ลุยสัตหีบกับกล้องฟิล์ม

      ว่ากันว่าจะหน้าร้อน หนาว ฝน ถ้าคนจะเที่ยว ยังงัยก็หยุดไม่ได้ ทริปนี้เราเลยพากล้องฟิล์มคู่ใจไปเที่ยวทะเลที่สัตหีบ ก่อนไปนี่ฝนตกกระหน่ำอยู่สองสามวัน แต่เพื่อนคนชลบุรีบอกว่ามาเหอะ เชื่อคนพื้นที่เดี๋ยวดีเอง เที่ยวกันวันธรรมดาจะได้ไม่ต้องไปเบียดใคร 
       เรานั่งรถตู้จากสถานีเอกมัย รอบ 6.30 กะไว้ว่าทันเรือข้ามไปเกาะขามแน่นอน อย่างน้อยก็ทันเที่ยว 10.00 แน่ๆ แต่แล้วความแน่นอนมันก็คือความไม่แน่นอน เราไปถึงสัตหีบตอนเก้าโมงกว่าๆ จองที่พักเอาไว้ที่บ้านประทับใจ ซึ่งอยู่ตรงกิโลสอง ซอย 85 อยู่ติดถนนใหญ่เลย แต่เขาทำถนน คนขับรถตู้ไม่แน่ใจว่าซอยไหน โชคดีที่ได้ผู้โดยสารแถวนั้นบอกว่าเลยมาแล้ว ลงเดินย้อนกลับอีกกิโลกว่า ถึงที่พักนั่งรอเพื่อน ไม่ทันเรือเสียแล้ว เช็คอินเอาของเข้าไปเก็บ ทำธุระส่วนตัวแล้ว่อยว่ากัน

ห้องพักราคาย่อมเยาว์ เหมาะกับคนกระเป๋าแห้งอย่างพวกเรายิ่งนัก ที่นี่มีบริการให้เช่ามอไซด์ด้วย เราเลยเช่ามอไซด์ไปลุย ระหว่างออกจากที่พักฝนก็เริ่มปรอยหน่อยๆ ว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง แน่นอน ท้องมันเริ่มส่งเสียง!! แว๊นเข้าตลาด แวะกินก๋วยเตี๋ยวปลาอินทรีย์ของอร่อยที่วัดหลวงพ่ออี๋

ใกล้ๆมีร้านขายน้ำ มาช่วงนี้พลาดไม่ได้คือน้ำมะม่วงหาวมะหนาวโห่ อร่อยจี๊ดจ๊าด กินกับก๋วยเตี๋ยวปลาเริ่ดอย่าบอกใคร เช้านี้เก็บตุนกันคนละสองชาม  ไหว้หลวงพ่ออี๋ขอพรก่อนเดินทาง ทริปนี้ไกด์เป็นคนธรรมะธรรมโม เลยเที่ยวไปเข้าวัดไป ออกจากวัดหลวงพ่ออี๋ ขับรถไปที่แสมสาร ตะเวณเที่ยวรอบๆ แวะไหว้พระไปด้วย ก่อนจะถึงวััดก็แวะไหว้ขอพรกรมหลวงชุมพรเสียก่อน เงียบสงบแลดูขลัง ออกจากวังท่านขับ่ต่อไปเข้าวัด แวะไหว้พระที่วัดช่องแสมสาร เอาจริงๆก็เหมือนหลงเข้าไปล่ะ ปิดท้ายด้วยไหว้พระที่วัดวิหารหลวงพ่อดำ วัดนี้อยู่บนเนิน ขึ้นไปด้านบนมีที่ชมวิวทะเลสวยๆ มองทะเลสวยๆ รับลมเย็นๆ แดดเริ่มออกบ้างแต่ไม่ร้อน สบายๆ อิ่มบุญ เก็บภาพกันจนพอใจไปตะเวณที่อื่นต่อ ฟ้าเริ่มปิดแดดเริ่มหาย ตอนที่พวกเราไปถึงหาดน้ำใส ฝนปรอยมานิดหน่อยแป๊บเดียวก็หยุด หาดสวยเงียบ อยากมีคนเดินจุงมือสวีทหวานแหววมั่ง แต่ ณ.เพลานี้มีแต่พวกติสแตกอยู่สองคน มาถึงหาดก็เดินแยกย้ายกันคนละมุม ถ่ายรูปวิวกันให้หนำ ตะวันโผล่หน้ามีอีกที เพื่อนเลยชวนไปดูพระอาทิตย์ตกดินในเมือง ไปนั่งเล่นแถวสะพานปลา ระหว่างทางนังเพื่อนอยากกินทุเรียน แวะกลางทางจัดทุเรียนก่อนเข้าเมือง

นั่งกินทุเรียนกันจนหมดจึงขับรถเข้าเมือง ฟ้าปิด ไม่เห็นพระอาทิตย์แน่ๆ เลยถ่ายรูปเล่นอยู่แถวนั้น ระหว่างนั้นกล้องฟิล์มถ่ายมาได้ประมาณ 12 รูปเกิด Error ขึ้น ไม่ขยับ พยายามแก้ไขจนหงุดหงิดสุดท้ายเลยเก็บรูปใส่มือถือแทน ชื้อข้าวไข่เจียวตรงสะพานปลามากินที่ห้อง เรายังง่วนอยู่กับกล้อง คิดว่าสงสัยกลับบ้านเก่าไปแล้ว แงะๆแทะๆสุดท้ายก็เหมือนเดิม เลยลองดึงฟิล์มออกเอาม้วนใหม่ใส่ กล้องทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น กว่าจะโอเคก็เข้าไปเที่ยงคืน อาบน้ำเสร็จโดดใส่ที่นอนด้วยความไวแสง 

        เช้านี้แวะไปซื้อของฝากที่ตลาด แม่ฝากซื้อกุ้งแห้ง ปีก่อนเคยซื้อไป อร่อยราคาย่อมเยาว์ ใส่บาตรเสร็จก็ไปเดินซื้อที่ตลาดเช้า ยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยน คนขายใจดีน่ารัก มีของฝากหลายอย่างเลย แต่ต้องไปเช้าหน่อยไม่งั้นตลาดวาย

เอาของมากเก็บ หม่ำมื้อเช้า วันนี้พวกเราจะข้ามไปเกาะขามกัน วันธรรมดาคนไม่แยะ สบายๆ เราไปเรือเที่ยวแรก ขับรถมาจอดไว้ตรงที่ซื้อบัตร มีสองแถวไปส่งที่ท่าเรือ เป็นระเบียบดี

ฟ้าปิด แดดไม่ร้อน แต่คลื่นค่อนข้างสูง นั่งเรือประมง(ของทหาร)ข้ามไปเกาะขาม นั่งอยู่หัวเรือนี่รู้สึกเหมือนเล่นไวกิ้งเลย คลื่นสูงกระแทกทีตัวลอย  ยี่สิบนาทีก็ถึงเกาะขาม หาดทรายขาวสะอาดตา สวยสงบ

ไปถึงเกาะ มีแดด ดีใจมาก กะว่าจะลงไปเล่นน้ำให้หนำ ก่อนหน้านั้นเพื่อนลากไปถ่ายรูปก่อน แล้วนางจะนอนรอระหว่างที่เราไปเล่นน้ำ 

จุดแลนด์มาร์คคนรอถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด เราเลยยืนรอจนถ่ายให้นางเสร็จ จริงๆแล้วต้องไปนั่งฟังเจ้าหน้าที่อธิบายกฏต่างๆรวมถึงความปลอดภัย แต่พวกเรามากันหลายครั้งแล้ว เลยไม่ต้องฟังก็ได้

หาดสวยทะเลใส ตั้งใจลงไปดำน้ำดูปะการัง แบกอุปกรณ์ส่วนตัวไปด้วย ลงไปแหวกว่ายอยู่พักใหญ่ สู้คลื่นไปไหว คลื่นแรง น้ำขุ่น มองไม่่ค่อยเห็น สุดท้ายเลยมาเดินถ่ายรูปเล่นแทน เรากลับเรือเที่ยวแรก หมดสภาพตั้งแต่ลงไปว่ายน้ำแข่งกับคลื่น เลยไม่มีรูปใต้น้ำมาให้ชม ระหว่างทางกลับฝนโปรย พอมาถึงที่จอดรถฝนตกหนัก เราติดฝนอยู่เกือบชั่วโมง พอฝนซาก็ขับมอไซด์กลับ เตรียมตัวกลับกรุงเทพฯ มีเวลาแค่แป๊บเดียวเก็บเกี่ยวธรรมชาติ ถึงจะเป็นทริปเล็กๆแต่สนุกทีเดียว 

ตลอดทริป ใช้กล้อง Minolta + ฟิล์มKodakColorPlus กับ My Heart 

ค่าใช้จ่าย
ท่าห้องพัก 500 ต่อคืน(250/คน)
ค่าเช่ามอไซด์ 300/วัน มัดจำ 500
ค่าข้ามเรือ 250/คน

ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านค่ะ