงานประเพณีวันลอยกระทงอยู่เลย
หลังจากมาถึงพวกเราเช่าจักยานปั่นกันไปรอบๆเมืองเก่า แวะวัดโน้น วัดนี้ วัดเก่าสวยๆทั้งนั้นเลย ถ่ายรูปกันสิรอไร ปั่นกันจนเพลิน พอประมาณ 6 โมงเราก็เลยแวะลอยกระทงในงานกันสักหน่อย เพราะยังไม่มีใครได้ลอยเลยปีนี้ ช้าหน่อยแต่ก้ยังได้ลอยนะ ฮ่าๆๆๆ
จากนั้นก็เอารถจักรยานไปคืนแล้วก็ไปนั่งรอรถสองแถวของสุโขทัย แต่ตอนนี้เย็นมากแล้ว พวกเราเลยเดินไปถามคนขับว่ารถออกเมื่อไหร่ครับ เขาก็แจ้งมาว่า รอรถเต็มก่อนจ่ะ พวกเราหันมองหน้ากัน ห๊ะ รอรถต็มแล้วดูรถสิยาวขนาดนี้ แถมมีแถวกลางด้วย ตอนนี้มีคนบนรถประมาณ 10 คนได้แล้ว แถมมีชาวต่างชาติด้วย แล้วก็มีเสียงแว่วๆจากป้าคนหนึ่งว่าป้ามารอตั้งแต่ 5 โมงแล้วหนู พวกเราก้มดูนาฬิกา ป๊าดดดดด 6 โมงครึ่งแล้ว รอมาแล้ว ชั่วโมงครึ่งยังไม่ได้ไป สักพักก็มีคนลงจากรถสองแถวฟรีที่ใช้รับส่งในงานลอยกระทงสุโขทัยโดนไล่มานั่งคันเดียวกัน แล้วรถฟรีก็ออกไปโดยที่ไม่มีคนนั่งเลย แต่รถที่พวกเรานั่งไม่รู้เลยว่าจะได้ออกกี่โมง ซึ่งพวกเราเริ่มไม่โอเครแล้วล่ะ
ผมเลยลงไปถามราคารถสามล้อรับจ้างแทน แต่ราคาก็แรงพอสมควร เลยกลับมาปรึกษาสมาชิก หลังจากนั้น ทุกคนที่อยู่บนรถก็ลงจากรถแล้วเดินไปหารถข้างหน้าเรื่อยๆ ชาวต่างชาติก็ลง แล้วเหมาสามล้อไปก่อนเลยสงสัยรอนาน
พอเราเดินมาสักพักรถสองแถวที่ทุกคนลงมา และไม่มีคนนั่งก็ออกตัวไปอย่างเร็วทันใจ แบบว่าประชดพวกเราทุกคนที่ลงมา ไม่ดีเลยนะทำแบบนี้ เป็นเมืองท่องเที่ยวแท้ๆ แต่ไม่นึกถึงนักท่องเที่ยวเลย อยากรบกวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งของรถสาธารณะ ช่วยดูแลด้วยนะครับ ถ้าทำแบบนี้ใครๆก็ไม่อยากมา นี่ขนาดอยู่ในช่วงเทศกาลด้วยนะ จากนั้นพวกผมและคนอื่นๆก็เดินมาตรงด่านตำรวจ และช่วยให้พี่ตำรวจเจรจากับรถสามล้อให้ จนทุกคนโอเค จึงได้นั่งมาจนถึง บขส.สุโขทัยโดยปลอดภัย
หลังจากนั้นเราก็ไปรอที่ บขส. แล้วก็หาข้าวกินกันระหว่างรอ จนรถมาพวกเราก็กลับมาถึงกรุงเทพโดยปลอดภัย
จบ
ค่าใช้จ่ายต่าง (ไม่รวมค่ากิน)
ค่ารถไปกลับ 586 บาท / คน
ค่ารถมาอุทยาน (ลุงแกะ) 400/4 = 100 บาท / คน
ค่าอุทยาน 160/4 = 40 บาท / คน
ค่าเช่าเต๊นท์ + ค่าหม้อ 455/4 = 113.75 บาท / คน
ค่ารถมาอุทยาน-ประวัติศาสตร์ (ลุงแกะ)ุ 600/4 = 150 บาท / คน
ค่าเช่าจักรยาน 120/4 = 30 บาท / คน
ค่ารถสามล้อ 160/4 = 40 บาท / คน
รวมค่าใช้จ่ายหลักประมาณ 1059.75 บาท / คน
บ๊าย บายยยยย