เริ่มต้น>>>ไปตามใจ...ไม่ได้ตามแผน
จากแผนการที่วางไว้จะไปน้ำตกทีลอซู ทริปใหญ่ประจำปีของเดอะแก๊ง…ปากหมา...หน้าสวย
เป็นอันต้องยกเลิกเพราะมีเหตุให้ต้องเปลี่ยนแผนกะทันหัน แต่ในเมื่อโดดงาน ลาพักร้อน และบอกเพื่อนฝูงไว้แล้วว่าจะไปเที่ยว… ก็ต้องไป >>>>
เปลี่ยนแผนภายในครึ่งวันเช้าในวันเดินทางว่าจะไปที่ไหนกันดี
สรุปจบ>>>จากน้ำตก>>>เราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่เขาหลวงสุโขทัยหละกัน เพราะสมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่เคยได้เหยียบไปที่เมืองเก่าสุโขทัยจังหวัดที่มีประวัติศาสตร์ชาติไทยให้รำลึก และขอย้อนตามรอยเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่เคยเสด็จทางเท้าพิชิตยอดเขาหลวงเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2537
รอบนี้สมาชิกเดอะแก้งค์ไปกันครบพร้อมหน้าพร้อมตา แถมน้องนุชคนสุดท้องที่ขอมาร่วมกะเดอะแก๊งฯ
ยินดี๋ ยินดี ถ้าคุณสมบัติครบคือ 1. แกร่ง ทน ถึก 2.ปากหมาเข้าขั้นพอน่ารักไม่ชวนตบตีกะชาวบ้าน และ 3. มั่นหน้าว่าสวย เรายินดีให้ร่วมทริปเสมอ
ต้องรื้อกระเป๋าขนเสื้อกันหนาวยัดใส่แทนชุดเล่นน้ำ เต้นท์ที่ตระเตรียมต้องรื้อเก็บเพราะเลือกที่จะเช่าเต้นท์ของอุทยาน เมื่อเดอะแก๊งฯ เจอกันพร้อมหน้า เมาท์มอยส์จนลืมอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่าง ยกเว้นช้อนกะส้อมที่ต่างคนต่างเตรียมเป็นอาวุธประจำตัว แต่เดอะแก๊งฯ ไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะที่อุทยานมีร้านค้าสวัสดิการฯ ขอไปตายเอาดาบหน้าหละกัน ฮึฮึ เริ่มออกเดินทางเวลาเกือบ 3 ทุ่ม
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 32 ผ่านนครสวรรค์ จากนั้นเลี้ยวซ้ายใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปจนถึงกำแพงเพชร แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 101 จนถึงอำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ก่อนถึงจังหวัดสุโขทัย 20 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 414 จะเห็นยอดเขาสูงอยู่ทางซ้ายมือแล้วเลี้ยวซ้ายไปประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติรามคำแหง
ระหว่างเดินทางเกือบเที่ยงคืนแวะหามื้อเย็นของวันเพราะต่างคนต่างรีบมาเจอที่จุดนัดหมาย สาวเท่ห์บ่นหิวเพราะยังไม่ได้กินมื้อเที่ยงเลยขอรวบ 2 มื้อเป็นมื้อเดียว ณ เวลานี้อะไรจะดีไปกว่าข้าวต้มร้อนๆ
เมื่ออิ่มท้องต้องหาจุดพักสายตา เราขับรถกันไปเรื่อยๆ ตามเส้นทาง นครสวรรค์-กำแพงเพชร เข้า – ออกรีสอร์ทหลายแห่ง แต่ยังไม่ค่อยถูกใจกับราคา เพราะขอแบบเดอะแก๊งฯ คือ เปิด 2 ห้อง และนอนกัน 3 และ 4 คน ในราคาที่ไม่บวกเพิ่ม 5555
ในที่สุดก็ตกลงปลงใจกับที่นี้ “มังกี้รีสอร์ท” จำพิกัดไม่ได้เพราะมัวแต่สอดส่ายสายตาหาที่พักอย่างเดียวไม่ได้ดูระหว่างทางเลย ถูกใจกับราคา 450 บาทต่อห้อง อืม!!!! ก็ถือว่าใช้ได้
ใช้เวลานอนเพียง 4 ชั่วโมง เดอะแก๊งฯ ต้องไปต่อตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1
ไม่ลืมที่จะแวะหาเสบียงเพื่อไม่ให้ท้องว่าง มื้อเช้าเป็นมื้อสำคัญ เดอะแก๊งฯ จึงจัดหนักข้าวเหนียวไก่ย่าง ขนม นม เนย ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำเต้าหู้ เพื่อให้มีแรงเดินขึ้นเขา ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตาชีวิตว่าหนทางข้างหน้าจะโรยด้วยดอกไม้อะไร ^^
กองทัพอิ่มท้องต้องเดินทางต่อตามเส้นทางหลวงหมายเลข 101 เห็นลิบๆ ยอดเขาที่โดนปกคลุมด้วยเมฆหมอก ยังพูดเล่นกันในรถว่า “นั้นไง เขาที่เราต้องไปพิชิต” สาว(เหลือ)น้อยสิงห์สุพรรณโอดครวญ “ช่ายหรา…คงไม่ช่ายมั้ง…” พร้อมถอนหายใจอึดใหญ่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจและความพร้อมของร่างกาย
ระหว่างชมบรรยากาศข้างทาง ไม่นานก็ถึงเขตอุทยานแห่งชาติรามคำแหง ติดต่อเจ้าหน้าที่ มีเจ้าหน้าที่คอยมาต้อนรับ จริงๆ แล้ว พี่ๆ เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมตัวต้อนรับคณะอธิบดี ผู้หลักผู้ใหญ่ที่มาตรวจราชการต่างหาก พวกเราเลยได้รับอานิสงส์ 555 คิดมโนเองว่ามารอต้อนรับคณะเราเลย 555 ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 40 บาท และค่าจอดรถคันละ 30 บาท
พี่ลูกหาบ หรือจะเรียกลุงลูกหาบดี 555 คิดราคาค่าบริการแบกข้าวของกิโลกรัมละ 25 บาท ชั่งน้ำหนักแล้วแค่ 40 กิโลกรัมเอง รวมของบรรดาพี่ๆ เจ้าหน้าที่ฝากขึ้นไปด้วย สบายบรื้ออออ ลุงบอก แต่ลองไปยกแล้วไม่ว่าจะเอาท่าไหนก็ไม่ขึ้นเลยสักนิด 555
เดอะแก๊งฯ จึงรีบจัดแจงรวบสิ่งของที่จำเป็นรวมอยู่ในกระเป๋าใบเดียว ขอย้ำเน้น !!! สิ่งของจำเป็น เท่านั้น เพื่อความประหยัด 555 ที่เหลือเล็กๆ น้อยๆ ต้องใส่กระเป๋าเป้ของแต่ละคน อ่ะ อ่ะ อย่าลืม!!! ขวดน้ำประจำตัวคนละ 1 ขวด
สั่งข้าวกระเพราไข่ดาวคนละ 1 ห่อ จากร้านสวัสดิการด้านล่างพกติดตัวไปกินระหว่างทาง
ก่อนขึ้นเขาหลวง พี่เจ้าหน้าที่ขอชี้แจงและเล่าเรื่องราวประวัติเล็กๆ น้อยๆ ของเขาหลวงสุโขทัย เขาแห่งนี้เป็นเขาศักดิ์สิทธิ์มีเรื่องราวมากมาย แต่อยากให้ทุกคนไปฟังเอง เดี๋ยวจะไม่ตื่นเต้น 555 แถมได้ข้อคิดดีๆ จากพี่เจ้าหน้าที่ว่า “จงอย่าเอาอะไรออกมาจากป่าเว้นแต่ภาพถ่ายและความทรงจำ และจงฝากเพียงแค่รอยเท้าไว้ให้กับผืนป่า”
ว่าแล้วขอไหว้พระ ขอพร เอาฤกษ์เอาชัยกันหน่อยเถ๊อะ เพี้ยง!!! ขอให้เจอเนื้อคู่ เฮ๊ย!! ขอให้เดินทางปลอดภัย 555
เริ่มเดินทาง... ขณะนี้เวลา 11.30 น. กับเส้นทาง 3,720 เมตร หรือ 3.72 กิโลเมตร ใจสู้..รึป่าว??? ชีวิตการเริ่มต้น ลั้ลลากันน่าดู >>> 555