แต่ก่อนที่เราจะไปรู้จัก "วาฬบรูด้า" นั้น เรามาทำความรู้จักกับ วาฬ กันก่อนดีกว่า
วาฬ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งด้วยความที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนปลา ทำให้มีผู้คนจำนวนมากมักจะเรียกวาฬว่า “ปลาวาฬ” โดยในประเทศไทยมีการสำรวจพบวาฬทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามันรวมแล้ว 25 ชนิด
ส่วนของ "วาฬบรูด้า" เป็นวาฬชนิดที่ไม่มีฟัน แต่จะมีซี่กรองสำหรับกรองอาหาร ลักษณะลำตัวมีสีเทาดำ รูปร่างค่อนข้างเพรียว มีลายแต้มสีขาวประปรายตรงใต้คาง และใต้คอ บางตัวพบมีแถบสีจางบนแผ่นหลัง และบางตัวก็มีจุดสีจางทั้งตัวคล้ายสีเทาลายกระสีขาว ส่วนหัวมีแนวสันนูน 3 สัน วาฬบรูด้าเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 8-13 ปี ตั้งท้องนาน 11-12 เดือน และเป็นสัตว์ที่ไม่นิยมหากินเป็นฝูง แต่มักจะออกหากินตัวเดียว ยกเว้นวาฬคู่แม่ลูกที่ยังไม่แยกจากกัน วาฬแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะตัว และทางเจ้าหน้าที่ได้ตั้งชื่อแต่ละตัวไว้ วาฬตัวเมีย จะเรียกว่า "แม่" เช่น แม่ข้าวเหนียว แม่ทองสุข แม่สาคร ถ้าไม่รู้ว่าเพศอะไร ก็จะเรียกว่า “เจ้า” เช่น เจ้าพาฝัน เจ้าบันเทิง เจ้าบางแสน เป็นต้น
![]()
![]()
![]()
สำหรับวาฬบรูด้าในอ่าวไทย โดยเฉพาะที่อ่าว ตัว ก. (อ่าวไทยตอนใน หรืออ่าวไทยตอนบน) ที่กินพื้นที่ตั้งแต่จังหวัดเพชรบุรีไปถึงชลบุรี มีลักษณะเป็นหาดเลน มีแม่น้ำหลายสายไหลลงสู่ทะเล ถือเป็นแหล่งอาหารสำคัญของวาฬบรูด้า ทำให้เราสามารถพบวาฬบรูด้าออกหากินที่อ่าวไทยได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาทองที่มีโอกาสจะพบวาฬบรูด้าออกหากินมากเป็นพิเศษถึง 80% นั้นก็คือในช่วงระหว่างเดือน กันยายน-พฤศจิกายน โดยในช่วงราว ๆ เดือนกันยายนขึ้นไป น้ำจืดจากแม่น้ำจะไหลพัดพานำธาตุอาหารต่าง ๆ ลงสู่อ่าวตัว ก. ก่อนจะตกตะกอนเป็นหาดเลน และเป็นอาหารจานโปรดของเหล่าแพลงก์ตอน
การสังเกตวาฬบลูด้าว่าจะโผล่ขึ้นมาตอนไหนนั้น เราสามารถสังเกตจากฝูงปลากะตัก ปลาทู รวมถึงปลาเล็กปลาน้อยจำนวนมากจะพากันเข้ามากินแพลงก์ตอน จากนั้นวาฬบรูด้าก็จะเข้ามากินพวกปลาเล็กปลาน้อยอีกที โดยอ้าปากงับน้ำทะเล และปลาไปพร้อม ๆ กัน และแทบทุกครั้งก็จะมีนกนางนวลมาบินวนคอยฉกอาหารอยู่เสมอ ถือเป็นวิถีธรรมชาติของสัตว์ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน แต่บางทีการโผล่ขึ้นมานั้นก็อาจขึ้นมาหายใจเฉย ๆ เพียงชั่วครู่ และถ้าเราสังเกตุดี ๆ นั้นเราจะเห็นวาฬบางตัวที่โผล่ขึ้นมามีส่วนด้านล่างของหางเป็นสีชมพูอ่อนจนถึงเข้มจัด นั่นเป็นเพราะมันต้องใช้เลือดมาหล่อเลี้ยง และใช้พลังงานอย่างมากในการยกส่วนแพนหางตีน้ำให้เหยื่อรวมกลุ่ม หรือในขณะที่ต้องการดำน้ำลึก
![]()
![]()
คนขับเรือเล่าให้ผมฟังว่า "วาฬบรูด้าเป็นสัตว์ไม่ดุร้าย แต่เป็นสัตว์ขี้สงสัย มันมักจะว่ายตามเรืออยู่บ่อย ๆ ด้วยความสงสัย บางทีว่ายวนรอบเรืออยู่หลายรอบ ยิ่งเจ้าตัวลูกนี่แหละตัวซนเลย” ผมฟังยังไม่ทันจบประโยคดีก็เห็นวาฬตัวนึงว่ายมุดใต้ท้องเรือที่ผมกำลังนั่งอยู่จนผมรู้สึกว่าเรือเอียง แต่ที่เรือเอียงจริง ๆ แล้วเป็นเพราะทุกคนในเรือตื่นเต้นจนพากันกรูไปดูข้างเดียวมากกว่า ไม่ใช่เพราะเจ้าวาฬหรอก
![]()
![]()
มีการสำรวจว่าพบวาฬบรูด้าทั้งหมด 53 ตัวในอ่าวไทย และล่าสุดพบลูกวาฬเกิดใหม่จากแม่ข้าวเหนียว และแม่ทองดี และในปัจจุบันทางกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ได้ผลักดันให้ขึ้นทะเบียนสัตว์ทะเลหายาก และใกล้สูญพันธุ์อย่าง “วาฬบรูด้า” เป็นหนึ่งในสัตว์สงวนลำดับที่ 16 ของประเทศไทย ในพ.ร.บ.สงวน และคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
![]()
สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจอยากล่องเรือชมวาฬบรูด้า ทาง ททท.สำนักงานเพชรบุรี มีข้อแนะนำ และข้อควรปฏิบัติสำหรับนักท่องเที่ยว และคนขับเรือนำชมวาฬบรูด้ามาแนะนำ ดังต่อไปนี้
- ไม่ควรนำเรือเข้าใกล้วาฬมากกว่ารัศมี 300 เมตร ควรนำเรือเข้าดูด้านข้างของวาฬ
- ถ้าวาฬบรูด้าเข้ามาใกล้เรือควรดับเครื่องยนต์ ไม่ควรเปลี่ยนทิศทาง และความเร็วเรือ
- เมื่อมีโอกาสอยู่ใกล้วาฬควรชลอหรือดับเครื่องยนต์ ห้ามกระโดดน้ำลงไปถ่ายรูปกับวาฬ
- เมื่อวาฬว่ายน้ำออกจากตำแหน่งที่เราสังเกตุเห็น ไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ตาม จะทำให้วาฬตกใจว่ายน้ำหนีได้
- วาฬจะใช้คลื่นเสียงในการสื่อสาร หาอาหาร และเดินทาง ดังนั้นงดใช้เสียงหรือใช้เสียงให้น้อยที่สุด
- นักท่องเที่ยวที่จะเหมาลำเครื่องบินมาดูวาฬควรอยู่ในระยะความสูงระหว่าง 300 – 500 เมตร จากผิวน้ำ
สรุปการเดินทางครั้งนี้เราใช้เวลาอยู่บนเรือเกือบ 5 ชั่วโมงในการเฝ้าชมความยิ่งใหญ่ของวาฬบรูด้า หากใครยังไม่เคยมานั่งเรือชมวาฬแบบนี้แนะนำเลยว่าต้องมาสักครั้งแล้วจะติดใจกับความน่ารักของวาฬอย่างแน่นอน ที่สำคัญอย่าลืมกล้องถ่ายรูปด้วยนะ จะได้เก็บจังหวะสวย ๆ ของวาฬไปฝากเพื่อนได้