✿ : : SAM-ROI-YOD : : ✿ ~ 2 วัน 1 คืน ~ ท่องเที่ยวตามใจไร้รถส่วนตัว พิชิต 'อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด' (May 28-29,2016)
ทุกๆครั้งที่เราเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้า อยากเดินทางออกมาพักผ่อนทั้งกายและใจ
' ทะเล ' มักจะเป็นตัวเลือกแรกๆที่เราจะนึกถึง
เลือกทะเลที่ไหนดีล่ะ !? ชะอำ หัวหิน เหรอ .. ไม่เอาล่ะ ! คนไปกันเยอะแล้ว
เราไปที่นี่กันดีกว่า ที่ที่ไม่ได้มีแต่ ' ทะเล ' .. ลุยกันแบบไม่มีรถส่วนตัว ..
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด
อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ตั้งอยู่อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 4 และเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งแรกของประเทศไทย .. ตำนานเล่าว่า พื้นที่แถบนี้เคยเป็นทะเลมีเกาะใหญ่น้อยอยู่มากมาย ในสมัยนั้นมีขบวนเรือสำเภาจีนแล่นผ่านมาและประสบกับมรสุมจนเรืออับปาง คนบนเรือที่รอดชีวิตได้ไปอาศัยอยู่ตามเกาะต่างๆ จำนวน 300 คน จึงเรียกว่า ' เกาะสามร้อยรอด ' ต่อมาเพี้ยนเป็น ' เขาสามร้อยยอด '
Routh Plan แพลนคร่าวๆ สำหรับทริปสามร้อยยอด 2 วัน 1 คืน
Day 1 : ออกเดินทาง > เข้าที่พักเก็บสัมภาระ > ทานอาหารกลางวัน > ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว > ป่าชายเลนเขาสามร้อยยอด > จุดชมวิวเขาแดง > ล่องคลองเขาแดง > ทานอาหารเย็น
Day 2 : ชมพระอาทิตย์ขึ้น > ภารกิจส่วนตัว > ถ้ำพระยานคร > ทานอาหารกลางวัน > ถ้ำไทร > ถ้ำแก้ว > เดินทางกลับ
วันแรกของการเดินทาง : 28 พฤษภาคม 2559
เราเริ่มต้นออกเดินทางอีกครั้ง นี่เป็นทริปที่สองในเดือนนี้ .. เมื่อช่วงต้นเดือนเราก็ไปเที่ยวทะเลมาที่จังหวัดตราด (http://pantip.com/topic/35171708) ขออนุญาตโปรโมทค่ะ อิอิ .. พอถึงสิ้นเดือนก็ไปทะเลอีกแต่รอบนี้ไม่ได้มีแค่ทะเลนะคะ เราพาไปแอดเวนเจอร์กันแบบสุดๆ .. มาดูกันสิค่ะว่า สองสาวร่างบางจะไปพิชิตอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ได้สักแค่ไหนกันเชียว .. ป่ะ! ออกเดินทางกัน
** ปล. นี่เป็นข้อมูลก่อนการจัดระเบียบรถตู้ต่างจังหวัดรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินะคะ **
6.00 AM เริ่มออกเดินทาง
6.30 AM ถึงที่หมาย อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
เราเลือกเดินทางโดยรถตู้ วินจรเข้ปราณ วินอยู่ฝั่งใต้ทางด่วนพหลโยธินฝั่งขาออก วินนี้สุดสายที่โลตัสปราณ ค่ารถ 180 บาท วิ่งสายบายพาสไม่รับรายทาง (ยกเว้นโทรจอง) แต่ที่เราเลือกวินนี้เพราะเค้ามีบริการรับ-ส่งถึงหน้าบ้านหรือหน้าที่พักเลย (ยกเว้นค่ายธนะรัตน์) โดยเพิ่มค่าโดยสารตามระยะทาง เช่น ปากแม่น้ำปราณ 200 บาท, เขากะโหลก 240 บาท, ถ้ำพระยานคร 350 บาท
ส่วนเราให้รถตู้มาส่งที่สามร้อยยอดเลยรวดเดียวจบไม่ต้องเหมารถสองแถวมาเอง ราคา 300 บาท
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ : 089-170-4340 , 083-006-8870
ม.ศิลปากร : 086-343-3370 , 091-557-9395
ปราณบุรี : 089-171-4844 , 083-007-8863
เราขอชมเชยพี่ที่วินอนุสาวรีย์หน่อยนะ ไม่ได้ถามชื่อพี่เค้า เราประทับใจการบริการพี่เค้ามากๆเลยค่ะ เค้าถามเราสองพี่น้องว่าพักที่ไหน พอรู้ว่าเรายังไม่มีที่พักก็แนะนำที่พักให้เสร็จสรรพ ยังถามด้วยนะตอนที่เรานั่งรอรถตู้ ถามว่า 'ชาร์จแบตมือถือมาพร้อมไหม มานั่งชาร์จตรงนี้ก่อนก็ได้นะ' พอรถตู้มา เรากำลังจะเดินไปขึ้นรถตู้พี่เค้าก็ทิ้งท้ายว่า 'ถ้าน้องๆมีปัญหาอะไรสามารถโทรมาสอบถามหรือปรึกษาได้เลยนะ' คือรู้สึกดีมากค่ะ
10.00 AM ถึง หัวหิน แวะเติมแก๊สที่ปั๊ม ปตท.
11.00 AM ถึงที่หมาย สามร้อยยอด
เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งค่ะ รถตู้มาจอดส่งเราที่หาดสามร้อยยอด แถวๆ จูนิเปอร์ ทรี แต่เราไม่พักที่นี่นะ เราแอบไปเห็นป้ายว่า ' พื้นที่ส่วนบุคคลมิใช่โรงแรม ' ไม่กล้าเข้าไปถามเลย เลยเลือกที่จะเดินหาที่พักที่อื่นดีกว่า .. และแล้วโชคก็เข้าข้าง เดินออกมาไม่ถึงสามก้าว ก็มีพี่ผู้หญิงแปลกหน้าคนนึง ตะโกนถามว่า ' น้องๆมองหาอะไรอยู่หรอ ' เราก็ตอบพี่เค้าไปว่า ' มองหาที่พักอยู่ค่ะ ' พี่คนดังกล่าว มารู้นามที่หลังว่าชื่อ พี่นุ่น ชักชวนต่อว่า ' ที่พักพี่ว่างอยู่ห้องนึงพอดี น้องๆสนใจไหมจ๊ะ ' เผื่อไม่เป็นการเสียเวลาไม่พูดพร่ำทำเพลงเราจึงขอพี่เค้าดูห้องพักก่อน แล้วจึงตัดสินใจลงเอยเรื่องที่พักกันที่นี่ ลงจากรถไม่ถึงสิบนาที มีที่พัก โอ้เย่ ~
ที่พักของเราชื่อ บ้านเคียงทะเล นี่เป็นเบอร์โทรติดต่อนะ 086-411-2550 หรือ 085-725-1060 เผื่อใครอยากจองห้องพักหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรได้เลย เอ้อ! สามารถจองผ่านทาง Agoda ได้อีกหนึ่งช่องทางด้วย .. ที่พักแห่งนี้ เพิ่งถูกปรับปรุงจากของเดิมมาได้ 2-3 เดือนเอง สภาพห้องพักค่อนข้างใหม่ ลักษณะเป็นปูนเปือย กลอนประตูค่อนข้างแน่นหนา เซฟตี้สุดๆ เราชอบที่นี่นะ ถูกใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น .. เจ้าของที่พักก็อัธยาศัยดี น่ารัก ^^ .. ห้องที่เราได้เป็นห้องเบอร์ 8 (เราไม่มีสิทธิ์เลือกเพราะเหลือห้องเดียว ฮ่าๆ) .. เตียงนอนเป็นแบบ Twin ดีเลย! เรามากับพี่สองคนจะได้นอนกันคนละเตียงไม่ต้องนอนเบียดแย่งผ้าห่มกัน เราเป็นคนนอนดิ้น จุ๊ๆนะ .. ราคาห้องนี้อยู่ที่คืนละ 1,200 บาท ฟรีขนมปังปิ้ง ชา กาแฟในตอนเช้า .. ที่นี่ รองรับนักท่องเที่ยวที่มาเป็นครอบครัวด้วยนะ (Family Room) นอนได้ 4 คน .. ไวไฟแรง ต่อได้ทุกห้องไม่ต้องใส่รหัส ..
ส่วนในตัวห้องน้ำ สะอาด ไม่ส่งกลิ่นเหม็น มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้บริการ เยี่ยม!
หน้าห้องน้ำ ไม่มีตู้เสื้อผ้า แต่มีราวและไม้แขวนเสื้อ แทน .. หน้ากระจก มีเครื่องทำไอน้ำให้ห้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกลาเวนเดอร์ มีสบู่และยาสระผมจัดไว้เป็นชุดเล็ก มีผ้าเช็ดตัวไว้ให้สองผืน
ในตัวห้องพักมีทีวีเคเบิ้ลดูได้หลายช่องแต่มีแต่ช่องที่เราดูไม่ได้ ฮ่าๆๆ (คือไม่รู้จะดูอะไร) และมีตู้เย็นไซส์มินิให้บริการในห้องด้วย น้ำขวดในห้องสามารถดื่มได้ฟรี มีอยู่สองขวด จับยัดใส่ตู้เย็นโล้ด ~
บริเวณมุมห้องจะมีโต๊ะให้เราใช้งานได้อย่างเอนกประสงค์
ที่พักของเราอยู่ใกล้หาดสามร้อยยอด ได้วิวทะเล ราคาไม่แพง เข้าท่ามิใช่น้อย ~ ถึงจะเป็นห้องสี่เหลี่ยมไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก แต่อยู่แล้วไม่อึดอัด มีของใช้ให้เราอย่างครบถ้วน นี่แหละที่พักที่เราอย่างนำเสนอ ไม่ได้ค่าโฆษณาใดๆทั้งสิ้น แค่รู้สึกชอบเลยมาบอกต่อ ..
ยังไม่หมด บ้านเคียงทะเลยังมีกิจกรรมทางน้ำที่น่าสนใจให้เลือกทำด้วย อาทิเช่น การตกหมึก, ดำน้ำดูปะการัง และการพายเรือคายัค .. การพายเรือคายัค มีค่าบริการ ดังนี้ เช่า 1 คน ชั่วโมงละ 50 บาท 2 คนชั่วโมงละ 100 บาท .. บางคนเช่าเรือค่ายัคพายไปยังเกาะ 2 เกาะที่อยู่ตรงข้ามหาดสามร้อยยอด นั่นคือ เกาะโครำ และ เกาะนมสาว ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลงและทิศทางของลมด้วย
เกาะโครำ เป็นเกาะมีลักษณะคล้ายคนนอนตะแครงปลายเท้าจรดลง และเป็นเกาะที่ตั้งอยู่ไม่ ไกลจากชายฝั่งทะเลมาก มีขนาดใหญ่กว่าเกาะนมสาว จึงมีแนวประการังน้ำตื้นที่สวยงาม บริเวณด้านหน้าของเกาะสามารถมาดำน้ำตื้นดูปะการังได้ และมีลิงอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้เป็นจำนวนมาก มันดำรงชีวิตด้วยการกินหอยนางรมและใบไม้บนเกาะ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวบนเกาะนี้ก็จะนำอาหารมาให้บ้าง แต่ลิงที่นี่ติดนิสัยชอบสำรวจสัมภาระของนักท่องเที่ยวต้องระวังไว้ให้ดี หากเพื่อนๆโชคดีอาจจะพบกับฝูงปลาโลมาเผือกไล่ต้อนฝูงปลาเล็กบริเวณเกาะแห่ง นี้
เกาะนมสาว เกาะนี้มีศาลเจ้าแม่นมสาว ที่เป็นที่สักการะของชาวเรือและชาวบ้านในระแวกนั้นผู้ใดต้องการอะไร บนอะไรก็มักจะได้ เกาะนี้มีตำนาน ตำนานหลายตำนานเหลือเกินสำหรับเกาะนี้ แต่ที่แน่ๆ ของแก้บนของเกาะนี้ คือ ยกทรงชั้นใน นะจ๊ะ ..ใครไม่อ่านก็กดข้ามไปนะ ตามตำนานเขาเล่าว่า ... หาดแห่งนี้มีตำนานที่เป็นเอกลักษณ์ของที่หาดนี้ เป็นตำนานที่เล่าขานกันมาตั้งแต่โบราณว่า ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่งอาศัยอยู่ ณ อ่าวน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครอบครัวนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 คน คือ ผู้เป็นพ่อชื่อ ตาม่องล่าย มีภรรยาชื่อ นางรำพึง และลูกสาวหนึ่งคนชื่อว่านางยมโดย เรื่องเล่ากันว่า นางยมโดยเป็นสาวงามยิ่งนักและเป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม ทั้งใกล้และไกล ความงดงามของสาวยมโดย เลื่องลือไปจนถึงเมืองเพชรบุรี เจ้าลาย ผู้เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเพชรบุรีเองก็ได้ยินกิตติศัพท์นี้เช่นเดียวกัน จึงปลอมตัวเป็นชาวประมงมาเพื่อพบสาวยมโดย แล้วก็เกิดชอบพอรักใคร่กัน จึงได้สู่ขอแต่งงานกับสาวยมโดย โดยการสู่ขอกับนางรำพึงผู้เป็นแม่ของนางยมโดย นางรำพึงก็ยกให้เจ้าลายโดยไม่บอกให้ตาม่องล่าย ล่วงรู้ ในขณะเดียวกันนั้น ตาม่องล่าย ได้ออกเรือหาปลาอยู่แถว ๆ อ่าวบางสะพาน และได้พบกับกองเรือสำเภาค้าขายของกรุงจีนจึงชักชวนกันมาเที่ยวที่บ้านของตา ม่องล่าย พอลูกชายเจ้ากรุงจีนได้พบนางยมโดยก็เกิดชอบนางยมโดยทันที ก็สู่ขอนางยมโดย โดยสู่ขอทางตาม่องล่ายซึ่งก็ไม่บอกให้นางรำพึงรู้เช่นกัน พอถึงวันแต่งงานขบวนขันหมากของเจ้าลายและกองเรือสำเภาของลูกชายเจ้ากรุงจีน ยกมาถึงบ้านตาม่องล่ายในเวลาเดียวกัน เลยเกิดเรื่องราวใหญ่โตเพราะทั้งตาม่องล่ายและยายรำพึง ต่างฝ่ายต่างต้องการลูกเขยคนละคนเมื่อตกลงกันไม่ได้ก็เกิดการทะเลาะกัน นางรำพึงสู้ไม่ได้วิ่งหนีและตาย กลายเป็น “เขาแม่รำพึง" นอนพิทักษ์ “อ่าวแม่รำพึง" ตั้งแต่วันนั้นมา พอเมียตายตาม่องล่ายเลยคลุ้มคลั่งจับร่างนางยมโดยฉีกออกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งโยนให้เจ้าลายกลายเป็น “เกาะนมสาว" ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกซีกโยนให้ลูกชายเจ้ากรุงจีนกลายเป็น “เกาะนมสาว" ที่จังหวัดชลบุรี สืบมาจนถึงปัจจุบันนี้
บ้านเคียงทะเลมีให้บริการเช่ารถมอเตอร์ไซต์และ Taxi ด้วย ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ วันนี้เราตั้งใจจะไปบึงบัวกันก่อนแล้วค่อยไปต่อที่เขาแดง แต่พี่นุ่นบอกว่า มันไกลขับรถมอเตอร์ไซต์ไปไม่ไหวหรอก เราเลยตัดสินใจว่าวันนี้เหมา Taxi ไป พรุ่งนี้ค่อยเช่ามอเตอร์ไซด์ พี่นุ่นก็ใจดีมากคะ ให้โปรโมชั่นพิเศษกับเรา คือ Taxi ไป-กลับบึงบัว พี่เขาคิดราคา 1,200 บาท แต่แวะให้เราเที่ยวที่เขาแดงให้ด้วย ลิมิตได้ถึงแค่ห้าโมงเย็น เราตอบตกลงทันที .. Taxi ในที่นี้ คือ รถส่วนตัวพี่เค้าเองค่ะที่พาเราไป คิดตามระยะทาง แต่บึงบัวที่เราไปค่อนข้างไกลเลยคิดราคาแพงหน่อย .. ก่อนออกเดินทาง เราต้องเติมพลังด้วยการหาอะไรใส่ท้องก่อน เลือกง่ายๆไม่เสียเวลา กระเพราหมูสับไข่ดาว ร้านอาหารตามสั่งริมทะเล แถวๆที่พักค่ะ จานละ 50 บาท เมื่ออิ่มท้องแล้วก็ลุย อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด กันดีกว่า .. ดูสิ ไม่มีรถส่วนตัวแบบคนอื่นเค้า จะเที่ยวที่ไหนได้บ้างในอุทยานแห่งชาตินี้ ..
ศูนย์ศึกษาธรรมชาติบึงบัว (ในวันที่ไม่มีน้ำและไม่มีบัว) .. เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาสาม ร้อยยอด อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของที่ทำการอุทยานฯ โดยมีเทือกเขาสูงใหญ่กั้นอยู่ตรงกลาง การเดินทางมายังบึงบัวถ้ามาจากถนนเพชรเกษมเข้าทางซอยโรงเจ ระยะทางประมาณ 9 กิโลเมตร แต่ถ้าเดินทางจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดจะต้องอ้อมเทือกเขา ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับว่าจะอ้อมด้วยเส้นทางไหน)
ค่าธรรมเนียม :
คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท
คนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท
เรามีรถยนต์ไปด้วย 1 คัน เจ้าหน้าที่เก็บค่ายานพาหนะอีก 30 บาท
ปล. 1 หากพักตามรีสอร์ท จ่ายครั้งเดียวสามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดได้ในวันนั้นๆ
ปล. 2 หากซื้อตั๋วเข้าอุทยานที่หาดสามพระยา จะมีอายุ 5 วัน
หากใครเป็นนักล่าอุทยานแห่งชาติ ต้องมีเล่มนี้แน่นอน Passport อุทยาน สามารถนำมาประทับได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทุกที่ในอุทยานเลยค่ะ
บึงบัว เคยเป็นจุดเด่นในทุ่งสามร้อยยอด แต่ในปัจจุบัน บึงที่เคยมีบัวบานสะพรั่ง ตอนนี้ไม่มีบัวเหลืออยู่ในบึงมานานนับปีแล้ว เหตุเพราะน้ำที่เค็มเกินไปจากการทำนากุ้งของชาวบ้านไหลลงมาที่บึงทำให้น้ำ กร่อย บัวที่เคยมีเลยทยอยตายลงไป บวกกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปทำให้นำ้แล้ง
ชาวบ้านที่เคยประกอบอาชีพถ่อเรือเที่ยวบึงบัวก็ต้องหยุดให้บริการ นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด คงเหลือเอาไว้แต่สถานที่ที่ชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของสามร้อย ยอด .. แต่เราคงอยู่ไม่ถึงพระอาทิตย์ตกดิน
ในคืนเดือนมืดบึงบัวก็เป็นจุดถ่ายทางช้างเผือกที่ดีอีกจุดหนึ่ง เพราะค่อนข้างมืด สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เราเดินมาสักพักก็ไปต่อไม่ได้ เนื่องจาก สะพานชำรุด .. เราแอบคิดเสียงดังไปหน่อย น่าจะเอาเงินที่เก็บเป็นค่าเข้าอุทยานมาซ่อมแซมสักหน่อยนะ เลยได้คำตอบมาจากพี่เจ้าหน้าที่ว่า พื้นที่นี้เป็นของอุทยาน แต่สะพานทางจังหวัดเอามาสร้างไว้ สะพานไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของอุทยาน เลยไม่มีงบประมาณในการซ่อมแซม ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว หนูเข้าใจแล้วค่ะ อิอิ ขอโทษที่หนูคิดเสียงดังไปนิสส์
นอกจากนี้ยังมีนกอพยพมาจากต่างประเทศเข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่อุทยานเป็นจำนวนมากในช่วงต้นเดือนธันวาคมจนถึงต้นปี
เราได้ข้อคิดจากการเที่ยวชมบึงบัวในครั้งนี้ว่า ไม่ควรมาเที่ยวในช่วงเดือนนี้ เพราะ บึงบัวจะไม่เหลืออะไรให้เราดูเลยแม้แต่น้ำ มีแค่ต้นธูปฦาษีกับนกบางชนิดเท่านั้น ฤดูที่เหมาะแก่การมาเที่ยวที่สุด คือ ช่วงปลายฝนต้นหนาว บึงบัวจะสวยงามที่สุดแม้ไม่มีบัวแล้วก็ตาม
ขากลับเราแวะเก็บภาพที่โรงเจลุ่ยอิมยี่ เป็นสิ่งก่อสร้างสถาปัตยกรรม จนนับเป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ ภายในเทวสถานประดิษฐานรูปหล่อพ่อปู่สามร้อยยอดเป็นเทพแห่งคุณธรรมแห่งความดี และความซื่อสัตย์ ที่ประชาชนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ จึงมีเทศกาลไหว้พ่อปู่สามร้อยยอดขึ้นทุกปี ประมาณช่วงกลางเดือนมีนาคมของทุกปี
โรงเจลุ่ยอิมยี่ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 น. - 17.00 น.
ป่าชายเลน หลังที่ทำการ อช.เขาสามร้อยยอด
พวกเราขับรถกลับมาเพื่อจะมาตรงจุดชมวิวเขาแดง ก่อนที่จะถึงพี่รถแฟนของพี่นุ่นที่เป็นคนขับรถพาเราไปที่บึงบัวบอกว่าหลัง ที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอดนี้มีป่าชายเลนด้วยนะ เราเลยแวะเข้ามาเก็บข้อมูลสักหน่อย ..
ที่จุดนี้ สามารถนำ Passport อุทยานมาประทับตราได้นะคะ
ภายในที่ทำการจะมีการจัดตั้งโชว์โครงกระดูกของแรดชวาไว้ด้วยค่ะ
ใครกระหายน้ำ ตรงจุดนี้ทางอุทยานก็มีที่พักผ่อน และเครื่องดื่มไว้ให้บริการด้วย ราคาไม่แพง .. อากาศร้อนๆ มาเจอเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจ ~
เมื่อพร้อมแล้ว เรามาเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลยกันดีกว่า
ทางเดินจะเป็นสะพานไม้ทอดยาวไปตามป่าชายเลนคล้ายๆที่อ่าวคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี
หากโชคดี จะได้เจอ ค่างแว่นถิ่นใต้ ซึ่งเป็นสัตว์ประจำถิ่นของที่นี่ ซึ่งบางวันเค้าก็มา บางวันเค้าก็ไม่มา ซึ่งวันนี้เราโชคไม่ดีเราไม่เจอค่าง แต่เรากลับเจอลิงตัวนี้แทน เราขอตั้งชื่อมันว่า 'จอร์ค' ล่ะกันเน๊อะ .. ดูสิ หัวตั้งด้วย พี่ที่อุทยานเค้าบอกว่า ปกติทุกวันพระจะไม่เจอลิงที่นี่ เพราะ ลิงจะไปอยู่ที่วัด เออ..ลิงก็เก่งเน๊อะ รู้ได้ไงว่าวันนี้คือวันพระ แล้ว 'จอร์ค' มาอยู่นี่เฉยเลย สงสัยอิ่มแล้วจะกลับไปนอนตีพุงแน่เลย ฮ่าๆ
เราชอบวิวภูเขาของสามร้อยยอดมากๆเลยค่ะ เป็นภูเขาหินปูนสวยงาม ดูไปดูมาก็เหมือนเขาเหลียงซานเลย
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน .. มาป่าชายเลนก็ต้องนึกถึง 'ปลาตีน' กันใช่ไหม เราพยายามหาแล้วนะ แต่ไม่มีโผล่มาให้เราเห็นสักตัวเลย คงเป็นความร้อนของอากาศเนี่ยแหละ แม้แต่ปูแสมที่ชอบอยู่ตามต้นโกงกางก็ไม่ขึ้นมาให้เราเห็นเลย เสียใจ~
รู้หรือไม่? ที่นี่ มีจุดชมวิวเขาหินเทิน แต่ทางเข้ากลมกลืนมากๆ เป็นทางเล็กๆเข้าไป ไปตามที่ป้ายลูกศรบอกแหละคะ (แอบเดินวนหาทางเข้าอยู่นานเลย)
ตอนแรกแอบคิดไว้ว่า คงได้ปีนภูเขาเล็กน้อย จะได้เห็นวิวมุมสูงดูบ้าง แต่สุดท้าย จุดชมวิวเขาหินเทิน คือ จุดนี้นี่เอง ริมน้ำป่าชายเลน แป่ว~
ป่าชายเลนบริเวณนี้ไม่ได้ติดกับทะเลโดยตรง ประกอบกับส่วนใหญ่เป็น “ทุ่งดอนตะกาด" ซึ่งเป็นดินดอนที่แห้งแล้ง ดังนั้นจึงมีการขุดร่องน้ำขึ้นมาเป็นคลอง ซึ่งคลองนี้ก็จะมีน้ำขึ้นลงตามความสูงของระดับน้ำทะเล
ตรงรากของต้นโกงกางนั้นเป็นที่หลบอาศัยของสัตว์น้ำที่ยังตัวเล็กๆ ส่วนไม้โกงกาง เนื้อไม้แข็งสามารถนำไปเผาทำเป็นถ่านได้
ระหว่างทางที่เดินมา ไม่มีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นเลย ที่นี่คงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่นัก ขนาดหอดูนก ทางขึ้นก็พังไม่สามารถขึ้นไปดูด้านบนได้ โดยไม่มีการซ่อมแซม .. เดินประมาณ 30-40 นาที ก็ครบรอบ วนกลับมายังที่เดิม .. อย่าลืม เตรียมตุนน้ำดื่ม ก่อนที่จะไปเดินขึ้นจุดชมวิวเขาแดงกันนะ
จุดชมวิวเขาแดง
อยู่บนยอดเขาหนึ่งของเขาแดง เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยงาม สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของขุนเขาสามร้อยยอดและท้องทะเลอ่าวไทยได้แบบ 360 องศา
ที่จุดชมวิวเขาแดงพอเลี้ยวเข้ามาทางจะเป็นทางลูกรังอาจเป็นหลุมเป็นบ่อนิดหน่อยต้องระวังนิดนึง มีที่จอดรถสำหรับรถยนต์ค่ะ
ข้อควรระวัง : ในระหว่างทางเดินขึ้นจุดชมวิวจะมียุงค่อนข้างชุม และดุมาก ปากเบา รู้ตัวอีกทีก็เป็นตุ่มซะแล้วค่ะ ควรเตรียมทายากันยุงมาด้วยก่อนเดินขึ้นจุดชมวิว น้ำดื่มก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ค่ะ
ทางขึ้นจุดชมวิว ไม่สบายเท่าถ้ำพระยานครนะ เป็นทางดิบๆ หินค่อนข้างแหลมและคม ควรสวมรองเท้าผ้าใบมาขึ้นจุดชมวิวดีกว่าค่ะ
เวลาที่เหมาะแก่การขึ้นชมวิว คือ ตอนเช้ามืดประมาณตีห้าครึ่ง พระอาทิตย์จะโผล่มาระหว่างเส้นขอบฟ้า .. ระยะทางเดินประมาณ 725 เมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาทีหรือมากกว่านั้นค่ะ ถ้าใครมาเวลาเช้ามืดแนะนำควรมีเจ้าหน้าที่นำทางมาด้วย และต้องไม่ลืมพกไฟฉายมาด้วยนะ เพราะ จุดสังเกตเราค่อนข้างเล็ก เป็นลูกศรสีเหลืองที่สลักไว้ตามโขดหินค่ะ เราจึงต้องคอยสังเกตให้ดีๆ
ระหว่างทางที่เรากำลังปีนขึ้นไปนั่น พอหันหลังกลับมามองเห็นแสงของพระอาทิตย์ที่ส่องแหวกกลีบเมฆลงมา เหมือนเป็นแสงสปอต์ไลท์ที่ส่องลงมากลางเวทีเลยค่ะ เลยขอแวะแช๊ะภาพมาไว้สักหน่อย
วิวแรกที่เราเห็นค่ะ ภูเขาหินปูนของเขาสามร้อยยอด สวยงามละลานตา .. นอกจากจะเคยได้ยินว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว แล้ว ขอเพิ่มวลีอีกหนึ่งวลีนะคะ ยิ่งสูงยิ่งสวย
ยิ่งเราเหนื่อยมากเท่าไหร่ เราจะมีอาการได้ยินเสียงหัวใจเราเต้นอยู่ในกกหู เป็นอาการที่เราไม่เคยเป็นมาก่อนเลย แปลกดี .. เพื่อนๆเคยเป็นบ้างไหมค่ะ !?
ก่อนจะถึงยอดเขา ยิ่งปีนสูงมากเท่าไหร่ทางยิ่งชันมากขึ้นเท่านั้น ที่เห็นในภาพอาจดูไม่เท่าไหร่ แต่ของจริงนี่เกือบๆ 90 องศา แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่อาจมีเหนื่อยบ้างก็แวะจิบน้ำเป็นระยะๆ อากาศค่อนข้างร้อนและอบชื้น แต่พอมีลทมาปะทะร่างกายจะรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
ในที่สุด เราก็เอาชนะตัวเอง พาร่างกายอันแสนบอบบางขึ้นมาถึงยอดเขาจนได้ พี่รถที่ขับรถมาให้เรา จะถามย้ำแล้วย้ำอีก น้องแน่ใจหรอที่จะขึ้น? จะขึ้นไหวหรอมันเหนื่อยนะ? .. อย่างจะบอกพี่รถเลยค่ะว่า ถึงจะเหนื่อยแต่มันก็คุ้มที่ได้ขึ้นมาค่ะ ^^
นี่เป็นป้ายอันเก่าของจุดชมวิวเขาแดง ดูสิ คนที่ขึ้นมาสลักชื่อกันไว้เต็มเลย ไม่น่ารักเอาซะเลย มือบอน .. ใครนำขวดน้ำขึ้นมาเอากลับลงไปด้วยนะ บางคนเอามาทิ้งไว้ด้านบนเป็นภาพที่ไม่น่ามองเลย .. อยากเห็นสถานที่ท่องเที่ยวเราน่าเที่ยวก็ต้องช่วยกันรักษาไว้นะ
วิวข้างบนด้านหน้าจะเป็นวิวทะเลและนากุ้ง ส่วนวิวด้านหลังจะเป็นวิวภูเขาหินปูน .. เสียดายที่ตอนนั้น App ในเฟซบุ๊คยังลงภาพภาพแบบ 360 องศาไม่ได้ ไม่งั้นนะ คงได้ภาพสวยๆให้เพื่อนๆได้ดูมากกว่านี้
ขากลับ เราเดินลงตามแรงถ่วงน้ำหนักของโลกทำให้ลงได้เร็วกว่าตอนขึ้นมา แต่ลงเร็วก็ต้องระมัดระวังด้วยนะคะ .. เวลาที่เรามานักท่องเที่ยวเค้าไม่มากัน ทำให้เราได้ภาพที่ไม่ติดนักท่องเที่ยวเลย เหมือนว่า จุดชมวิวนี้เป็นของเรา ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า .. สุดท้าย เรากลับมาถึงพื้นราบเวลา 17.00 น. ใช้เวลาลงมา 30 นาที น้อยกว่าตอนขึ้นไปนิดหน่อย
ล่องคลองเขาแดง
สามารถเช่าเรือได้บริเวณท่าน้ำหน้าวัดเขาแดง ล่องไปตามลำน้ำประมาณ 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เวลาที่เหมาะแก่การล่องเรือ แนะนำให้เป็นช่วงเย็นๆ (16.30 น. - 17.00 น.) เพราะ อากาศจะไม่ร้อน สัตว์จะออกมาให้เราเห็นด้วยระหว่างทาง และสามารถมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม ราคาเรือลำละ 500 บาท สามารถนั่งได้ 6 คน .. แต่เวลาเราหาผู้ร่วมเดินทางหารไม่ได้ เดี๋ยวงบบานปลาย เลยตัดสินใจว่าขอข้ามการล่องคลองเขาแดงออกไปล่ะกัน เลยได้ภาพบริเวณท่าเรือมาแทน .. รูปนี้ไม่ค่อยชัดนัก เพราะ กล้องแบตหมดเกลี้ยง เลยต้องใช้ Iphone ซูมจากบริเวณสะพานมา ขออภัยหากภาพไม่สวย แค่อยากให้เพื่อนๆเห็นภาพตามไปด้วย เลยต้องเองมาลง ^^
ชายหาดเขาสามร้อยยอด
ระหว่างรอเวลาจะไปทานอาหารเย็นขอมาเดินเล่นเรียบหาดสามร้อยยอดซะหน่อย เราชอบที่นี่มากๆ สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน และดูไม่อันตราย
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกับเรือประมงที่ชาวบ้านเค้าเอาไว้เป็นเครื่องมือในการทำมาหากิน ใครที่ซื้อทัวร์ตกหมึกไว้ ชาวประมงเค้าก็จะพาไปตกหมึกกันตอนกลางคืนค่ะ เวลาที่ออกไปตกหมึก ก็ประมาณ 19.00 น. - 00.00 น. กลับเร็วกลับช้าก็คิดตามราคาที่เหมาค่ะ
ตรงจุดนี้ จะเป็นปากทางเชื่อมต่อระหว่างคลองและทะเล ทำให้สภาพน้ำตรงนี้เป็นน้ำกร่อยค่ะ
นี่ค่ะ เจ้าปูเฉฉวน เจอได้ง่านมากตามริมชายหาด แต่ฝูงนี้อยู่รวมกันเยอะมาก บ้านของพวกเค้านี่เล่นของใหญ่กันเลย หอยเจดีย์ ไม่หนักบ้างรึไงเน๊อะ
เราขอปิดพาร์ทนี้ด้วยภาพท้องฟ้าที่กำลังสาดแสงสวยในยามพระอาทิตย์ตกดินมา ฝากเพื่อนๆชาวพันทิปนะค่ะ แล้วเดี๋ยวเราจะไปต่อกันที่ร้านอาหาร ท้องเริ่มประท้วงแล้ว ฮ่าๆ
ร้านอาหารครัวชมทะเล
ร้านครัวชมทะเล เป็นร้านอาหารไทยที่ได้มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เป็นร้านอาหารต้นแบบของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทางร้านครัวชมทะเลได้รับรางวัลยืนยันจากหลายๆที่ เช่น ด้านมาตรฐานการบริการอาหารเพื่อการท่องเที่ยว จากกรมพัฒนาการท่องเที่ยวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รางวัลส่งเสริมสุขภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จากโครงการใบไม้สีเขียว .. ราคาอาหารต่อจานประมาณละ 100-150 บาท ถ้าเป็นซีฟู้ดพวกกุ้ง-หมึก-ปู เผา คิดเป็นกิโลๆละประมาณ 300-400 บาท
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทรศัพท์ 032-599-364 , 081-934-4501 , 081-988-9288
เว็ปไซต์ http://www.chomtalay300.com
แผนที่ร้านครัวชมทะเล
ข้อมูล : http://www.chomtalay300.com
เมนูที่ 1 : หอยนางรมทรงเครื่อง
หอยนางรมตัวใหญ่ ไซส์ L ไม่มีกลิ่นคาว สด แถมให้เยอะอีกด้วย เสริฟ์มาพร้อมกับเครื่องเคียงหลากหลาย
เมนูที่ 2 : ทอดมันกุ้ง เมนูนี้เราชอบนะ ทอดมันอัดแน่นไปด้วยเนื้อกุ้ง ทานพร้อมน้ำจิ้มบ๊วย เลิศ ~
เมนูที่ 3 : กุ้งแช่น้ำปลา ตัวกุ้งกรอบ ไม่คาว ส่วนน้ำราดมีรสชาติเปรี้ยวนำ แต่ยังไม่ค่อยเผ็ด (ปกติเราทานรสจัด)
เมนูที่ 4 : ต้มยำรวมมิตรทะเลน้ำข้น รสชาติเมนูนี้สำหรับเรา เราเฉยๆ ต้มยำรสชาติกลางๆ รสไม่จัดสักเท่าไหร่
หลังจากทานของคาว ว่าจะทานของหวานตบท้ายซะหน่อย แต่ท้องก็ไม่เอื้ออำนวยซะแล้ว อดไปตามระเบียบ การบริการของร้านนี้สมแล้วที่ได้รางวัล รสชาติอาหารก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร โดยรวมเราค่อนข้างพอใจนะ เราขอให้คะแนนร้านนี้ 8/10 .. สำหรับวันนี้ขอตัวอำลาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้ การเดินทางของเรายังไม่สุด กายพร้อมใจพร้อม เราทำได้! .. ราตรีสวัสดิ์ค่ะทุกคน zZ
วันสุดท้ายของการเดินทาง : 29 พฤษภาคม 2559
วันนี้ตั้งใจตื่นเช้ามาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย ลุกจากเตียงตอน 05.45 น. แอบมีเซเล็กน้อยจากเท้าที่แพลงจากการเดินขึ้นจุดชมวิวเมื่อวานมาแสดงอาการ เอาวันนี้ แต่ไม่เป็นไร เรายังไหว ฮึบ! สู้ตาย!
น่าผิดหวัง ! ที่วันนี้เมฆเยอะ อากาศขมุกขมัวเหมือนฝนจะตก ทำให้ไม่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น เลยได้แต่เก็บภาพยามเช้าบริเวณหาดสามร้อยยอดมาฝากแทน
ก่อนออกเดินทางไปยังถ้ำพระยานคร เราจัดการเช่ามอเตอร์ไซด์กับพี่นุ่น คันละ 300 บาทใช้ได้ทั้งวัน 24 ชั่วโมง แต่เราคงเช่าไม่ถึง ช่วงบ่ายเราคงต้องเดินทางกลับกรุงเทพ พี่นุ่นก็ใจดีลดให้เราไป 50 บาท สรุปจ่าย 250 บาทสำหรับการเช่ามอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวที่เที่ยวที่เหลือ อย่าลืม ดูน้ำมันด้วยนะ เท่าที่เห็นเราเจอปั๊มชุมชนแค่ปั๊มเดียวก่อนไป อช. สามร้อยยอด แวะเติมก่อนก็ดีเพื่อความสบายใจของเราว่าน้ำมันไม่หมดแน่นอน ^^
หาดแหลมศาลา - ถ้ำพระยานคร
ตั้งอยู่บริเวณเขาเทียน ใกล้บ้านบางปู ห่างจากอุทยานแห่งชาติไปทางเหนือ 16 กิโลเมตร ประวัติเล่าว่า รัชกาลที่ 1 ขณะที่เจ้าพระยานครผู้ครองเมืองนครศรีธรรมราช แล่นเรือผ่านทางเขาสามร้อยยอด บังเอิญเกิดพายุใหญ่ไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ จึงจอดเรือหลบฝนที่หาดนี้ และได้ค้นพบถ้ำขนาดใหญ่ เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้าไป จึงได้รับการขนานนามว่า "ถ้ำพระยานคร"
ทางเข้าเพื่อไปถ้ำพระยานคร ใช้ทางเข้าเดี๋ยวกับวัดบ้านบางปู
จุดเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยาน และใครจะเลือกนั่งเรือเพื่อข้ามเขาลูกแรกสามารถติดต่อเช่าเรือได้จากตรงนี้ ค่าเรือไป-กลับ 400 บาท ถ้านั่งเรือขากลับอย่างเดียว 200 บาท เรือ 1 ลำ สามารถนั่งได้ 6 คน .. ส่วนเราเลือกที่จะประหยัด เราเลยเลือกเดินข้ามเขาลูกแรกทั้งไปและกลับค่ะ
สำหรับการเดินทางไปยังถ้ำพระยานครนั้นสามารถไปได้ 2 วิธีด้วยกัน คือ
1. ข้ามเขา 2 ลูกเล็กๆ จากหาดบ้านบางปูระยะทาง 1 กิโลเมตร ไปยังถ้ำพระยานคร
2. นั่งเรือจากหาดบ้านบางปูข้ามไปยังหาดแหลมศาลาระยะทาง 530 เมตร แล้วเดินขึ้นเขาเข้าถ้ำอีก 430 เมตร
ทางเดินขึ้นเขาลูกแรก ทางค่อนข้างสบายกว่าการขึ้นจุดชมวิวเขาแดง เพราะ ทางส่วนใหญ่ทำให้เป็นขั้นบันไดแล้ว มีแค่แรงก็ขึ้นได้อย่างสบายๆ
หาดบ้านบางปู หาดนี้จะเป็นจุดขึ้นเรือเพื่ออ้อมเขาลูกแรกไปส่งที่หาดแหลมศาลา
นี่คือจุดสูงสุดของเขาลูกแรกก่อนเจอทางลงมายังหาดแหลมศาลา
เย้ ! ลงเขาลูกแรกแล้ว ยังไม่เหนื่อยเลย จิบๆ
พอลงจากเขาลูกแรก ก็จะเจอป้าย 'สุขภาพของท่านยังแข็งแรงดีอยู่' ขอเก็บภาพสักหน่อย เราใช้เวลาข้ามเขาลูกแรก ประมาณ 20 นาที ใช้เวลาพอๆกับที่นั่งเรือข้ามมาเลย สังเกตจากกลุ่มพี่ๆที่นั่งเรือมา ออกพร้อมๆเรา แต่มาถึงที่บริเวณหาดแหลมศาลาพร้อมๆเราเช่นกัน แต่เราคิดในแง่ดีว่า ประหยัดค่าเรือ ฮ่าๆ
หาดแหลมศาลา ตั้งอยู่บริเวณเขาเทียน เป็นจุดส่งนักท่องเที่ยวที่เลือกขึ้นเรือแทนการเดินขึ้นเขาลูกแรก ถ้าใครจะขึ้นเรือแนะนำว่าให้ใส่กางเกงขาสั้นกับรองเท้าแตะ เพราะ ต้องเดินลุยน้ำเพื่อมายังหาด บริเวณหาดมีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องอาบน้ำจืด หาดอยู่หน้าทางเข้าถ้ำพระยานคร เป็นหาดลักษณะคล้ายแหลมยื่นออกไปในทะเล มีภูเขาปิดล้อมทั้งสองด้าน เพราะคลื่นและลมไม่แรง สามารถเล่นน้ำทะเลได้ เนื่องจาก มีเกาะสัตกูดบังกระแสลมและคลื่นตลอดแนว
ครัวยอดแก้ว ร้านอาหารร้านเดียวของหาดแหลมศาลา บนหาดนี้ยังสามารถติดต่อบ้านพักหรือจุดกางเต็นท์ของทางอุทยานได้ด้วยค่ะ
ทางเดินจากหาดไปถ้ำ สองข้างทางเป็นต้นสน ทางเดินดูเรียบๆสบายๆ แต่ทางขึ้นถ้ำนั้นบอกเลย 'ไม่'
ระหว่างทางมีบ่อพระยานคร ซึ่งขุดในสมัย รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตน์โกสินทร์โดยเจ้าประยานครศรีธรรมราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชในครั้งที่เดินทางเข้ากรุงเทพ โดยทางเรือ ซึ่งครั้งหนึ่งที่นำเรือเข้าหลบพายุ ในบริเวณหาดแหลมศาลานี้ เป็นเวลาหลายวันจึงได้ขุดบ่อน้ำนี้ไว้ใช้ ชาวบ้านจึงเรียกว่า บ่อพระยานคร กว้าง 1 เมตร ลึก 4 เมตร
ในที่สุด ก็ได้เจอแล้วสัตว์ประจำถิ่น 'ค่างแว่นถิ่นใต้' เจอแบบระยะประชิด น่ารัก ไม่ดุร้าย ขี้เล่น
นอกจากนั้น ยังเจอกับ 'แย้' อีกด้วย พอเดินเข้าไปใกล้ก็หนีลงรูไปซะดื้อๆเลย
ใครมีโรคประจำควรพิจารณาก่อนขึ้นด้วยนะ .. เด็ก คนชรา แะผู้มีโรคประจำตัวควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
เส้นทางไปสู่ถ้ำพระยานครจะห่างจากหาดแหลมศาลานี้ตามทางเดินขึ้นเขาประมาณ 430 เมตร และตามความสูง130 เมตร ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที .. ควรกลับลงมาก่อนเวลา 17.00 น. และไม่ควรเดินออกนอกเส้นทาง
ทางเดินขึ้นโซนแรก ยังดูชิลล์ไม่หนักหนาอะไรมากนัก
ทางเดินขึ้นโซนสอง มีความเริ่มชันขึ้นมาจากโซนแรกหน่อย
ทางเดินขึ้นโซนสาม ขอบอกเลยว่าทางตรงนี้ยากสุดแล้ว
มีจุดนั่งพัก 1 ที่ พักให้พอคลายเหนื่อยแล้วเราก็ไปลุยกันต่อ น้ำดื่มยังคงจำเป็นอีกเช่นเคย
ทะเลอ่าวไทย
ป้ายก่อนถึงถ้ำ เห็นป้ายนี้เริ่มใจชื้น อีกไม่ไกลแล้ว
บริเวณถ้ำด้านนอก เราจะรู้สึกได้ถึงความชื้นและเย็นของถ้ำ มาปะทะบนผิวหนังของร่างกายให้เราคลายความร้อนจากที่เราปีนขึ้นมาได้
ถ้ำพระยานครเป็นถ้ำขนาดใหญ่ในบริเวณแหลมศาลา เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้ ด้านล่างเป็นป่า ต้นไม้ค่อนข้างสูงชะลูด ถ้ำพระยานครถูกค้นพบกว่า 200 ปีมาแล้ว
น้ำตกแห้ง ก็แห้งสมชื่อจริงๆ .. ในอดีตตรวจุดนี้เคยเป็นน้ำตกจริงๆ แต่ในปัจจุบันด้วยสภาพทาภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนไปทำให้น้ำตกนี้เหือดแห้ง คงไว้แต่ร่องรอยของหินที่ถูกน้ำกัดก่อนจนเป็นชั้นคล้ายน้ำตกในปัจจุบัน
สะพานมรณะ ฟังดูทีแรกอาจน่ากลัว และทำให้คิดถึงที่มาของชื่อ ไปต่างๆ นาๆ จนได้รู้ว่าที่ได้ชื่อว่า สะพานมรณะ เนื่องจาก จะมีสัตว์ป่าตกลงมาตาย อยู่บ่อยครั้ง
แผนที่ บอกจุดต่างๆภายในถ้ำพระยานคร ดังนี้
- น้ำตกแห้ง
- สะพานมรณะ
- ทางสันจระเข้
- หินรูปเจดีย์
- พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์
- ลายพระหัตถ์
- อัฐิหลวงพ่อเงิน
- ต้นซุ้มรอดคู่
- หินจระเข้
- ต้นไม้มีพิษ
ถึงสักทีทางเข้าถ้ำ เราใช้เวลาโดยรวมในการข้ามเขาสองลูกมายังถ้ำพระยานคร 1 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 9.00 น.-10.00 น.
ห้ามเก็บหินกอง มีป้ายบอกไว้ก็ทำตามด้วยนะ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) และพระบาทสมเด็จประปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เสด็จมาที่ถ้ำพระยานคร ในปี พ.ศ.2469 ซึ่งมีลายพระหัตถ์ของทั้งสองพระองค์อยู่บนผนังถ้ำ และรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จประพาสเยือน 2 ครั้ง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2501 และเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524
ในถ้ำมีหินงอกหินย้อย ทั่วทั้งถ้ำ บางจุดมีน้ำไหลลงมาเป็นหยดน้ำด้วย
ภายในถ้ำมีโบราณสถานที่สำคัญ คือ พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เป็นพลับพลาจตุรมุข สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
เพดานถ้ำมีปล่องให้แสงสว่างลอดเข้าไป เวลาที่เหมาะแก่การเข้าชม 10.00 น.-11.00 น. แสงจะทะลุส่องมาตรงพระที่นั่งพอดี
ถ้ำพระยานนครแห่งนี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จนกระทั่งพระที่นั่งนี้ ใช้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปัจจุบัน
มุมด้านหลังพระที่นั่ง
เราใช้เวลาจุดนี้สักพักใหญ่ๆ เราก็เดินทางกลับไปยังจุดที่เรามา ขากลับเราจะเดินสวนทางกับคนที่ขึ้นมาชม ต่างจะถามเป็นเสียงเดียวกันว่า 'อีกไกลไหม' จากที่ตอบว่า ใกล้ถึงทางลงถ้ำแล้วค่ะ จนเรื่อยมายังตีนเขาลูกที่สอง จนคำตอบกลายเป็น ไกลค่ะ สู้ๆนะ .. บางทีก็นึกขำตัวเองว่าเราขึ้นมาถึงจุดๆนี้ได้ยังไง สองวันเขา 3 ลูก แต่นี้ คือ เขาลูกที่จิบๆนะ ขอเก็บแต้มการ treking ไปเรื่อยๆแล้วกัน .. เราใช้เวลาลงมาประมาณ 1 ชั่วโมงเช่นเดียวกับตอนที่ขึ้น เวลาตอนนี้ก็เที่ยงนิดๆ หิวแล้วครับท่าน เสียพลังงานไปเยอะ เราจะไปกินอาหารกลางวันที่ร้านอาหารยกซดตามคำแนะนำของพี่ที่รีสอร์ทว่าร้าน นี้เด็ด อาหารอร่อย ป่ะ! ไปกันต่อ ..ร้านอาหารยกซด
เรื่องกินเรื่องใหญ่ พระอาทิตย์ตรงหัวแล้ว ก่อนที่จะเดินทางกลับกรุงเทพ ขอแวะทานมื้อเที่ยงกันที่นี่สักหน่อย พี่ที่รีสอร์ทที่เราพักเขาแนะนำมา เค้าว่า ปูที่นี่ เด็ด! แต่เราไม่ได้ทาน เราทานแบบซอฟท์ๆ 3 เมนู เพราะ เรามีเวลาไม่มาก เลยของจัดไปแค่นี้ ถ้ามีโอกาสหน้า จะมาจัดทีเด็ดให้ได้เลย ราคาอาหารพอๆกับร้านครัวชมทะเลเลยค่ะ 100-150 บาท .. เราชอบบรรยากาศร้านที่นี่มาก หลังคามุงจาก ใกล้ชิดธรรมชาติ(ป่าชายเลน) ปูแสมเพียบเลยค่ะ ปลาตีนก็มี ในที่สุดก็เจอสักที ดันมาเจอที่ร้านอาหารเอาดื้อๆ ฮ่าๆๆ
เมนูที่ 1 : โป๊ะแตก แซ่บ คล่องคอมาก มีกลิ่นหอมของใบโหระพา ของทะเลจัดเต็ม
เมนูที่ 2 : กุ้งชุบแป้งทอด เมนูนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แปุงที่ชุบตัวกุ้งไหม้ มีรสขม
เมนูที่ 3 : ปลาหมึกนึ่งมะนาว หมึกไข่ตัวเบิ้ม 3 ตัว อร่อยเหาะ!
ถ้ำไทร
อยู่ใกล้กับบ้านคุ้งโตนด การขึ้นชมถ้ำมีระยะทางไม่ไกลมาก สามารถนำรถไปจอดบริเวณเชิงเขาได้ ภายในถ้ำค่อนข้างมืดจึงจำเป็นต้องมีไฟฉายในการชมถ้ำ ตะเกียงจะมีไวเให้บริการในวันหยุด หากไปวันธรรมดา ควรติดต่อขอเข่าตะเกียงที่หมู่บ้านคุ้งโตนด หรือนำไฟฉายมาเอง ถ้ำไทรทตั้งตามชื่อต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บริเวณหน้าปากถ้ำ ..
ถ้ำแก้ว
อยู่บริเวณหุบเขาจันทร์ ในเส้นทางไปบ้านบางปู (ก่อนถึงบ้านบางปู 3 กม.) จากเชิงเขา ต้องเดินเท้าอีกประมาณ 15 นาที เป็นถ้ำที่มีความสวยงามมาก ภายในมีหินงอกหินย้อย ส่วนใหญ่ค่อนข้างใสและโปร่งแสง การเดินชมถ้ำค่อนข้างลำบาก เพราะ ภายในถ้ำมืดมาก จึงจำเป็นต้องมีไฟฉายและเจ้าหน้าที่นำทาง ถ้ำแก้ว ชื่อนี้ถูกเรียกมา เพราะ ประกายระยิบระยับเมื่อถูกแสงไฟ ..
เมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปราย เรารีบแว๊นซ์มอเตอร์ไซด์ฝ่าฝนกลับมาที่พัก พร้อมกับคืนกุญแจรถกับพี่นุ่น เราคงเที่ยวได้เท่านี้แหละ สำหรับวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ของเราในครั้งนี้ .. การเดินทางครั้งนี้ ทำให้เรามองเห็นจังหวัดประจวบในอีกรูปแบบนึงที่แตกต่างออกไปจากหัวหินหรือชะ อำ ชายหาดที่สงบ ผู้คนไม่พลุกพร่าน .. เราคงต้องอำลาที่นี่แล้วแหละ กลับไปเป็นมนุษย์เงินเดือนอีกครั้ง กับสู่วงโคจรเดิมๆต่อไป ...
ปล. ขอบคุณ Iphone 6s และ SONY A6000 + Lens 16-50 /F3.5-5.6 OSS PZ
ที่ทำให้เราได้ภาพสวยๆตลอดทริปนี้
แต่งรูปใน PS + Snapseed
ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตาม หากผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ยินดีน้อมรับทุกคำติชม
ขอบคุณพี่สาวผู้ร่วมเดินทางและเสนอทริปดีดีแบบนี้ให้เราได้ร่วมเดินทางด้วยกัน
สามารถติดตามเรื่องราวการเดินทางของเราได้อีกหนึ่งช่องทาง กดไลท์ได้เลย มีเรื่องราวดีดีรอคุณอยู่
PAGE : https://www.facebook.com/KeepGoingThailand/
.. เจอกันการเดินทางครั้งต่อไป ..