พยายามนั่งรถไฟไปเกาะพยาม
เรานั่งรถไฟเที่ยวบ่อย หรือเราหลงไหลเสน่ของการนั่งรถไฟเที่ยวไปตั้งแต่เมื่อไหร่จนเราไม่รู้ตัว จนมีความเชื่อว่า ทุกจังหวัดในประเทศไทย เรานั่งรถไฟไปได้ ถึงแม้จะไม่ใช่ทางผ่านของรถไฟ แต่เราก็ต่อรถไปได้ ความพยายามที่จะไปติดเกาะพยามในครั้งนี้เราจึงลองนั่งรถไฟไปดู แถมเป็นรถไฟฟรีด้วย คิดในใจ ไม่โหดไปหน่อยเหรอ
คนส่วนใหญ่มาเที่ยวเกาะพยาม จ.ระนอง ด้วยการนั่งเครื่องบินหรือไม่ก็รถทัวร์ ถ้าใครชอบนั่งรถไฟอยู่แล้ว ไม่เหนือบ่ากว่าแรง นั่งรถไฟมาก็ไม่เลวนะ แถมได้ชมวิวข้างทางด้วย ที่สำคัญ ประหยัด!!! 5555
และเป็นอีกครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ที่เรานั่งรถไฟฟรีเที่ยว ขึ้นที่หัวลำโพง 13.00 น.เพื่อมาลงชุมพร ถึงเร็วกว่าปกติ 21.00 น. ไปไหนล่ะทีนี้ นึกสนุก ที่หลายคนคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ นอนที่สถานีรถไฟเฉยเลยค่ะ นอนบนเก้าอี้เลย เพียงเพราะ "ก็คนอื่นเค้ายังนอนกันเลย" ดื้อไง อยากลอง อีกไม่กี่ ชม.ก็ตื่นแล้ว แต่กว่าจะนอนก็เที่ยงคืนตี 1 เวลาปกติที่นอนอยู่ทุกวัน
ความจริงไม่ได้อยากแนะนำนะสำหรับผู้หญิงที่มาคนเดียวแล้วนอนสถานีรถไฟ ถ้าอยากนอนจริงๆ ให้มีเพื่อนคอยเปลี่ยนเวรกันเฝ้าของดีกว่า เราก็หลับๆตื่นๆ ไม่ใช่เพราะคนแต่เพราะรถไฟจะวิ่งทั้งคืน จนท.สถานีก็จะเดินไปเดินมาตลอด แต่กลับกันกลับรู้สึกอุ่นใจแฮะ
แป๊บๆก็เกือบตี 5 แล้ว ตื่นค่ะรออะไร งัวเงียอยู่หลับๆตื่นๆ หาวินมอเตอร์ไซค์ไปท่ารถ บอกว่าจะต่อรถไประนอง วินรู้พามาส่งที่ตลาดเลย ของบริษัทอะไรซักอย่งจำชื่อไม่ได้แล้ว ค่าวิน 30 บาท ขึ้นรถทัวร์ไปซื้อตั๋วบนรถได้เลย ค่ารถ 110 บาท รถออก 05.10 น. เหย...ค่ารถถูกอ่ะ กำหนดการบอกว่านั่ง 2 ชม.ถึงระนอง แต่เหมือนหวานเย็นมาเรื่อยๆ แล้วขึ้นรถปุ๊บก็หลับปั๊มหลับนิ่งเลย ระหว่างทางก็มี จนท.มาตรวจต่างด้าวบ้าง เพราะในรถมีแต่ต่างด้าว ที่ต่างด้าวเยอะเพราะเป็นแรงงานที่มาทำงานที่เกาะต่างๆในภาคใต้นี่แหละ ใกล้ถึงระนองตื่นมาก็ชื่นใจกับธรรมชาติข้างทาง เห้ย! ภูเขาที่ระนองสวยมาก รถวิ่งผ่านใกล้ภูเขา ชมทิวทัศน์ไปเรื่อยเปื่อย ถึงระนอง 08.00 น.
หลังจากนั้นก็ถามคนแถวนั้น หารถสองแถวไปปากน้ำ มีหลายคัน หลายสีนะ แต่เลือกคันที่เขียนว่าปากน้ำ ราคาแค่ 15 บาทเอง สองแถวไปส่งเลี้ยวเข้าซอยนิดเดียวมีคนมาตั้งโต๊ะรอขายตั๋วเรือเลย 200 บาท หลังจากให้เงินแล้วก็พาขึ้นท้ายกระบะเข้าไปท่าเรืออีก เราก็นั่งไปกับฝรั่งอีก 2-3 คน เพื่อรอขึ้นเรือ 09.00 น. มีเราคนเดียวไปเกาะพยาม ที่เหลือเค้าไปเกาะช้างหมดเลย
บริเวณท่าเรือ
อใช้เวลา 2 ชม. กว่าจะถึง นั่งไปเรื่อยๆ การเดินทางครั้งนี้ของเรายาวนานมาก หลับไป ชมวิวไป แค่ได้สูดอากาศดีๆ ให้เดินทางไกลแค่ไหน แค่นี้ก็พอใจแล้ว ถึงเกาะประมาณ 11.00 น.
ในเรือมีห้องน้ำนะ
มีป้ายบอกทางทั่วทั้งเกาะ ไปต้องกลัวหลง
เดินไปหาเช่ามอเตอร์ไซค์ มีหลายร้านมาก ไม่มีค่ามัดจำ วางแค่บัตรประชาชน วันที่เราไปเป็นวันธรรมดา คนไม่เยอะ ค่าเช่ารถแค่ 150 บาท ค่าน้ำมันแยกต่างหาก ลิตรละ 35 บาท เราเติมไป 2 ลิตร 70 บาท อยู่ได้ประมาณ 2 วัน (อันนี้คนที่ให้เช่าบอก) แนะนำดีด้วยมีแผนที่ให้ว่าไปตรงนั้นตรงนี้ หากไปมีที่พักก็แนะนำให้ บอกว่าลองไปดูบ้านสวนกาหยู มีทั้ง 1 และ 2 แต่เราขับมาแล้วหลง เพราะไม่ได้สนใจแผนที่มากนัก ตลอดทางที่ผ่านมามีบังกะโลเพียบ และคาดว่าถูกมากด้วย แต่ก็ลองขับหาไปเรื่อยๆ เจอป้ายทางเข้าบ้านสวนกาหยู ลองเลี้ยวเข้าไปดู โห...ทางเป็นป่าขนาดนี้ ทางขรุขระนิดนึง แต่ขับๆไปก็ได้อยู่ มาโผล่ถึงที่พักแล้วลองถามราคาดู 500 บาท เลยตัดสินใจพักเลยละกัน เพราะอยู่ห่างทะเลเดินไป 30 ม.ก็ถึงทะเลแล้ว เราพักอยู่ฝั่งอ่าวเข้าควาย ซึ่งที่สำคัญกว่านั้น ที่พักเราห่างฮิปปี้บาร์นิดเดียว 100 ม.ก็ถึงมั้ง ดีเลยไม่ต้องเดินหา
ที่พักเราไม่มีเบอร์นะ เพราะเราวอร์คอินเข้าไป หาเองเอาดาบหน้า แต่มี face book ให้ค่ะ บ้านสวนกาหยู อ่าวเขาควาย ใครอยากอยู่ใกล้ฮิปปี้บาร์ ที่นี่ไม่เลวเลย เดินใกล้มาก เรียกว่าถ้าจะไปดื่มอะไรที่นั่น กลับมาเมาๆก็เดินกลับถูก ไม่ต้องขับมอเตอร์ไซค์
https://www.facebook.com/pages/บ้านสวนกาหยู-2-อ่าวเขาควาย-เกาะพยาม-จระนอง/372392736207532?fref=ts
บังกะโลส่วนใหญ่ที่นี่จะเปิดไฟเป็นเวลา เพราะต้องใช้เครื่องปั่นไฟ แล้วแต่บางที่ พักแพงหน่อยอาจจะเปิดให้ 24 ชม. ที่พักเปิดให้ตั้งแต่ 6 โมงถึง 5 ทุ่ม กับราคาแค่นี้ไม่ซีเรียสอยู่แล้ว เพราะยังไงเราก็ออกมาขับมอเตอร์ไซค์เล่นข้างนอกอยู่ดี กว่าจะเข้าที่พักก็มืด เหมือนเช่าไว้เก็บของจริงๆน่ะแหละ ส่วนใครอยากชาร์ตแบตโทรศัพท์ก็สามารถชาร์ตที่หน้าเคาท์เตอร์บริเวณร้านอาหารข้างหน้าได้ แต่เอาเข้าจริงๆ ไฟที่จะปิด 5 ทุ่ม ยังไม่รู้เลยว่าปิดไปตอนไหน เพราะเราเปิดไฟทิ้งไว้ เปิดพัดลมทิ้งไว้ นอนถึงตี 2 ก็ยังเปิดไฟให้นะ เหมือนถ้าลูกค้ายังไม่นอนเค้าก็ยังเปิดให้
เวลามีไม่มาก คว้ารถแล้วออกไปสำรวจรอบเกาะกัน
ชอบมากตรงที่ เห้ย! มันไม่ได้มีแค่ทะเล มันมีป่าเต็มไปหมด คลีนมาก ต้นไม้ ต้นยาง ต้นกาหยู(หรือมะม่วงหิมพานต์) ชอบมากตรงที่ความจริงแล้วเราสายป่านี่แหละ ไม่ใช่สายทะเลเท่าไหร่ ขับมอเตอร์ไซค์สูดอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นมาก
พาเข้าวัดเพื่อความเป็นสิริมงก่อนละกัน
หินในน้ำตรงนี้เรากลัวมากอ่ะ จะอยู่บริเวณทางเดินไปโบถส์กลางน้ำ ใต้น้ำก็มีหิน มีปะการัง มาทะเลบ่อยแต่ดันกลัวปะการัง
ไม่ได้เรียงหาดนะ ไปเรื่อยๆตามใจตัวเองเลย ที่อยากเห็นอีกที่คือ blue sky resort ที่เค้าว่าสวยกันนักหนา แต่เอ่อ...น้ำไม่ขึ้นอ่ะ ไม่เห็นสวยเหมือนในรูปเลย เรียกว่ามาพักนี่แล้วแต่ดวงจริงๆว่าจะต้องนั่งรอน้ำขึ้นน้ำลงตรงไหน
บริเวณหน้าบลูสกายเป็นอ่าวแม่หม้าย หน้าตาประมาณนี้
อันนี้เป็นบริเวณหน้าที่พักเรา อ่าวเขาควาย น้ำใสมรกตมาก เดินไปอีกฝั่งก็ใสน้ำทะเล เหมือนน้ำทะเลที่นี่มี 2 สีเลย
นเกาะนี่พูดภาษาชาวบ้านเลย น่าจะเหมาะสำหรับคนขี้เมา5555 แต่ต้องเป็นสไตล์อินดี้ แนวเรกเก้ สกา ไรอย่างงี้หน่อย เพราะลองขับมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเข้าไปลึกแค่ไหนก็มีร้านนั่ง ร้านเหล้าน่าเข้าไปหมด ตกแต่งสไตล์ยิปซี โบฮีเมียน เรกเก้ เอาวัสดุธรรมชาติ หาได้แถวพื้นบ้านมาตกแต่ง สไตล์บ้านๆแต่ชิลล์ดูเป็นกันเองมาก หลายร้านเต็มเกาะไปหมด แต่ที่เป็นที่นิยมที่สุดคงเป็นฮิปปี้บาร์ บาร์โจรสลัดที่ดังที่สุดบนเกาะ ใกล้ที่พักเรานี่เอง น่านั่งสุดๆ แต่ได้ข่าวว่าราคาแอบแรง
ถ่ายรูปมาให้ดูหลายๆมุม เข้าไปถ่ายได้ เค้าไม่ว่า กลางวันก็เปิดนะ มีเป็นกาแฟ จิบเบียร์ นั่งชมวิวได้ แต่ร้อนหน่อย กลางคืนเสียงตึงๆๆ เพลงดัง ไฟสว่าง ได้ยินเสียงถึงที่พักเลย แต่ไม่ได้รบกวนมาก นอนได้ปกติ ไม่น่าเชื่อว่าจากการเก็บเศษไม้เก่าๆที่ลอยน้ำมาต่อๆกันจะกลายเป็นบาร์ฮิปๆจนฮิตไปทั่วเกาะได้เนาะ เอาไอเดียไปทำที่บ้านบ้างก็ไม่เลวนะ ถ้าเห็นรูปใน face book บ้านสวนกาหยูที่แปะไว้ข้างบน จะมีรูปฮิปปี้บาร์ตอนน้ำขึ้นด้วย น้ำขึ้นมาถึงใต้ท้องเรือเลย เขียวมรกต สวยเลย
ส่วนบาร์เล็กๆในเกาะส่วนใหญ่ก็จะเป็นสไตล์นี้
ไม่ต้องหาที่พักแพงๆเลย แค่มอเตอร์รอบเกาะก็ไม่มีเวลานอนเล่นแล้ว เอาไว้นอนกลางคืนก็พอ เพราะเสน่ของที่นี่ก็คือขับรถชมทะเล ชมธรรมชาติที่แสนจะคลีนของที่นี่แหละ ถึงทางจะขรุขระหน่อย แต่ไม่มีรถใหญ่วิ่งเลย มีแต่มอเตอร์ไซค์ ทะเลสวย น้ำใส บรรยากาศเงียบสงบมาก
อ่าวกวางปีบ เข้ามาลึกมาก แต่สดชื่นมาก เพราะแทบไม่มีคนเลย เหมือนหาดส่วนตัวเลย ตอนไปถึงมีเด็กชาวบ้านไม่กี่คน และฝรั่งเล่นน้ำอยู่ 2 คน ชิลล์มาก
ชอบที่สุดคงเป็นอ่าวกวางปีบนี่แหละ เข้ามายากหน่อย เดินเหนื่อยหน่อย แต่คุ้มมาก สวยและเงียบมาก
มาติดเกาะแล้วกินอะไร ก็กินอาหารที่ชาวเกาะทำนี่แหละ โดยเฉาะอาหารใต้อร่อยแต่เผ็ดมาก กับข้าวข้างทางทั่วไป ราคาแอบแพงกว่าบนบกนิด แต่ไม่มาก บนเกาะไม่มีเซเว่น มีร้านมินิมาร์ทเล็กๆ น้ำดื่มขนมราคาเยอะกว่าบนบกนิดหน่อย ใครจะขนของจากบนบกมาก็ได้ไม่ว่า เอามาปิ้งย่าง แต่เวลาเลือกที่พักต้องโทรมาถามก่อนว่ามีอุปกรณ์หรือเปล่า ซึ่งไม่ใช่ว่ามีทุกที่ เพราะที่นี่ส่วนใหญ่อยู่เป็นบังกะโลเงียบๆ ไม่ค่อยมากันเป็นกลุ่มใหญ่เฮฮาเสียงดังตอนกลางคืน นอกจากจะเข้าร้านเหล้า ซึ่งบนเกาะมีเยอะมาก
ขับหลงทางเข้าป่าเข้าดงมาเรื่อยๆ ตามป้ายบ้าง ไม่ตามบ้าง แล้วก็มาเจอแหล่งน้ำจืดบนเกาะ ถามคนแถวนี้ เค้าบอก นี่แหละ คนบนเกาะใช้น้ำจืดจากที่นี่ ถึงจะหลงไปบ้าง แต่เราก็ได้เห็นอีกมุมนึงของเกาะนะ
ใครที่จะมาเกาะพยาม ถ้ามีความกลัวน้องหมา อย่ามาเด็ดขาด เพราะตั้งแต่เที่ยวทะเลมา เกาะพยามมีหมาเยอะมาก เยอะที่สุดตั้งแต่ไปเที่ยวทะเลมา เจอทุกที่ เจอตลอด เข้ากับคนง่าย ไม่กลัวคน จนถึงดุคนด้วย ถ้าอยู่เป็นแกงค์ก็จะรวมตัวกันเห่าด้วย ใครกลัวอย่ามา แต่ถ้าคนชอบหมาคงฟินน่าดู มาคนเดียวก็ไม่เหงาน เล่นกับน้องหมาไป
หาตั้งนาน หินทะลุอ่าวเขาควายอยู่นี่เอง ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาลึกหน่อย แต่คนมาถ่ายรูปค่อนข้างเยอะนะตรงนี้ แต่ทำไมเราไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ไม่ชอบอะไรที่เป็นปะการังหรือคล้ายหินงอกหินย้อย หินยึกยือ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมกลัว
สงบ สบายตา สดชื่นไปหมด ลมแรง ถึงแม้แดดจะแรงไปหน่อย แต่ก็ยังชอบ
ไม่ชอบอะไรที่เป็นปะการังเป็นหิน แต่ดันชอบอะไรแบบนี้ ป่าโกงกางงี้ ขี้เลนเยอะๆงี้ บริเวณนี้รู้สึกเข้าไปลึกอีกหน่อยจะเข้าไปางหมู่บ้านมอแกนได้นะ แต่ไม่ได้เข้า ไม่มีเวลาขนาดนั้น แค่รอบเกาะก็เหนื่อยไม่ทั่วแล้ว ต้องได้กลับมาอีกแน่นอน ชอบเกาะพยามมากๆ
อยากอยู่ตรงนี้นานๆ ไม่อยากกลับเลย เข้าใจเลยว่าทำไมชาวต่างชาติบางคนมาอยู่เป็นเดือนๆ เพราะมันไม่วุ่นวาย ที่พักไม่แพง ทะเลก็สวย อาหารก็ไม่แพง
ขากลับก็นั่งเรือกลับเหมือนเดิม 200 บาท ค่าสองแถว 15 บาท ค่ารถตู้ 120 บาท (มีทั้งรถทัวร์และรถตู้ไปชุมพรเป็นรอบๆ) ค่ารถไฟขากลับ 232 บาท มายังไงก็กลับอย่างงั้น
ถ่ายรูปมาเยอะ มีปัญหาเรื่องการอัพโหลดรูปนิดหน่อย อัพไม่ขึ้นเลย เข้าไปดูรูปเพิ่มเติม หรือใครชอบแบคแพคไปเที่ยวแบบเรา เข้าไปคุยกันได้ในเพจ "จะเที่ยวคนเดียว Lady Journey" นะคะ รูปอัพยากจริงๆอัพไม่ขึ้นเลย เศร้า
ค่าใช้จ่ายรวมทุกอย่างก็ประมาณ 1800-1900 ประมาณนี้ ตีไป 2000 อ่ะ ไปใต้แบบไม่นั่งเครื่อง มหากาพย์การต่อรถที่จะต่อรถเก่งกว่าคนในท้องที่ซะอีกละ รู้ทางเยอะๆ ต่อรถให้เป็นทีนี้ก็ไปไหนก็ไม่ลำบาก ทุกที่มีทางออก มีทางไป อยู่ที่จะใช้ความพยายามมากแค่ไหนแค่นั้นเอง สำหรับคนอื่นอาจจะดูเดินทางลำบากหน่อย แต่พอเห็นธรรมชาติสวยๆ รับรองว่าคุ้มสมกับความพยายามมาแน่นอน