ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
เขาคิชฌกูฏ นมัสการรอยพระพุทธบาท ณ อุทยานแห่งศรัทธา อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ (Khao Khitchakut National Park) จ.จันทบุรี
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17 , 2563

    เขาคิชฌกูฏ นมัสการรอยพระพุทธบาท ณ อุทยานแห่งศรัทธา

    เขาคิชฌกูฏ ยอดเขาสูงที่ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี  ในแต่ละปีทางอุทยานฯ จะมีกำหนดการเปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นเขาได้เพียงบางช่วงเท่านั้น ซึ่งเมื่อถึงช่วงที่เขาคิชฌกูฏเปิดให้ขึ้นได้นั้น บรรดานักเดินทาง และชาวพุทธที่มีจิตศรัทธาจำนวนมหาศาลจะพร้อมใจหลั่งไหลกันมาที่นี่เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศของงานประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ และทิวทัศน์สุดอันซีน

    ในปีนี้ทางอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้ประกาศเปิดงานนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง ณ เขาคิชฌกูฏ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม - 24 มีนาคม 2563 รวมระยะเวลาทั้งหมด 60 วัน ซึ่งหากใครกำลังวางแผนจะเดินทางมาท่องเที่ยว หรือต้องการจะมาสักการะรอยพระพุทธบาท ที่เขาคิชฌกูฏ และอยากหาข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเดินทาง และคำแนะนำต่าง ๆ สามารถอ่านได้ในรีวิวนี้เลยครับ

    อำเภอเขาคิชฌกูฏ อยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี ราว 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 - 45 นาที เนื่องจากเขาคิชฌกูฏอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติ ประกอบกับทางขึ้นเขามีความลาดชัน และเป็นดินลูกรังตลอดทาง ต้องอาศัยรถที่มีกำลังสูง พร้อมคนขับที่มีความชำนาญ จึงไม่อนุญาตให้นำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ ต้องใช้บริการรถรับ-ส่งที่จัดไว้ให้เท่านั้น โดยจุดบริการรถสำหรับขึ้น-ลงเขาคิชฌกูฏมีด้วยกัน 2 จุด คือที่ วัดกระทิง และ วัดพลวง ซึ่งครั้งนี้เราเลือกที่จะขึ้นรถที่วัดพลวง เนื่องจากมีพื้นที่รองรับการจอดรถได้จำนวนมาก และค่อนข้างสะดวกเพราะมีร้านค้า ร้านอาหาร ห้องน้ำ และจุดพักผ่อนอยู่มากพอสมควร ค่าบริการรถรับส่ง 200 บาท / คน (รวมขาขึ้น และขาลง) โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้น-ลงเขาคิชฌกูฏได้ตลอดเวลาทั้งกลางวัน และกลางคืน ซึ่งช่วงที่คนหนาแน่นมาก ๆ จะเป็นช่วงคืนวันศุกร์ไปจนถึงเช้าวันอาทิตย์ หากใครไม่ชอบความแออัด หรือไม่อยากรอคิวรถนาน ๆ ก็เลือกเดินทางในวันธรรมดาช่วงกลางวันแบบเดียวกับเราก็ได้ครับ อากาศอาจจะร้อนหน่อย แต่ก็เดินทางสบาย ๆ

    เมื่อซื้อบัตรแล้วก็เดินมาขึ้นรถได้เลย โดยรถจะออกทันทีที่มีผู้โดยสารเต็มคัน เนื่องจากเส้นทางขึ้นเขาระยะทางกว่า 8 กิโลเมตร มีความลาดชันสูง และเต็มไปด้วยทางคดเคี้ยว แนะนำว่าหากมีเด็ก หรือคนชรามาด้วย ให้นั่งด้านในรถกับคนขับ ส่วนคนที่นั่งกระบะด้านหลังควรสวมหน้ากากกันฝุ่น และเก็บสัมภาระใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการตกหล่น ระหว่างทางจะมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ ผู้ใหญ่ 20 บาท และเด็ก 10 บาท รถขาขึ้นจะใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที โดยรถจะจอดส่งเราที่ ลานพระสีวลี ซึ่งจากจุดนี้เราต้องเดินเท้าขึ้นเขาต่ออีก 1.2 กิโลเมตร

    เส้นทางเดินขึ้นไปยังลานพระบาท ทางเดินไม่ลำบากมากนัก แต่ก็มีความชันแบบต่อเนื่อง ระหว่างทางจะมีจุดให้แวะพัก และได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะ ๆ รวมไปถึงเส้นทางเดินยังเต็มไปด้วยธรรมชาติที่ร่มรื่น เนื่องจากอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานฯ ที่มีทั้งพื้นที่ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสัตว์ป่า และนกนานาชนิด เดินชมธรรมชาติ ฟังเสียงนกไปเรื่อย ๆ ผ่านแนวระฆัง และประตูสวรรค์ ในที่สุดเราก็มาถึง ลานพระบาท กันแล้ว

    ลานพระบาท เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า หรือ รอยพระพุทธบาทพลวง ที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,050 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประเทศไทย เชื่อกันว่าหากใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบทยอดเขาคิชฌกูฏแห่งนี้ ก็เหมือนกับได้เข้าเฝ้าองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่ และขอพรสิ่งใดก็มักจะสมหวังดังที่ปรารถนา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้นักเดินทาง และผู้มีจิตศรัทธามากมายต่างก็หลั่งไหลกันมาที่นี่กันอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งความงดงามอันซีนอีกอย่างของที่นี่คือ หินลูกพระบาท หรือ หินลูกบาตร หินรูปร่างแปลกตาคล้ายบาตรคว่ำขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมหน้าผา เคียงคู่ให้ร่มเงากับรอยพระบาทมาอย่างยาวนาน

    แวะสักการะรอยพระพุทธบาท และปิดทองหินพระบาทแล้ว เราก็เดินเท้าขึ้นเขาต่อไปอีกประมาณ 800 เมตร เพื่อไปยัง ผ้าแดง จุดนี้เราสามารถเขียนคำอธิษฐานลงบนผ้าแดง แล้วผูกไว้กับต้นไม้ หรือบริเวณต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมทีจุดนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่จะแขวนผ้าแดงไว้เพื่อบ่งบอกว่าเป็นจุดสิ้นสุดเขตแดนบนเขาคิชฌกูฏ ไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้ และเมื่อจำนวนคนเดินทางขึ้นมาอธิษฐานมากขึ้น ผ้าแดงที่ผูกไว้ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นลานผ้าแดง อีกหนึ่งจุดไฮไลท์บนเขาคิชฌกูฏ

    เราเดินลงจากจุดผ้าแดงกลับไปยังจุดชมวิวใกล้ ๆ กับลานพระบาท เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกที่เขาล่ำลือกันว่าสวยงามเป็นอย่างมาก เมื่อแสงอาทิตย์เริ่มอ่อนแรงลง อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ เช่นเดียวกัน แนะนำให้เตรียมผ้าคลุมหรือเสื้อกันหนาวมาด้วยนะครับ และไม่ผิดไปจากที่เขาว่ากันเลย ช่วงเย็นบนเขาคิชฌกูฏเป็นช่วงเวลาที่งดงามและมีมนต์ขลังเป็นอย่างมาก 

    เขาคิชฌกูฏ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากไม่อยากให้คุณพลาดหากมีโอกาสมาเยือนจังหวัดจันทบุรี นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทิวทัศน์สุดอันซีนแล้ว ที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งศรัทธาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ มนต์ขลัง และความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวพุทธ นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง
    • โพสต์-2
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17, 2563

    Editor's Comment

    • จุดเด่น:
    • เขาคิชฌกูฏ ยอดเขาสูงที่ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ในแต่ละปีทางอุทยานฯ จะมีกำหนดการเปิดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นเขาได้เพียงบางช่วงเท่านั้น ซึ่งเมือถึงช่วงที่เขาคิชฌกูฏเปิดให้ขึ้นได้นั้น บรรดานักเดินทาง และชาวพุทธที่มีจิตศรัทธาจำนวนมหาศาลจะพร้อมใจหลั่งไหลกันมาที่นี่เพื่อสักการะรอยพระพุทธบาทที่อยู่สูงที่สุดในประเทศไทย ท่ามกลางบรรยากาศของงานประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ และทิวทัศน์สุดอันซีน
    • จุดด้อย:
    • เส้นทางขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน และเต็มไปหินลูกรัง รถค่อนข้างวิ่งเร็ว และเข้าโค้งแรง ไม่เหมาะกับผู้ที่มักมีอาการวิงเวียนง่าย เด็ก และคนชรา ไม่แนะนำให้นั่งกระบะด้านหลัง อีกทั้งทางเดินบนเขาค่อนข้างชัน และไกล บางจุดเป็นหน้าดินลื่น ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดิน หากขึ้น-ลงในช่วงกลางคืนบางจุดแสงสว่างยังไม่เพียงพอต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ
    • ข้อสรุป:
    • เขาคิชฌกูฏ ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากไม่อยากให้คุณพลาดหากมีโอกาสมาเยือนจังหวัดจันทบุรี นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีทิวทัศน์สุดอันซีนแล้ว ที่นี่ยังเป็นอุทยานแห่งศรัทธาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ มนต์ขลัง และความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานของชาวพุทธ นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองซักครั้ง
    คะแนน
    • โพสต์-3
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17 , 2563

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ :  เขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตำบลตะเคียนทอง อำเภอเขาคิชฌกูฏ จันทบุรี

    GPS : 12.837588, 102.168692

    เวลาทำการ : สามารถเดินทางขึ้น-ลง ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    เบอร์โทรศัพท์ :  081-945-0049, 0-3960-9666 (สำนักอุทยานแห่งชาติฯ)

    เว็บไซต์ : ุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ

    ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ :

    • ผู้ใหญ่ 20 บาท
    • เด็ก 10 บาท

    จุดบริการรถขึ้น-ลงเขา : 

    • วัดกระทิง ราคา 200 บาท / คน  (รวมขาขึ้น และขาลง)
    • วัดพลวง ราคา 200 บาท / คน  (รวมขาขึ้น และขาลง)

    ข้อควรรู้ และคำแนะนำเพิ่มเติม : 

    • ดอกไม้ ธูป เทียน ที่นำมา สามารถไหว้ได้ที่ลานพระสีวลีเท่านั้น หลังจากจุดนี้จะไม่อนุญาตให้นำขึ้นไป
    • ปัจจุบันเส้นทางเดินเท้าขึ้นเขาคิชฌกูฏบางจุดได้ถูกยกเลิกเส้นทางไปแล้ว และต้องเดินบนเส้นทางเดียวกับเส้นทางรถยนต์ซึ่งค่อนข้างอันตราย
    • แต่งกายสำรวม และสวมใส่รองเท้าที่เหมาะกับการเดินขึ้นเขา
    • ช่วงเวลาแนะนำหากต้องการหลีกเลี่ยงช่วงแออัด คือช่วงวันธรรมดา หรือ ช่วงกลางวัน
    • ขาลงจะยอดเขาคิชฌกูฏมีเส้นทางลัดอยู่บริเวณทางไปผ้าแดง ระยะทางจะสั้นกว่า แต่ทางค่อนข้างแคบ ชัน และเปลี่ยวในบางช่วง
    • ในช่วงกลางคืนอากาศข้างบนค่อนข้างหนาว และมีลมแรง แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวขึ้นไปด้วย
    • แนะนำให้พกสเปรย์กันยุง และสเปรย์กันแมลงติดตัว
    • โพสต์-4
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17 , 2563

    วิธีการเดินทาง

    จากตัวเมืองจันทบุรี มุ่งหน้าบนทางหลวงหมายเลข 316 เมื่อมาถึงทางแยกเขาไร่ยา ให้ขับต่อไปบนทางหลวงหมายเลข 3249 อีกประมาณ 18 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวา เข้า จบ.3010 และขับตามป้ายบอกทางไปยัง "วัดพลวง"

    • โพสต์-5
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17, 2563
    • โพสต์-6
    theTripPacker •  กุมภาพันธ์ 17, 2563