เมื่อขึ้นถึงฝั่งเป็นที่เรียบร้อย ยังมีเวลาเหลืออีกหลายชั่วโมง ผมจึงวางแผนขี่มอเตอร์ไซด์เที่ยวรอบเกาะ โดยจุดหมายแรกอยู่ที่เจดีย์แหลมสอครับ
เจดีย์แหลมสอ ตั้งอยู่ในวัดแหลมสอ เป็นเจดีย์ศิลปะศรีวิชัยที่ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ยๆ ว่ากันว่าองค์เจดีย์ก่อขึ้นจากอิฐที่ได้มาจากการนำปะการังมาถากให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม แทนการใช้อิฐดินเผา และสอด้วยน้ำตาลโตนด ผงปะการังเผา กาวหนังควาย และยางไม้ โดยมีชาวสมุยนับพันคนมาช่วยกันเรียงแถวรับอิฐจากพื้นไปขึ้นสู่ยอดเขา ทำให้สามารถสร้างเจดีย์องค์นี้ได้เสร็จภายใน 6 เดือน จากนั้นได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ เป็นส่วนพระอุรังคธาตุ (พระธาตุส่วนอกของพระพุทธเจ้า) ที่ได้อัญเชิญมาจากศรีลังกาเข้ามาประดิษฐานไว้ภายในองค์เจดีย์ ต่อมาเจดีย์ดังกล่าวได้ถูกฟ้าผ่าชำรุดเสียหายมาก หลวงพ่อแดงพระภิกษุที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างยิ่งของชาวสมุย จึงให้สร้างพุทธเจดีย์องค์ใหม่ขึ้นที่ชายหาดด้านล่าง และอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุในเจดีย์องค์ใหม่ องค์พระเจดีย์ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ประดับด้วยกระเบื้องสีทองทั้งองค์ ความที่เป็นสีเหลืองทอง ทำให้ให้ตัดกับสีฟ้าครามของน้ำทะเล ดูงดงามมากจริงๆ ครับ
![]()
![]()
![]()
จากเจดีย์แหลมสอ ไปต่อที่ศาลเจ้าพ่อกวนอูครับ
เดิมศาลเจ้าพ่อกวนอูที่เกาะสมุย รู้จักกันในชื่อ ศาลเจ้าหน้าค่าย เป็นเพียงศาลเจ้าไม้ขนาดเล็ก ที่มีเพียงรูปสลักเทพเจ้ากวนอู ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวจีนไหหลำ ที่อพยพมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะสมุย ต่อมาในปี 2551 ได้มีการสร้างรูปปั้นเนื้อสำริดขนาดใหญ่ ที่มีความสูงถึง 16 เมตร และมีการพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้สวยงามครับ
![]()
เจ้าพ่อกวนอู โด่งดังมาจากพงศาวดารจีนสามก๊ก เป็นเทพเจ้าที่มีความซื่อสัตย์ ยุติธรรม กล้าหาญ จึงเชื่อกันว่า การได้มาบูชาเทพเจ้ากวนอูจะนำมาซึ่งโชคลาภและความร่ำรวย
![]()
![]()
ด้านข้างของศาลเจ้าพ่อกวนอู ยังมีรูปถ่ายหน้าตรงของผู้คนมากมาย ผมสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นผู้ที่ร่วมก่อสร้างศาลเจ้าหน้าค่ายครับ
![]()
ศาลเจ้าพ่อกวนอูเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. ครับ
จากศาลเจ้าพ่อกวนอู ขี่มอเตอร์ไซด์ต่ออีกนิดหนึ่ง ก็มาถึงวัดราชธรรมาราม หรือที่ชาวสมุยรู้จักกันดีในชื่อวัดพระธาตุศิลางูครับ
เหตุที่ทำให้วัดแห่งนี้มีชื่อว่าศิลางู เพราะชายหาดบริเวณที่ตั้งของวัดมีหินคล้ายเกล็ดงู ตอนน้ำขึ้นจะดูเหมือนงูนอนอยู่ในทะเลครับ
สิ่งที่น่าสนใจในวัด จะมีพระอุโบสถสีแดง ศิลปะศรีวิชัยกึ่งบายน ที่สร้างจากหินปูนเค็มบดละเอียด แล้วนำมาผสมกับปูนในเกาะสมุย จากนั้นผสมสีแดงลงไป ทำให้ได้สีที่ดูแปลกตา ด้านในพระอุโบสถมีพระประธานปางมารวิชัย ที่ผนังด้านในมีลวดลายปูนปั้นแกะสลักเป็นเรื่องรามเกียรติ์ พุทธประวัติพระแม่ธรณีบีบมวยผม หน้าต่างทุกบานเป็นลวดลายเทพประจำปีเกิดตามนักษัตร บนเพดานเป็นลวดลายเกี่ยวกับเทพเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ต้องยอมรับในความอ่อนช้อยของลวดลายปูนปั้นแกะสลักเหล่านี้จริงๆ ครับ
![]()
![]()
![]()
พระธาตุศิลางู พระธาตุสีทองทั้งองค์ ตั้งอยู่บนลานกลางวัด ด้านในองค์พระธาตุประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุครับ
![]()
ออกจากวัดพระธาตุศิลางู ไปต่อกันที่ Overlap Stone ซึ่งทางขึ้นไปยัง Overlap Stone อยู่เยื้องๆ กับวัดพระธาตุศิลางูนั่นเอง เส้นทางที่จะขึ้นไปยัง Overlap Stone แคบและสูงชัน ต้องขับขี่กันด้วยความระมัดระวังนะครับ เมื่อขี่ขึ้นไปเรื่อยๆ จะเห็นลานจอดรถน้อยๆ พอสำหรับจอดรถมอเตอร์ไซด์ แต่ถ้าใครขับรถยนต์มา คงต้องหาจอดกันข้างทาง และเสียค่าจอดรถคันละ 40 บาทครับ
เมื่อจอดรถเรียบร้อย ผมเห็นมีป้ายแนะนำให้ไปดูต้นไทรโบราณ เลยแวะเดินเข้าไปชมกันก่อน เส้นทางเดินก็ไม่ลำบากอะไร แถมเดินไม่ไกลด้วยครับ
![]()
ถ่ายภาพมาได้ 1 ภาพ เป็นอันเสร็จภารกิจเที่ยวชมไทรโบราณ เดินกลับมายังที่จอดรถ แล้วเดินเท้าต่ออีกไม่ไกลนัก เส้นทางเดินสะดวก ไม่ลาดชัน เดินเท้าสักประมาณ 5 นาที ก็จะมาเจอบ้านหลังหนึ่ง หากมองทะลุบ้านหลังนี้ไป ข้างหน้าจะเป็นภาพก้อนหินขนาดใหญ่วางซ้อนกันอยู่ โดยก่อนเข้าไปในตัวบ้าน จะมีป้าคอยยืนเก็บเงินค่าเข้าชมคนละ 50 บาท (ผมว่าราคาแพงไปเหมือนกันสำหรับคนไทย) เนื่องจาก Overlap Stone เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลครับ แอบนึกอิจฉาป้ามากๆ ที่มีบ้านอยู่ในวิวที่สวยสดงดงามขนาดนี้ วันๆ ได้เงินจากค่าเข้าชมไปไม่น้อย ขนาดในช่วงที่ผมไปมีฝรั่งมานั่งรอคิวถ่ายภาพ Overlap Stone กันเป็นจำนวนมาก แล้วมากันอย่างไม่ขาดสายด้วย คาดเดาว่า วันหนึ่งน่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายภาพไม่น่าจะน้อยกว่า 100 คนครับ รายได้เท่าไร ลองคูณกันเอาเอง
การจะเข้าไปสัมผัสใกล้ชิดกับ Overlap Stone จะต้องเดินผ่านสะพานปูนแคบๆ เข้าไป แต่ควรจะต้องเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะทางเดินจุดนี้ไม่มีราวที่แข็งแรงให้ยึดเกาะครับ
![]()
จุดชมวิวนี้ สามารถมองเห็นวิวของอ่าวละไมได้แบบพาโนรามาเลย สวยงามจับใจจริงๆ
![]()
ขี่รถขึ้นมาก็ว่าเสียวแล้ว ขาลงก็เสียวไม่แพ้กันครับ 555
ออกจาก Overlap Stone ไปต่อที่หินตาหินยายครับ หินตาหินยายนับเป็นกิมมิคของเกาะสมุยเลยก็ว่าได้ ใครมาเกาะสมุยแล้วไม่มาเที่ยวหินตาหินยาย เหมือนมาไม่ถึงเกาะสมุยครับ
หินตาหินยาย เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หินแกรนิตเกิดการกัดเซาะจากน้ำทะเลและความร้อน จนก่อให้เกิดประติมากรรมทางธรรมชาติอย่างที่เห็นในปัจจุบัน และยังมีตำนานเล่ากันต่อๆ มาว่า นานมาแล้วมีตาเครงกับยายเรียม ชาวปากพนัง ได้เดินทางโดยเรือใบเพื่อจะไปสู่ขอลูกสาวของตาม่องล่าย ที่อยู่ในจังหวัดประจวบฯ ให้กับลูกชายของตน แต่พอแล่นเรือมาถึงอ่าวละไม เกิดพายุใหญ่ ซัดจนเรือล่ม ทำให้ตาเครงและยายเรียมเสียชีวิต และร่างของทั้งสองก็ถูกคลื่นซัดขึ้นมาเกยที่ชายหาด จากกลายเป็นหินดังที่เห็นในปัจจุบันครับ
ในส่วนของหินตานั้น เราจะมองเห็นกันได้อย่างชัดเจน ในส่วนของหินยาย หากใครต้องการพินิจแบบมุมที่ใช่ จะต้องเดินลงไปตามทางลาดนิดเดียว แต่คงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษนะครับ เพราะถ้าหากพลาด เหยียบหินแล้วลื่น อาจจะกลิ้งตกทะเลได้
![]()
นอกจากจะได้เห็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติแล้ว วิวที่มองออกไปอีกด้านหนึ่งจะเห็นอ่าวละไม ก็ทำให้ผมประทับใจไม่น้อยกับสีเฉดสีของน้ำทะเลที่มีทั้งสีเขียวมรกตและสีฟ้าครามตัดกันอย่างงดงาม
![]()
![]()
![]()
หินตาหินยาย ตั้งอยู่ที่หาดละไมครับ ที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชม แต่เสียค่าจอดรถ เนื่องจากต้องไปจอดรถในที่ของเอกชนครับ
ออกจากหินตาหินยาย ไปต่อที่วิหารออร์โธด็อกซ์พระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ครับ
วิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระเจ้า สร้างขึ้นด้วยงบประมาณการก่อสร้างทั้งสิ้น 14,000,000 บาท โดยเงินงบประมาณที่นำมาก่อสร้างเป็นเงินที่ได้จากการบริจาคของปุถุชนชาวคริสเตียนออร์โธด็อกซ์และผู้มีจิตศรัทธาอื่นๆ ตัวอาคารเน้นสีฟ้า ขาว ดูงดงามแปลกตา ด้านนอกว่างดงามแล้ว ภายในก็งดงามไม่แพ้กันครับ
![]()
![]()
ใครที่มาเที่ยวหินตาหินยายแล้ว หากมีเวลาเหลือ แนะนำให้เข้าไปชมความงดงามของโบสถ์แห่งนี้ ทางขึ้นอาจจะแคบและชัน (แต่ไม่มากเท่า Overlap Stone) โบสถ์จะตั้งอยู่ท่ามกลางบ้านพักตากอากาศและรีสอร์ท การเข้าชมที่นี่ไม่เสียค่าเข้าชมและไม่เสียค่าจอดรถ แต่ที่จอดรถมีน้อยครับ
เย็นนี้ผมมารอชมพระอาทิตย์ตกที่หาดบางมะขามครับ หามุมเหมาะริมถนนได้เลย ที่หาดบางมะขามเป็นอีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยเลยทีเดียว มีฉากหลังเป็นหมู่เกาะมากมาย แถมยังมีเรือประมงต่างๆ เป็นองค์ประกอบในภาพด้วย
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
![]()
ภาพมันฟ้องแล้วนะครับ ว่าเอาแน่เอานอนกับสภาพอากาศที่เกาะสมุยไม่ได้เลยจริงๆ กลุ่มเมฆฝนขนาดใหญ่ กำลังปกคลุมทั่วผืนฟ้าของสมุย ยังดีที่ยังได้เห็นพระอาทิตย์ตกลาลับขอบฟ้า หลังจากนั้นแล้ว ไม่ขอพูดถึง ดีที่ขี่รถหนีฝนทันครับ
สำหรับเย็นนี้ ผมมาหาของกินที่ถนนคนเดิน ภายใน Fisherman’s Village บ่อผุดครับ
ในอดีต Fisherman’s Village เป็นชุมชนชาวประมงเก่าแก่ของเกาะสมุย แต่ปัจจุบันกลายเป็นจุด Hang out ของนักท่องเที่ยวไปแล้ว เช่นเคย ที่เห็นส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแทบทั้งสิ้น ภายใน Fisherman’s Village มีร้านอาหารให้เลือกมากมายครับ รวมถึงด้านหน้าชายหาด จะมีร้านอาหารมาให้บริการเต็มหน้าหาดเลย
![]()
รีบกิน รีบไป เพราะฝนไล่หลังมาแล้ว อีกอย่างต้องรีบกลับไปพักผ่อนด้วย เพราะเช้าวันใหม่ผมมีโปรแกรมลงเกาะอีกวันครับ