I will be back Koh Mak....พารัก หนีร้อน นอนบังกะโล
ถ้าให้เลือกสถานที่แห่งหนึ่ง ที่คุณจะได้ใช้เวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่
กลับไปหาธรรมชาติ เติมเต็มชีวิตด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
เราอยากแนะนำให้คุณมา ....ติดเกาะ....กับเราค่ะ
.
เกาะ....ที่ยังมีธรรมชาติอยู่อย่างสมบูรณ์มากๆ
เกาะ....ที่ไม่ว่าคุณจะพักที่ไหน แต่คุณสามารถแวะมาเยี่ยมชม ถายรูป หรือมาเที่ยวในรีสอร์ทอื่นๆบนเกาะได้
โดยที่เจ้าของและพนักงานเต็มใจต้อนรับ เสมือนคุณเป็นแขกคนหนึ่งของเค้า
เกาะ....ที่คุณสามารถแว๊นมอเตอร์ไซด์เที่ยวได้รอบเกาะแบบไม่หลง โดยถือแผนที่แค่แผ่นเดียว
เกาะ....ที่คุณจะไม่ได้ยินเสียงดังของเจ็ทสกี เสียงเครื่องยนต์ลากบานาน่าโบท
จะมีก็แต่เสียงจ้ำไม้พายของเรือคายัค เสียงแกว่งชิงช้าเบาๆ หรือเสียงลมที่พัดใบไม้ปลิวมาข้างหู
.
ใช่แล้วค่ะเรากำลังพูดถึง ...เกาะหมาก....เราอยากให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับวันพักผ่อนของคุณ
มาติดเกาะกัน....แล้วคุณจะติดใจ ^V^
*******************************************************************************
ฝากติดตามผลงานเพจ FB : เที่ยวนอกบ้าน https://www.facebook.com/travelandoutdoors/
ขอบคุณสำหรับทุกไลค์และแชร์ค่ะ ^V^
#ไปเที่ยวด้วยกันน๊า #เที่ยวนอกบ้าน #travelandoutdoors
*******************************************************************************
Day 1 :
04.30 น. ออกเดินทางจากกรุงเทพ ถามว่าวันทำงานตื่นเช้าขนาดนี้มั๊ย???? ตอบเลยว่าไม่ ;)
ขับมาได้ครึ่งทาง เราก็ยังไม่เจอพระอาทิตย์เลย ชักยังไงซะแล้วสิ
แถมมีหมอกบางๆ ลอยอยู่เหนือภูเขาซะงั้น
สาบานว่านี่คือเช้าของฤดูร้อน ^V^
แล้วสิ่งที่เรากลัวก็มาจริงๆ ...พี่ฝนจ้า...ทริปทะเลดันเจอฝนซะงั้น T_____T
ถ้าขับรถมาเจอสิ่งนี้แสดงว่าเรามาถึง จังหวัดตราดแล้วค่ะ งอบ....สัญลักษณ์ของจังหวัดตราด
10.00 น. เราจองเรือ speed boat ทั้งขาไป-ขากลับ ผ่านเวปไซด์ I love kohmak (http://www.ilovekohmak.com/)
ต้องมาขึ้นเรือที่สะพานกรมหลวงชุมพร โดยจะมีบริษัทเรือ 3 บริษัทที่ให้บริการ สลับกันวิ่งทั้งวัน
แต่ละบริษัทจะมีจุดขึ้น-ลงเรือ บนเกาะหมากคนละท่า
เราสามารถจองเรือทั้ง 2 ขาต่างบริษัทกันก็ได้ โดยเลือกเวลาที่เราสะดวกเป็นหลักค่ะ
(ขาไปเราจองเรือลีลาวดี ขากลับเราจองเรือสวนสุข)
เมื่อมาถึงท่าเรือ แนะนำให้ขับรถเข้ามาที่สะพานลงเรือเพื่อเอาสัมภาระลงจากรถก่อน
สาวๆก็นั่งเฝ้าของไป ส่วนหนุ่มๆขับรถตามพี่วินมอเตอร์ไซด์เอารถไปเก็บเลยค่า...บ้านนี้พาน้องหมาไปเที่ยวเกาะด้วย ^V^
พี่วินพาเราเอารถมาฝากที่ "ร้านอาหารธิดา" พิกัดอยู่ด้านหน้าทางเข้าสะพานกรมหลวงชุมพรเลยค่ะ
ที่จอดรถมีหลังคาบังแดดฝน ถ้าโรงรถเต็ม บริเวณรอบๆก็มีต้นไม้ใหญ่มีร่มเงาช่วยบังแดดได้ค่ะ
ค่าฝากรถคืนละ 50 บาท หลังจอดรถเรียบร้อยพี่วินจะรับเรามาส่งที่ท่าเรือ มีค่าบริการของพี่วิน 20 บาทค่ะ
จากนั้นเอาใบจองเรือไปยื่นให้เจ้าหน้าที่เพื่อออก ตั๋วขาไปค่ะ (ใบจองอย่าเพิ่งทิ้งนะคะ ต้องใช้ยื่นเพื่อออกตั๋วเรือขากลับอีกครั้งค่า)
10.30 น. พร้อมแล้วไปกันเล้ยยยยยยยย
นั่งเรือ ประมาณ 20 นาที ก็มาถึงเกาะหมากแล้วค่ะ เรือของลีลาวดีจะจอดที่หน้ามะกะธานีนะคะ
เรือจอดปุ๊บจะมีเจ้าหน้าที่จากรีสอร์ทต่างๆ มายืนรอรับลูกค้าที่หน้าท่าเลยค่ะ
แต่...แต่ของเราไม่มี เพราะก่อนลงเรือ เรา ลืมโทรแจ้งรีสอร์ทว่าจะมาเรือรอบนี้ เพิ่งนึกได้ตอนเรือมาถึงแล้ว...นั่งรอวนไปค่า...
แปร๊บเดียวก็มีเจ้าหน้าที่มาเรียก รถคันนี้แหละที่จะพาเราไปยังที่พัก
เหมา 2 คน ทั้งคันเลย แฮร่ ^V^
11.00 น. ถึงแล้วค่ะ Banana Sunset Bar & Bungalows
เราจองที่พักทั้ง 2 คืนผ่านเวปไซด์ https://th.hotels.com/
(ที่นี่รับจองผ่านเวปไซด์ Booking , Agoda, Hotel.com...etc เท่านั้น ไม่รับจองหน้าเฟสหรือทางโทรศัพท์นะคะ)
ในราคาคืนละ 500 บาท (ไม่รวมอาหารเช้า) เป็นห้องพัดลม บ้านพักจะอยู่ติดทะเลแบบนี้เลยค่ะ
ความประทับใจแรกของเราคือ "บ้านพัก" ค่ะ บ้านถูกออกแบบเป็นบ้านชั้นเดียวยกสูง เล่นระดับห้องนอนกับห้องน้ำ
หลังคาทรงจั่ว มีหน้าต่างด้านบนทั้ง 2 ด้านทำให้ห้องยิ่งดูโล่ง กว้าง และสว่าง
ห้องนอนกว้าง เตียง king size
ด้านในจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง มีไดร์เป่าผมของสาวๆ น้ำดื่ม 2 ขวด นาฬิกา กาต้มน้ำ และตู้เซฟค่ะ
ส่วนปลายเตียงจะมีตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และมีราวตากผ้าแบบพับได้
จะบอกว่าแอบชอบพัดลมแหละ....มีความคลาสสิค เนอะ ^V^
อย่างที่บอกว่าบ้านนี้เป็นบ้านเล่นระดับ ห้องน้ำจะอยู่ต่ำกว่าห้องนอน เดินลงบันไดมาจะเจอห้องน้ำกว้างๆแบบนี้
โถชักโครกมีสายฉีดชำระ มีเครื่องทำน้ำอุ่น และสบู่กับแชมพูให้ ถือว่าโอเคเลยสำหรับห้องพักราคานี้
ส่วนนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางไว้ให้แขกได้มาพักผ่อน มีโต๊ะพูลให้เล่น มีเปลให้นอน
มีสะพานไม้เล็กๆสำหรับเดินไปชมวิวและถ่ายรูปเล่นค่ะ
แม้ที่นี่จะไม่มีชายหาดให้เดินเล่น แต่ธรรมชาติก็ทดแทนด้วยก้อนหินสีน้ำตาลรูปทรงแปลกตา ถือว่าสวยไปอีกแบบ
(ทริปนี้เจอฝุ่นเข้าหน้าเลนส์ บางรูปอาจจะมีก้อนฝุ่น รกสายตาไปบ้างนะคะ T____T)
ทุ่งดอกหญ้าสวยๆที่หน้ารีสอร์ท
และจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยอีกแห่งหนึ่งของเกาะสมกับชื่อรีสอร์ทเลยค่ะ ถ้าได้นั่งชมพระอาทิตย์ตกพร้อมฟังดนตรีสดคลอเบาๆ เราว่าคงเป็นอีกโมเม้นท์ที่น่าประทับใจ (ขอยืมภาพบรรยากาศจาก FB ของรีสอร์ทมาให้ชมนะคะhttps://www.facebook.com/Bananasunsetbar/?fref=ts)
ถ้าเป็นช่วงปรกติที่นี่จะมีบาร์ ดนตรีสด และห้องอาหารไว้บริการ แต่เนื่องจากเราไปช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเข้าสู่ Low season หลายๆรีสอร์ทจะเปิดให้บริการเฉพาะในส่วนของที่พัก ส่วนบาร์หรือห้องอาหารจะงดให้บริการ ที่นี่ก็เช่นกันค่ะ เจ้าของเลยแถมมอเตอร์ไซด์ให้ใช้ฟรี 2 วัน (น้ำมันเติมเอง) เฮ๊ยยยยย....ใจดีได้อีก นี่คือความประทับใจที่ 2 ที่เราเจอค่ะ
แผนที่ที่ทางรีสอร์ทให้มา พร้อมแนะนำจุดท่องเที่ยวสำคัญๆให้เราไว้เป็นข้อมูล
หลังเก็บของเสร็จเรียบร้อยเราก็แว๊น น้องบี (เรียกตามชื่อสติกเกอร์ที่เค้าแปะไว้หน้ารถ^V^)
มาที่" ร้านป้าแป๋ว" ร้านข้าวในตำนานประจำเกาะหมาก ร้านจะอยู่ติดกับโรงเรียนเกาะหมาก ใกล้ๆกับสามแยกค่ะ
จัดการออเดอร์ข้าวกล่องเพื่อหิ้วขึ้นเรือ และเติมน้ำมันให้น้องบีของเรา
13.00 น. มาขึ้นเรือไปเกาะขามที่หน้าเกาะหมากรีสอร์ท ค่าเรือ+ค่าเข้าเกาะคนละ 300 บาท
(เรือไปเกาะขามจะมี 2 รอบคือ 10.00 น. และ 13.00 น.) ถ้ามาไม่ทันรอบเรือที่นี่ สามารถไปขึ้นที่ เกาะหมาก โคโค่เคป รีสอร์ท ได้ ที่นั่นจะมีรอบเรือมากกว่า ค่าเรือ+ค่าเข้าเกาะคนละ 350 บาท ค่ะ
ระหว่างรอเรือก็ถ่ายรูปกันไป บ้างก็ไปช็อปเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าเพิ่มเติม ตรงจุดขึ้นเรือจะมีร้านขายสินค้าอยู่หลายร้านให้เลือก
ราคาไม่แพงพอๆกับบนฝั่งเลย
.....บ้างก็นอนรอ.....เดี๋ยวๆ ตัวนี้ไม่ได้ไปด้วย ^V^
เรือไปเกาะขามจะเป็นเรือลำเล็กๆ นั่งได้ไม่เกิน 15 คน รวมคนขับ
เรือแล่นไปโดยใช้ความเร็วประมาณ 5 กม./ชั่วโมง ^V^ มันช้ามากจริงๆ
คิดว่าคุณลุงคนขับคงต้องการให้เราดื่มด่ำกับลมทะเลที่พัดมาเอื่อยๆ
โชคดีที่เรือมีหลังคา ถ้าไม่มีเราว่ากว่าจะไปถึงเกาะผิวคงแทนพอดี ^V^
สิ่งที่เรากังวลไม่ใช่แสงแดด แต่เป็นชูชีพตะหาก บนเรือไม่มีชูชีพให้สวมค่ะ... ชีวิตมีความเสี่ยงนิดนึง ^^''
14.30 น. เกาะขาม ได้สมญานามว่า "ไข่มุกมรกตแห่งท้องทะเลตราด"
เป็นเกาะขนาดไม่ใหญ่มาก ชายหาดมีความยาวประมาณ 300 เมตร
จุดเด่นของเกาะนี้คือเม็ดทรายละเอียด สีขาวมว๊ากกกกกกกกก
...ขาวกว่าหน้าพี่ก็คงเป็นทรายที่เกาะนี้นี่แหละ.... ^V^
มันเหมาะกับการเดินเปลือยเท้า แล้วย่ำไปบนผืนทรายจริงๆเลย
มุมนี้จะเป็น เคาน์เตอร์สำหรับแลกและจำหน่ายเครืองดื่มนะคะ ตั๋วเรือของเราสามารถนำมาแลกเครื่องดื่มได้ 1 กระป๋องค่ะ
ด้านขวาของเกาะที่เรามองเห็นอยู่ นี้คือ"หินภูเขาไฟ"ค่ะ
นักธรณีวิทยาได้สันนิษฐานว่า เมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนบริเวณนี้ เคยเป็นปล่องภูเขาไฟที่หยุดประทุแล้ว
จึงหลงเหลือหินภูเขาไฟบางส่วนให้เราเห็นอย่างทุกวันนี้ค่ะ
สีดำของก้อนหินตัดกับสีขาวของพื้นทราย และสีฟ้าของน้ำทะเล ยิ่งทำให้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
เหมาะกับการค้นหา เหมาะกับเป็นฉากถ่ายรูป เหมาะกับบบบ....เดี๋ยวๆ นะ
ถ้าจะสำรวจมากกว่านี้ให้เดินระวังกันนิดนึง เพราะหินค่อนข้างคม
เดินไป เจ็บทรีนไป กันเลยทีเดียว ^V^
ด้านหลังของเกาะจะเป็นรีสอร์ทที่ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง(มานานแล้ว) ถ้าสร้างเสร็จจะเป็นรีสอร์ทเดียวบนเกาะ และมีความสวยมากๆ
ถ้ามาช่วงบ่าย เราจะเจอทะเลแหวกด้วยค่ะ เกร๋เนอะไม่ต้องไปถึงภาคใต้ก็เจอทะเลแหวก
ถึงแม้จะเป็น "มินิทะเลแหวก" ก็เถอะ แนะนำให้รีบถ่ายรูปมุมนี้ก่อนเลยค่ะ
เพราะสักบ่าย 4 โมง น้ำจะเริ่มขึ้น ทะเลแหวกจะเริ่มหายไป
อีกมุมที่น่าสนใจบนเกาะนี้คือมุมนี้คร่า.....
เป็นต้นไม้ที่เกาะกันอยู่กระจุกเดียว รูปทรงแปลกตา เหมาะกับการถ่ายรูปอีกแล้วววว ^V^
ด้านซ้ายของเกาะจะเป็นสะพานไม้ ทอดยาวลงไปในทะเล เป็นอีกมุมฮิตบนเกาะนี้
เราสามารถอยู่บนเกาะได้ถึง 5 โมงเย็น ระหว่างอยู่บนเกาะก็ทำกิจกรรมวนไปค่ะ
ใครชอบถ่ายรูปก็ถ่ายวนไป
ยิ่งมาเป็นแก็งค์ แต่งชุดเป็นธีม เวลาโพสต์ยิ่งเริ่ดอ่ะ
ใครไม่ชอบถ่ายรูปก็ไปว่ายน้ำค่ะ
เบื่อว่ายน้ำก็เปลี่ยนมาพายเรือคายัค
เหนื่อยก็มานั่งพักรอเรือมารับกลับ
....ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวเสมอ....
เราใช้เวลาอยู่บนเกาะขามจนถึงเย็นก็นั่งเรือกลับมาที่เกาะหมากค่ะ
18.00 น. เกาะหมากรีสอร์ทเป็นอีกจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามมาก
19.00 น. ไหนๆก็ดูพระอาทิตย์ตกที่นี่แระ มื้อเย็นเลยฝากท้องไว้ที่ I-Talay Beach Bar เลยค่ะ
มื้อนี้เราสั่ง "ต้มยำทะเล และ ผัดฉ่าปลาหมึก" ไป รสชาดโอเคเลย
ถ้าใครมาคนเดียวอาหารจานเดียวที่นี่ก็มีขายนะคะ (ราคา 100 - 150 บาท)
นั่งดินเนอร์ไป มองวิวทะเลสวยๆไป อาหารอร่อยขึ้นมาอีกหนึ่งเวลเลยค่ะ
19.30 น. น้องพนักงานเดินมาบอกว่าอีกเดี๋ยวจะมีหนุ่มๆมาโชว์ของค่า พี่นี่ตาลุกวาวเลยยยยย
เดี๋ยวๆ..เค้าหมายถึง "โชว์กระบองไฟ" นะ คิดอะไรอยู่...แฮร่ ^V^
โชว์กระบองไฟจะมีทุกวันเสาร์ ถ้าเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ต้องลองเช็คกับทางร้านอีกทีค่ะ
20.30 น. ดูกระบองไฟจบเราก็กลับที่พักค่ะ คืนนั้นดาวสวยมาก ตั้งใจว่าดึกๆจะลงมาถ่ายรูปดาว
แต่เจอเตียงดูดวิญญาณเข้าไป หลับยาวจนถึงเช้าเลย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่หลับไวขนาดนี้ รู้สึกดีมากๆเลยค่ะ^V^
**********************************************************************
Day 2:
07.30 น. เปิดว๊าบมาก็ 7 โมงกว่าแล้ว พระอาทิตย์ที่ตั้งใจจะตื่นมาดูก็ขึ้นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
08.30 น. มื้อเช้าวันที่ 2 ฝากท้องไว้ที่ร้านป้าแป๋วอีกตามเคย
เราสั่ง "ข้าวต้มปลาหมึก" ส่วนคุณแฟนสั่ง "กระเพราทะเลไข่ดาว"
ค่าเสียหายมื้อนี้ 70 บาท...ถูกมว๊ากกกกก
09.00 น. ท้องอิ่มแล้วก็พร้อมเดินทางค่ะ จุดแรกที่เราไปคือ "อ่าวขาว" เป็นอ่าวที่มีทรายสีขาว หน้าหาดสามารถลงเล่นน้ำได้
เป็นที่ตั้งของรีสอร์ทสวยๆหลายแห่งเลยค่ะ
จากอ่าวนี้เราสามารถมองเห็น "เกาะระยั้งใน" และ "เกาะระยั้งนอก" ได้ด้วย
หากใครสนใจจะไปเที่ยวทั้ง 2 เกาะ สามารถสอบถามเรือเร็วจากรีสอร์ทในแถบนี้ให้ไปส่งได้ค่ะ
จุดเด่นของอ่าวนี้นอกจากทรายขาวแล้ว คงจะเป็นต้นมะพร้าวเอนที่หลายคนแวะเวียนมาถ่ายรูปกัน
แถมยังมีมุมสวยๆแปลกตาอีกหลายมุมให้ได้ถ่ายรูปกัน
เดินเลยจากต้นมะพร้าวไปด้านในจะมีชิงช้าไว้ให้โล้เล่น
อย่าถามว่าพลาดมั๊ย...ไม่มีทาง ^V^
10.30 น. ออกจากอ่าวขาวแว๊นต่อไปที่ "แหลมตุ๊กตา" เป็นแหลมหินที่ชาวบ้านบอกว่า หากมองเข้ามาที่เกาะจะเห็นรูปทรงคล้ายตุ๊กตา จึงเป็นที่มาของชื่อนี้ค่ะ แหลมนี้เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งบนเกาะ ทางเข้าค่อนข้างยากนิดนึง คนที่ขับรถไม่แข็งควรระมัดระวังนะคะ
แนะนำให้ขับตามเส้นทางตรงไปอย่างเดียว ถ้าเจอทางแยกไม่ต้องเลี้ยว ถ้าเลี้ยวก็จะหลงแบบเรา...ขับไปขับมา มาโผล่ที่"เกาะหมาก มารวย บีช รีสอร์ท" ซะงั้น
เจอคุณลุงใจดีนั่งอยู่เลยถามทาง คุณลุงบอกว่า "มาผิดทางแล้วหนู" เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราเลยเดินเท้าจากรีสอร์ทต่อไปยังแหลมตุ๊กตา ระยะทางประมาณ 2 ก.ม. ถือว่าออกกำลังกายละกัน....หรา ^V^
มาถึงแล้วววววววววว แล้วตุ๊กตาอยู่ไหน?????
ยัง...ยังไม่ถึง ต้องปีนเข้าไปด้านในถึงจะเจอค่ะ
นี่งายยยยยยยย
12.00 น.หลังจากออกกำลังกายด้วยการเดินทั้งขาไปและขากลับจากแหลมตุ๊กตาแล้ว
ก่อนจะไปทานมื้อเที่ยงเราแวะที่ "ไทดาโฮ วิสต้า รีสอร์ท" ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่บอกเลยว่า **ห้ามพลาด**
เพราะจะมองเห็น เกาะขามในมุมสูงเต็มๆตาแบบนี้......โว้วววววววว
12.30 น. ท้องเริ่มประท้วง เราเลยรีบแว้นอย่างไวมาที่ "แหลมสน" กันค่ะ
แว๊นรถฝ่าเปลวแดดร้อนๆ มาเจอลมเย็นๆ ที่พัดผ่านต้นสนมาแบบนี้ทำเอาหายเหนื่อยเลย
ที่เห็นฝั่งตรงข้ามนั่นคือ "เกาะกระดาด" ใครอยากไปเที่ยวติดต่อเรือที่นี่ได้เลยค่ะ
ที่นี่จะมีร้านอาหารอยู่ 2 ร้าน ราคาใกล้เคียงกัน เราเลือกร้านแรกที่อยู่ตรงทางเข้าเพราะคิวไม่เยอะ
นาทีนั้นหิวมาก..รอไม่ไหวแล้ว ^V^
ออเดอร์ "ยำปูม้า ปูผัดผงกะหรี่ ปลาหมึกย่าง เบียร์ 1 ขวดเล็ก เป๊ปซี่ ข้าวเปล่า 2 จาน" ค่าเสียหาย 430.-
(ถ้ามาคนเดียว อาหารจานเดียวก็มีนะคะ)
แม้จะอิ่มแล้วก็ยังไม่อยากลุกไปไหนเลย
ทรายขาว วิวสวย อากาศดีมากจริมๆ
เป็นอีกที่ที่ชายหาดเหมาะกับการเล่นน้ำมากค่ะ
14.30 น. "วัดเกาะหมาก" เป็นวัดแห่งเดียวบนเกาะ เข้าไปกราบพระกันดีกว่าค่ะ
บรรยากาศภายในวัดร่มรื่นมาก
ตรงนี้เป็น จุดชมวิวค่ะ จะมีพระรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ ตอนที่เราไปกำลังมีการก่อสร้างสะพานเป็นรูปพญานาคยื่นลงไปในทะเล ถ้าแล้วเสร็จจะเป็นอีกจุดที่สวยงามมากค่ะ
หลวงพี่กำลังนั่งทำเกล็ดพญานาค เพื่อเอาไปติดตรงสะพานที่กำลังสร้างค่ะ
วิวสวยๆของท่าเรืออ่าวนิด จากจุดชมวิวภายในวัดค่ะ
15.30 น. "พิพิธภัณฑ์บ้านเกาะหมาก" ตั้งอยู่ที่เดียวกับ "เกาะหมากซีฟู้ด" เป็นเรือนไม้โบราณ 2 ชั้น
ชั้นล่างจะจัดแสดงเกี่ยวกับสิ่งของเครื่องใช้สมัยโบราณ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องต่างๆเข้าใจว่าเป็นห้องจริงของเจ้าของบ้าน ใครสนใจแวะไปเยี่ยมชมได้ค่ะ
ก่อนกลับแอบส่องร้านอาหารนิดนึง คืนนี้เราจะมาดินเนอร์ที่นี่ ^V^
ออกจากพิพิธภัณฑ์เราแว๊บกลับไปงีบที่บังกะโลต่อ เพราะอยู่ใกล้กันนิดเดียว ^V^
17.30 น. หลับเพลินตื่นมาอีกทีเกือบเย็นแล้ว ^V^
รีบแว๊นรถอย่างไวมาที่ "ชินนาม่อน อาร์ต รีสอร์ท แอนด์ สปา" วันนี้ตั้งใจมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ค่ะ
"สะพานสู่ฝัน" ทอดยาวววววววววววววววว ไปในทะเล ต้องใส่ ว. หลายตัว เพราะมันยาวมากจริงๆ ^V^
ที่นี่วิวดีมว๊ากกก บรรยากาศได้ เหมาะกับการกุมมือแฟนมานั่งดูพระอาทิตย์ตกจริงๆ
ส่วนสายโสด โหมดเหงา ก็นั่งดูพระอาทิตย์ตกกับต้นไม้เดียวดายต้นนี้แทนแล้วกันเนอะ
18.30 น. แว๊นรถต่อมาที่ "เกาะหมากซีฟู้ด" เราจองโต๊ะไว้ทุ่มนึงค่ะ
(แนะนำให้โทรจองโต๊ะล่วงหน้าเพราะร้านนี้ลูกค้าแน่นตลอดค่ะ โทร.08-9833 4474, 08-9752 5684)
โชคดีได้โซนด้านนอกที่อยากนั่งพอดี นั่งทานอาหาร รับลมทะเลเย็นๆ มองไฟจากเรือประมงไป
เมนูแนะนำของทางร้านคือ "เกาะหมากฮอทพอต" เป็นต้มยำทะเลไข่ตุ๋น มันเข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ
และสั่งเพิ่ม "แกงป่าปลาเห็ดโคน และปูนิ่มทอดกระเทียม" รสชาดดีมากค่ะ ค่าเสียหาย 780.- บาท
จบวันที่สองด้วยอาการพุงกางและเข้านอนแต่หัววันอย่างเคย ^V^
Day 3 :
06.00 น. รีบกระโดดลงจากเตียงอย่างไวเลยค่า เช้าวันสุดท้ายแล้วตั้งใจจะไปถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นที่แหลมสน
แต่ตอนแว๊นรถออกมาจากบังกะโลแสงสีทองเริ่มโผล่มาที่ท้องฟ้า ดูเวลาแล้วยังไงก็ไปไม่ทันแน่นอน
เลยเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ท่าเรืออ่าวนิดแทนค่ะ
ครั้งนี้เราไม่พลาดที่จะเห็นไข่แดง แต่หยิบกล้องมาถ่ายไม่ทัน ได้มาแต่รูปนี้ แอบเสียใจ T___T กลับมาอาบน้ำ เตรียมตัวกลับ เรือเที่ยว 10 โมง
08.30 น. มาร้านป้าแป๋วอีกแล้ววววว มื้อสุดท้ายก่อนกลับ "กระเพราทะเล และ สุกี้ปลาหมึกแห้ง"
ค่าเสียหาย 70.- บาทเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ "น้องเหมียว" ตัวนี้ที่มาคลอเคลียอยู่ข้างๆ ^V^
หลังมื้อเช้าเวลายังเหลือเวลาอีกนิดหน่อย เราเลยแว๊นรถมาเที่ยวที่ "อ่าวทองหลาง" อ่าวนี้จะเป็นอีกอ่าวที่เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ตก เป็นอ่าวที่ไม่มีหาดให้เดินเล่น แต่มีก้อนหินสีดำแปลกตา
เราได้แวะเที่ยวที่ "ทะเลไทม์ รีสอร์ท" เป็นรีสอร์ทนี้มีความร่มรื่นและสมบูรณ์มาก
มีพี่ไกด์ผู้ชายพาชมบ่อปลาธรรมชาติ บ่อนี้จะมีพี่เก๋าตัวใหญ่ อาศัยอยู่กับพี่ช่อนทะเล และน้องปลาเข็มค่ะ
นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นแหล่งอนุรักษ์ปูไก่ ซึ่งเป็นปูหายากและกำลังจะสูญพันธ์ เรามาช่วงเช้าเลยเจอแต่รูปูกระจายอยู่ทั่วรีสอร์ท ถ้าอยากเห็นตัวปูต้องมาช่วงเย็นนะคะ (ขอบคุณรูปจากอินเทอร์เนตค่ะ)
เที่ยวอยู่สักพักก็ขอลาพี่เจ้าของรีสอร์ทและพี่ไกด์ใจดีกลับเพราะใกล้ 10 โมงแล้ว (เพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่ไกด์ไม่ได้อยู่ที่รีสอร์ทนี้ พี่เค้าอยู่เกาะหมากรีสอร์ท แต่พี่พาชมเหมือนเป็นรีสอร์ทตัวเองเล๊ยยยย.... เชื่อเราเถอะว่าคนบนเกาะนี้ใจดีทุ๊กคน ^V^)
**************************************************************************
หากคุณอยากกลับไปใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ลองมาเที่ยวที่นี่ค่ะ
นอกจากจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ คุณยังจะได้ความสุขกลับไปแบบเต็มกระเป๋า แน่นอน ^V^
**************************************************************************
-- สรุปค่าใช้จ่าย --
# ค่าน้ำมันรถ 1500/ทริป (คนละ 750.-)
# ค่าฝากรถคืนละ 50*2 + มอไซด์ไปส่งท่าเรือ 1 ขา = 120 .-/ทริป (คนละ 60.-)
(ขากลับเราลากกระเป๋ากลับเองเนื่องจากที่จอดรถอยู่ใกล้ๆ)
# ค่าเรือสปีดโบท 900.-/คน
# ค่าเข้าเกาะขาม 300.-/คน
# เติมน้ำมันมอเตอร์ไซด์ 45*3 ขวด = 135.-/ทริป (ตกคนละ 68.-)
# ค่าที่พัก 1000/ทริป (ตกคนละ 500.-)
# ค่าอาหาร 70+520+70+480+790+ ค่าขนม 200 = 2,130.-/ทริป (ตกคนละ 1,065.-)
รวม 3,643.-/คน