การเดินเขาเต็มรูปแบบครั้งแรกในชีวิต(รีวิวการเดินทาง ละเอียดที่สุดเท่าที่จำได้ค่ะ)
เราออกเดินทาง เพื่ออะไร?
เพื่อ ความสนุก
เพื่อ พบเจอมิตรภาพ
เพื่อ เรียนรู้
เพื่อ ... อะไรอีกมายมาย
สำหรับฉัน ฉันออกเดินทาง เพื่อเติมเต็มฝันของตัวเอง
นักเดินทางหลายคน ต่างรอช่วงเวลาว่าง จังหวะเหมาะ ๆ เพื่อจะเปิดโลกกว้าง ค้นหาสื่งใหม่ ๆ ฉันก็เป็นหนึ่งในคนกลุ่มนี้ ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่่ง เงินก็มีไม่มาก แต่หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ความสนุก ความตื่นเต้น เมื่อได้เดินทาง แม้ไม่รู้ว่าทางข้างหน้า จะโหด ฮา ขนาดไหน ฉันก็พร้อมจะไป
ฉันเลือกที่จะเดินพิชิต ภูสอยดาว เนื่องจากเป็น สถานที่ที่ อยู่ไม่ไกลจากจังหวัดที่ฉันอยู่มากนัก บ้านฉันอยู่ สุโขทัย สามารถเดินทางไปพิษณุโลก ได้ง่าย ไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก บวกกับก่อนหน้านี้ มีเพื่อนเคยไปมาแล้ว เพราะฉะนั้น ฉันจะมีแหล่งข้อมูลอยู่ใกล้ตัว ถามได้ทุกข้อสงสัย ^^
เพราะนี่ คือ ครั้งแรก ...
ไม่กล้าไปคนเดียวแน่นอน สิ่งที่ฉันนึกได้ คือ หาเพื่อนจากพันทิป ไปด้วยกัน ถามว่ากลัวมั้ย ก็กลัวนะ แต่ความอยากเที่ยวมันมีมากกว่า ภาพความงาม ที่เคยเห็นบนลานสน ตามกระทู้รีวิว facebook มันพาหัวใจฉันไปอยู่บนโน้นแล้ว
เราลองโพสกระทู้ หาเพื่อนเที่ยว ภูสอยดาว ในพันทิป ไม่น่าเชื่อว่ามีคนสนใจ ที่จะไป และไม่มีเพื่อนไปเหมือนกัน
เอาล่ะ
จาก ความว่างเปล่า ทุกอย่างเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
รวมกลุ่มได้
ช่วยกันวางแผนได้
จัดการหาข้อมูล เรื่องรถ เรื่องการเดินทาง การเตรียมตัว
และแล้ว.... วันเดินทาง ก็ใกล้ เข้ามา เรื่อย ๆ
เมื่อแผนครบ เพื่อนก็เริ่มตามมาด้วย
จากที่อยากไป แต่ไม่ได้วางแผนสักที ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพื่อนฉันคนแรก เดินทางมาจากเชียงใหม่ เรานัดเจอกันที่ บขส. เก่า พิษณุโลก (รายละเอียด ค่าใช้จ่ายการเดินทางทั้งหมด เราจะลงให้ตอนท้ายนะ)
เรา กับเพื่อน อีกคน เดินทางโดยรถตู้ บขส. จาก สุโขทัย มาลง สถานีขนส่งพิษณุโลกเก่า แล้วห้องพักแถวนั้น นอนพักเอาแรง ก่อนเตรียมตัวออกเดินทาง พรุ่งนี้เช้า
เพื่อน ๆ จากพันทิป ที่มาจาก กทม. นั่งรถทัวร์ บขส. มาลงที่สถานีขนส่งเก่า พิษณุโลกเช่นกัน ถึงกันประมาณ ตี 3
พี่ใหญ่ ร่วมทริปจากพันทิป อีกคน มาจากสุพรรณบุรี โดยรถไฟฟรี (กะเที่ยวแบบประหยัดสุด 555 ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดี)
---- ทริปนี้ มีทั้งหมด 6 คน -----
เอาล่ะ เช้าวันที่ 3 กันยายน เรานัดเจอกันที่สถานีขนส่งเก่า พิษณุโลก ตอนตีสี่ เพื่อจะได้ทำความรู้จัก พูดคุยกันก่อน
ตีห้า มีรถรอบแรกจากสถานีขนส่ง ไปชาติตระการ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ถึง อ. ชาติตระการ ประมาณ 8 โมงเช้า จากนั้น หารถเหมา เพื่อเดินทางเข้าไปที่อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 2 ชั่วโมง เราถึงสำนักงานอุทยานแห่งชาติ ภูสอยดาว ประมาณ 11 โมงกว่า ๆ
หลังจากนั้นก็ติดต่อเจ้าหน้าที่ ชำระเงินค่าเช่าเต๊น ค่ามัดจำขยะ ใครจะจ้างลูกหาก็จ่ายกันตอนนี้แหล่ะค่ะ
จากนั้น ... เวลาที่รอคอยก็มาถึง
นั่งรถของเจ้าหน้าที่ ไปที่จุดเริ่มต้น คือ น้ำตกภูสอยดาว โชคดีที่ระหว่างทางเดินขึ้น ฝนไม่ตก คนไม่เยอะมาก เพราะเราเลือกมาในวัน ธรรมดา ไม่ใช่วันหยุด แต่ขาลงนี่..... ต้องติดตาม ความโหด 555
5 ด่าน ที่เราต้องผ่าน ก่อนไปถึงลานสน ภูสอยดาว
ณ ระดับควาสูง 1633 เมตร จากระดับน้ำทะเล
กับระยะทาง 6.5 กิโลเมตร
ที่ไม่ใช่ทางตรง แต่มันคือ ทางเดินเขาที่ชัน สา.............
ด่านแรก เนินส่งญาติ สมชื่อล่ะค่ะ แค่เนินนี้ ก็ผ่านด่านโหด เกาะหิน เกาะต้นไม้ กันมาพอสมควร เรียกว่าป้ายวัดใจ คงไม่ผิด บางคนเห็นป้ายแล้วท้อ บางคนเห็นแล้วฮึด 555 เดินมาตั้งนาน เพิ่งจะเห็นป้ายแรก
สำหรับเราถ้าลง ก็หมาสิครัชช มาแล้ว ใจอยู่บนลานสนแล้ว ต้องไปให้ถึง
ด่านที่สอง เนินปราบเซียน ใครคิดว่าผ่านเนินส่งญาติแล้ว จะสบาย เตรียมใจไว้ก่อนได้เลยค่ะ ว่าเหนือฟ้า ยังมีฟ้า 555 ดเนินนี้ ชัน ไม่แพ้เนินส่งญาติ เดิน ๆ หยุด ๆ กันไปตลอดทาง มีเพื่อนเป็นตะคริวอีก!! ระวังกันด้วยนะคะ คืออย่างกลุ่มเรา ช่วงแรก ๆ ก็จะเดินเกาะกลุ่มกันไป แต่พอบางคนไม่ไหว เราก็เริ่มทิ้งระยะกันบ้าง เพื่อให้เพื่อนได้พักขา ไม่ใช่ว่าทิ้งกันไกลนะคะ เรายังส่งเสียงเรียกถึงกันได้ยินอยู่ ผ่านด่านนี้มาได้ ก็ถือว่าตัวเองเป็น เซียน ล่ะคร่า
ด่านที่สาม เนินป่ากอ ถึง ด่านที่สี่ เนินเสือโคร่ง ช่วงนี้เหมือนได้พักขา เดิน ๆ ไปเรื่อย ๆ ทางเรียบล่ะ อาจจะมีชัน ๆ แบบเนินขึ้นเนินบ้าง แต่ก็ไม่มาก ไม่ต้องเกาะหิน ปีนขึ้นเหมือนช่วงแรก ๆ แล้ว แต่ก็เรียกเหงื่อได้ไม่แพ้ที่ผ่านมา
ด่านสุดท้าย ด้านที่ 5 เนินมรณะ แค่ชื่อก็ชวนสยองแล้ว เนินนี้โหดจริง ๆ ค่ะ ยืนยัน เพราะจากที่เดิดผ่านมา ขาเราก็อ่อนแรงแล้ว เนินนี้ทางค่อนข้างชัน เราต้องค่อย ๆ ปีน เกาะ ๆ ทางกันขึ้นไป ทางเดินจะเป็นขั้นบันได ที่ต้องหาที่เหยียบไปตลอดทางเลย
เห็นทางเรียบข้างบน ดีใจสุด ๆ ๆ เหมือนเอาชนะตัวเองได้แล้ว แต่..... มันยังไมถึงจุดกางเต๊นค่ะ
ถอนหายใจหนึ่งที แล้วเดินต่อ 555 ....
ภาพเบื้องหน้าที่เห็นอยู่ไกล ๆ มันทำให้เรารู้สึกดีมาก มันเหมือนภาพที่เราเห็นตามรีวิว ตามพันทิป ใช่เลย นี่แหล่ะ ที่ฉันอยากมาสัมผัสด้วยตัวเอง มันปลื้ม และภูมิใจ แบบบอกไม่ถูก
ลานโล่ง ๆ มองไปบนฟ้า เห็นต้นสนสูง ๆ ตั้งตรง กระจายอยู่ทั่วลาน ท่ามกลางหมอกฟุ้ง ๆ มองต่ำลงมาระดับสาย ก็เห็นดอกหงอนนาคสีม่วง ๆ พร้อมหยดน้ำค้างเล็กๆ...
ว้าว! นี่มัน สวรรค์ชัด ๆ 5555 เหมือนอยู่ในเทพนิยาย
อาจจะดูเว่อร์ รึเปล่าไม่รู้นะคะ แต่ถ้าใครได้ไปสัมผัสบรรยากาศแบบนี้ เราว่าก็คิดไม่ต่างจากเราหรอก
เรายืนมองความงดงาม........เ ก็ บ พ ลั ง และ ใช้เวลา............. สั ก พั ก ........... ให้ คุ้มกับค่าเหนื่องที่พยายามปีนขึ้นมาตลอด 5 ชั่วโมง มันคุ่มค่าจริง ๆ
ตอนนี้อยากวางกระเป๋าที่หนักกว่า 7 กิโล บนหลังแล้วค่ะ มันหนักมากตริง ๆ พอเดินผ่านลานสนช่วงต้นมา เห็นป้าย "จุดกางเต๊น" เท่านั้นแหล่าะ แทบจะวิ่งเข้าใส่ แต่ไม่มีแรงวิ่งหรอกนะ แค่เดินเร็ว ๆ พอล่ะ
พอไปถึง เราก็มองหาเพื่อน ที่เดินล่วงหน้ามาก่อนแล้ว อยากจะเอนกาย อาบน้ำ แล้วรอดูพระอาทิตตก
แต่น่าเสียดาย ที่วันที่เราไป ท้องฟ้าไม่เคลียร์ เราเลยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตก ไม่เป็นไร บรรยากาศรอบ ๆ ก็ ฟิน เกินคำบรรยายล่ะ
แม้จะไม้ได้ชื่นชมพระอาทิตย์ตกดิน แต่เราก็เห็นวิวด้านบนที่สวยมากจริง ๆ อย่างกับภาพวาด แต่มันไม่ใช่ มันคือสิ่งทที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมาให้ มนุษย์ เรา ได้ชื่นชมต่างหาก
ท้องฟ้าสัน้ำเงิน ทิวเขาสุดลูกหูลูกตา โทนฟ้า ดำ น้ำเงิน ดูแล้วอบอุ่นใจเหลือเกิน ฉันบอกได้คำเดียวว่า มันคุ้มค่า กับการเดินทางจริง ๆ บอกได้เลยว่า ...
----------------ฉัน ตก หลุม รัก เขา แล้ว-------------------
ภูเขาเบื้อหน้า มันมีเสน่ห์ จริง ๆ
พอมืด ก็ได้เวลาเติมพลัง เราเตรียมมาม่า ขนมปัง ขนม ไข่ต้ม ขึ้นไปกินกัน ที่บ่นว่าแบกของหนักนี่ไม่ใช่อะไรมากนะคะ ของกินทั้งนั้น 5555
กินเสร็จ ก็ นอน ค่ะ พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้จะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น
วันที่ 2
ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ ตั้งแต่ตี 5 หกโมง แต่แล้ว .......... ฝันก็สลายไปในพริบตา เนื่องจากว่า ฝนตก!!!! คร่า หนักด้วย แสงแรกจากพระอาทิตย์ หรอ ไม่ได้เห็นแน่นอน ฉะนั้นแล้ว นอนต่อดีกว่า ^^
หกโมงกว่า เกือบเจ็ดโมงได้ ฝนหยุด ออกมาล้างหน้า ล้างตา จะเดินไปหลักเขตสองประเทศ ไทย ลาว แล้วก็เดินเล่น กินบรรยากาศให้อิ่ม
แล้วก็เดินไปน้ำตกสายทิพย์ ทางเดินลงค่อนข้างอันตราย ค่อนข้างลื่นด้วย เพราะฉะนั้นไปกันเป็นกลุ่ม ๆน่าจะปลอดภัยกว่านะ
ได้เวลาต้องงเดินลงแล้ว เราเริ่มเดินลงประมาณ 10 โมง ขาลง นี่น่าจะหนักกว่าขาขึ้น เพราะต้องเกร็งเท้า เกร็งขา อยู่ตลอดเวลา วันที่เราลง เป็นวันศุกร์ จะมีคนเดินขึ้นเยอะกว่าปกติ ซึ่งก็ต้องระวังทางบางช่วงแคบ ต้องให้ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเดินก่อน ระหว่างทางต้องคอยส่งเสียง บอกเตือนระวังทางข้างหน้าตลอดเวลา แถมเจอฝนตกระหว่างทางอีก สนุกเลยค่า ลื่น ๆ ๆ กันไปหลายคน เราใช้เวลาเดินลงประมาณ สาม ถึง สี่ ชั่วโมงได้ พอได้ยินเสียงน้ำตกไกล ๆ เท่านั้นแหล่ะ ยิ่งมีแรงเดิน อยากพักขาแย่แล้ว มันอ่อนแรงจริง ๆ 555 และก็รู้สึกภูมิใจมาก ๆ ที่ ในที่สุด ฉันก็ เป็นผู้พิชิตลานสนภูสอยดาว อย่างสมบูรณ์แบบ ลงมาได้อย่างปลอดภัย ^___^
อย่างที่บอกเป็นทริปการเดินเขาครั้งแรกจริงๆ เราหอบเอาความฝัน ความตั้งใจ จนได้จัดทริปนี้ขึนมา และสิ่งที่เหนือกว่าการไปถึงจุดหมายปลายทาง คือกระบวนการ ขั้นตอน การวางแผน การเดินทาง มันทำให้เราได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย ที่สำคัญ มิตรภาพ ที่เกิดขึ้น ไม่มีเพื่อน เราก็ไปไม่ถึง ลานสน เหมือนกัน
ขอบคุณ ทุกคน ค่ะ
การเดินทาง มีสิ่งดี ๆ รออยู่เสมอ
Let's go
ข้อมุลเพิ่มเติม
- รถโดยสารรอบแรกจากพิษณูโลก ไป อ.ชาติตระการ คือ ตี5 จะขึ้นที่สถานีขนส่งพิษรณุโลก เก่า หรือใหม่ก็ได้ รถจะออกจากขนส่งเก่าก่อน แล้วแวะขนส่งใหม่ ก่อนจะออกเดินทางไปชาติตระการ ราคาตั๋ว 92 บาท
- ออกจากพิษณุโลกตีห้า ถึง ชาติตระการประมาณ 8 โมงเช้า
- ถ้าไม่ได้เตรียมของกินมา ให้ลุงที่ขับรถแวะตลาดก่อนได้ มีข้าเหนียว ไก่ย่าง หมูปิ้ง เซเว่น หาซื้อของกินได้
- ค่าเข้าอุทยานวันธรรมดา 20 บาท เสาร์ อาทิตย์ 40 บาท ต่อคน
- ราคารถเหมาจากท่ารถที่ อ.ชาติตระการ ไป อุทยาน เราได้ 900 บาท ต่อเที่ยว ไปกลับ 1800 ขากลับก็นัดลุงที่ขับรถมารับ เวลาไหนก็นัดกันเองนะคะ แต่ควรกลับให้ถึงตัวอำเภอชาติตระการไม่เกินสี่โมงเย็น เพราะรถรอบสุดท้านที่เข้า อ. เมือง มีประมาณ 17.10น.
- ค่ามัดจำขยะต่อกลุ่ม 200 บาท ได้คืนตอนลง เค้านับจากขวดน้ำเอาค่ะ อย่าลืมทิ้งไว้ข้าทางล่ะ ^^
- ลูกหาบ โลล่ะ 35 บาท
- ค่าเช่าเต๊น เหมาครบชุดคือ เต๊น เบาะรองนอน หมอน ถุงนอน 900 บาท สำหรับนอนได้ 3 คน คือมีหลายแบบ หลายราคานะคะ ลองโทรไปถาม หรือติดต่อก่อนขึ้นเลยก็ได้ มีป้ายบอกชัดเจน
- ค่าเช่าอุปกรณ์ที่เราเช่า คือ เตาแก๊ส 100 บาท แก๊สกระป๋อง 80 บาท ถังน้ำใบละ 10 ขันน้ำ ใบละ 10
- เราเริ่มเดินขึ้น 11.20น. ถึงประมาณ 17.10น.
- ระหว่างเดิน เตรียมน้ำ ใส่เกลือแร่ อย่างน้อย 2 ขวดเล็ก เพื่อเติมน้ำให้ร่างกายตลอดเวลานคะ ไม่งั้นไม่ไหวแน่ ๆ
- ด้านบนมีที่กรอกน้ำ เป้นน้ำที่รองไว้จากฝนค่ะ
- ขากลับ เริ่มเดินลง 9.50น.ลงพานั่งพัก แล้วกลับไปสำนักงานอทุยาน รับค่ามัดจำขยะคืน ออกจากอุทยานประมาณ 14.30น. ถึงชาติตระการ 15.50น.
- สามารถขอใบรับรองเดินขึ้นภูสอยดาวได้เมื่อขึ้นไปถึง กับเจ้าหน้าที่ หรือถ้าลืม ก็ลงมาติดต่อข้างล่างได้เช่นกัน เสียค่าส่งทางไปรษณีย์แล้วแต่เราจะให้
- รถรอบสุดท้ายที่กลับพิษณุโลก 17.10 น. ราคา 87 บาท ถึงขนส่งพิษณุโลกใหม่ 19.30 น.
- รถกลับกรุงเทพน่าจะมีตลอกนะคะ เพื่อนเราได้รอบรถประมาณ ห้าทุ่ม ถึง กทม น่าจะเช้าพอดี
@ลานสน ภูสอยดาว
ด้านบน จะมีสำนักงานของเจ้าหน้าที่อยู่ ให้เราเอาใบที่ได้จากด้านล่าง มาติดต่อรับของด้านบน ที่นี่มีค่อนข้างครบเลยล่ะ หม้อ เตาแก๊ส ถ่าน เตา กาต้มน้ำ ใกครอยากได้อะไรก็แจ้งเจ้าหน้าที่ เช่า ชำระเงิน
ที่เราจำเป็นต้องเช่าอีกอย่าง คือ ขันน้ำ กับ ถังน้ำ เพราะที่นี้ช่ไม่มีก๊อกน้ำ เราต้องไปตักน้ำมาอาบในห้องน้ำกันเองค่ะ น้ำสะอาด ไม่น่ากังวลเท่าไร แต่ที่น่ากังวล คือ ความเย็น มันเย็นมากค่ะ เราไปหน้าฝนนะ ขึ้นไปถึง ห้าโมงเย็น อากาศก็หนาวแล้ว ยิ่งใครได้ไปช่วงหน้าหนาว เราว่า ต้องเตรียมตัวกันดี ๆ เลยล่ะ
ข้อดีของการไป ถูสอยดาว หน้าฝน คือ เราจะได้เห็นดอกหงอนนาค ซึ่งจะมีแค่ช่วงหน้าฝนเท่านั้น แต่จะลำบาก ถ้าเราเจอฝนตกหนักระหว่างทาง มันจะ มันส์.................มาก ลื่น ตลอดทาง เท้าต้องคอยจิกดิน หิน เอาไว้ อย่างมั่นคง รองเท้าสำคัญมาก!!!! กรุณาใช้แบบที่มีดอกยางเยอะ ๆ เพื่อความปลอดภัยของคุณเองนะคะ
คำเตือน!!! หลังจากลงภูแล้ว อาจจะลำบากกับการเดินขึ้น ลง บันได ไปอีกประมาณ 2 3 วันนะคะ เตรียมรับมือไว้ด้วย
The End