เป้ใบเล็กกับรองเท้าผ้าใบ...เขาล้อมหมวก 360 องศา

เริ่มต้นจากที่ผมเป็นคนหัวหิน จ.ประจวบฯ ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามและผ่านเขาล้อมหมวกมานานแต่ไม่เคยได้ไปสัมผัสมันสักที จึงแพลนไว้ว่าจะกลับบ้านแล้วจะเลยไปปีนสักหน่อย

ติดตามเรื่องราวการเดินทางของพวกเราได้ที่ 

http://www.facebook.com/PaeSongBai

ฝากติดตามด้วยนะครับ

 

การเดินทางไม่ยากครับ มีด้วยกัน 3 เส้นทาง

1. รถไฟ สาย กรุงเทพ-ประจวบ หรือ ธนบุรี-หลังสวน สามารถเช็คเวลารถไฟและราคาได้ที่http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp ครับ (อันนี้ไม่แนะนำ นานโคตร)
2. รถโดยสารประจำทาง แนะนำให้นั่งรถตู้ที่ข้างห้าง century อนุสาวรีย์ จะดีที่สุดสะดวก ระยะเวลาเดินทาง 4-5 ชั่วโมง ราคา 250 บาท
3. รถยนต์ส่วนตัว การเดินทางเริ่มจากถนนพระราม 2 (ทางหลวงหมายเลข 35) ต่อด้วยถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) จุดสำคัญคือให้ใช้เส้นบายพาสเลี่ยงเมือง ชะอำ-หัวหิน (ทางหลวงหมายเลข 37) และขับไปตามป้ายจนถึงอำเภอเมืองประจวบฯ ระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง อย่าขับเร็วกันเกินไปล่ะ (ถนนมันไม่ดี ห่วยมาก)

เมื่อมาถึงอำเภอเมืองประจวบฯ สำหรับใครที่จะมาเที่ยวเมืองประจวบฯ ผมแนะนำให้มาหาโรงแรมหรือเกสท์เฮาส์อยู่สักคืนนึงวันรุ่งขึ้นจะได้ตื่นแต่เช้าไปปีนเขากัน

ตารางเวลาของการปีนเขาจะเริ่มตั้งแต่ 6 - 12 น. เท่านั้น โดยจะมีปฏิทินประจำปีและจะอนุญาตให้ขึ้นได้เฉพาะวันหยุดนักขัตฤกษ์ยาวๆ เท่านั้น

เขาล้อมหมวกตั้งอยู่ใน “กองบิน 5” ของกองทัพอากาศไทย อยู่สุดถนนในตัวเมืองประจวบฯ เขาล้อมหมวกเป็นเขาที่สูงที่สุดในเมืองประจวบฯ ซึ่งกั้นระหว่างอ่าวประจวบฯและอ่าวมะนาว มีความสูง 902 ฟุตหรือราวๆ 300 เมตร จากระดับน้ำทะเลเท่านั้น เป็นภูเขาหินปูน ด้านบนประดิษฐ์สถานพระพุทธบาทจำลอง สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ 360 องศาเลยทีเดียว

การขึ้นไปชมวิวนั้นแนะนำให้มาแต่เช้าขึ้นเป็นชุดแรกๆ ก็จะดีมาก (ถ่ายรูปแล้วไม่ย้อนแสง)

ไปถึงก็จะมีเต็นท์ของทางกองบิน 5 มาค่อยอำนวยความสะดวกและให้เราลงทะเบียนไว้ในกรณีฉุกเฉิน ก่อนเริ่มเดินก็ไปสักการะเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกสักหน่อย การเดินจะต้องเดินเท้าด้วยทางบันไดกว่า 300 ขั้นและก่อนถึงยอดจะเป็นทางดินสลับหินปูนและมีเชือกให้จับและไต่ไปเรื่อยๆ ชันบ้างเล็กน้อยสลับกันไป

เชือกเส้นใหญ่มัดกับเสาเหล็กดูแข็งแรงแน่นหนาดี มีเจ้าหน้าที่เป็นทหารอากาศมาค่อยอำนวยความสะดวกและค่อยดูแลเป็นระยะๆ การปีนเขาล้อมหมวกถ้าคนไม่เยอะก็จะใช้เวลาอยู่ประมาณ 30 นาที ก็จะถึงยอด ถ้าคนเยอะๆ อย่างที่ผมไปก็เป็นชั่วโมงนะครับ เพราะทางขึ้นลงมันเป็นทางเล็กๆ ทางเดียว ต้องรอคนข้างบนลงมาก่อน

 

เมื่อไปถึงยอดแล้วก็ถึงกับ 
ตะลึง... สตั้น... กันไปเลย ลองยืนมองอย่างเดียวให้ลมปะทะหน้าสัก 1 นาที

แล้วค่อยนั่งพักสักเล็กน้อยทีนี้ก็จับจองมุมถ่ายภาพได้ตามสะดวก แต่ก็ต้องระวังหน่อย อย่าผาดโผนกันเกินไป อาจจะกลิ้งตกเขาได้ เราสามารถมองเห็นอ่าวได้ทั้งหมด 5 อ่าว ในเมืองประจวบฯ เมื่อหันหน้าเข้าสู่แผ่นดินด้านหน้าจะเป็นกองบิน 5 มองเห็นลานบินตัดกัน

ส่วนทางขวามือมองไปเห็นอ่าวประจวบฯ อ่าวน้อย และอ่าวคั่นกระได ส่วนด้านซ้ายมือมองเห็นอ่าวมะนาว และอ่าวคลองวาฬ สวยสดงดงามมากๆ

การเตรียมตัว

1. รองเท้าผ้าใบ (เช็คสภาพด้วย เห็นหลายคนขาดบ้าง พื้นเปิดบ้าง) //เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตรองเท้าแตะนะจ๊ะ
2. น้ำดื่ม อย่างน้อย 1 ขวด
3. ขนมหรือกล้วยหอมสักลูก (ผมพก snickers ให้พลังงานแต่ระวังอ้วนนะ)
4. ถุงมือ (ตอนลงจะโหดกว่าตอนขึ้นจะต้องจับเชือกโหนตลอด มือแหกสิ)
5. กล้อง/มือถือ (ไม่ต้องบอกว่าไว้ทำอะไร) 
6. กางเกงขายาว/ปลอกแขน (อันนี้แล้วแต่สะดวก แต่เห็นบางคนโดนหินบาดขาได้เลือดกันไป อีกอย่างมันกันแดดได้ดีทีเดียว)

พอลงมาแล้วก็แวะที่เต็นท์อำนวยการได้เลย หาน้ำกินสิ มีขนมมีอาหารขายบ้าง นั่งพักสักหน่อยแล้วก็ไปดูค่างแว่นก็น่ารักดี เพลินๆ แต่เที่ยงพอมันอิ่มมันก็ขึ้นไปนอนกันหมดแล้ว T-T

ถ้าใครยังไม่อยากกลับที่พักก็แวะอ่าวมะนาว อาบน้ำอาบท่าได้ที่จุดบริการตรงชายหาดได้ แล้วหาอาหารทะเลกินมื้อเที่ยงก็ดีไม่น้อย ราคาย่อมเยา นั่งเตียงผ้าใบริมทะเล ลมพัดเย็นๆ กินอิ่มๆ ก็พาหลับได้เหมือนกัน หรือจะคล้อยบ่ายแก่ๆ ก็ลงเล่นน้ำทะเลสบายๆ

สรุปส่งท้าย

ทุกการเดินทางของเราสองคนคือไปยังจุดหมายให้สำเร็จและปลอดภัย สิ่งสำคัญคือประสบการณ์ระหว่างทางและเป้าหมายที่เราไปถึง มันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ไปเถอะครับเมืองไทยยังมีอะไรอีกเยอะ แล้วสะพายเป้ไปกับเรา แล้วเจอกันอีกในทริปต่อไป...