ภูสอยดาว

สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้บันทึกการเดินทางไปยังภูสอยดาว(ไปคนเดียว)

กับการเก็บภาพต่างๆสร้างเป็นเรื่องราว มุมมองต่าง เป็นบันทึกเรื่องราวระหว่างทาง

ทริปที่เกิดจาก ความสงสัย ความบ้า และความอินดี้ของผม

"น้อยคนนะน้อง ที่จะมาภูสอยดาวคนเดียว"

งานนี้มี โหด มัน ฮา แน่นอนครับ

เก็บประเป๋าแล้วออกเดินทางกันนนนน . . .

ภาคที่สอง : http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8393

ภาคที่สาม : http://www.thetrippacker.com/th/review/location/8408

Page :https://www.facebook.com/Therewithwhat

วันนึงผมไปเปิดพันทิปแล้วไปเจอกระทู้นึง  เมื่อสองชะนีบ้าพากันคึก ขับมอไซค์ไประทึกที่ " ภู ส อ ย ด า ว " กับเรื่องราวที่คาดไม่ถึง...?! (เครดิด : http://pantip.com/topic/34106150)

ผมจึงเขาไปอ่านดู เฮ้ยยยย น่าสนว่ะ จึงเกิดคำถามว่า "ทำไม เขาถึงไปกัน?" "แล้วที่นั่น มันมีอะไร?" เลยหาขอมูลดูว่า ภูสอยดาวนี้อยู่ที่ไหน อะไร ยังไง จึงได้รู้ว่าภูสอยดาวตั้งอยู่ที่ ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ฮึ่มมมมม . . . อุตรดิตถ์ ห่างจากที่เราอยู่ 400 กิโล ไม่เท่าไร เดินเท้าขึ้นเขา 6.5 กิโล!!! แม่เจ้า!! มันช่างไกลแท้ ไม่เป็นไรยังไงก็จะไป เพื่อหาคำตอบ จะรออะไรล่ะฮะ เตรียมตัวสิ!

เนื่องจากผมแพลนทริปเป็นเดือน จึงมีเวลาเตรียมของนานมากๆ อะไรมีเตรียมไป อะไรไม่มีซื้อ ซื้อไม่ได้ก็ขอยืม 555+ พร้อมทั้งฟิสร่างกายแบบเต็มที่ วิ่ง วิ่ง และวิ่ง ทุกวัน(พอได้มาเดินขึ้นเขาจริงๆเลยรู้เลยว่าที่ซ้อมไปทั้งหมดไม่มีผลอะไรกับการเดินขึ้นเขาจริมๆ T T )

สัมพาระ(พาระจริงๆ) เนื่องจากผมเป็นผู้ชายของใช้เลยไม่เยอะมาก หาเป็นผู้หญิงอาจจะเยอะขึ้นมาหน่อย แนะน้ำให้พกไปเฉพาะของที่จำเป้นเท่านั้น เพราะมันจะเปลีองน้ำหนัก

แพลนวันเดินทาง ผมทำงานมีวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ตลอดเลยมีวันเดินทางเยอะหน่อย เลยกำหนดไปวันที่ 31 ต.ค. - 1 พ.ย. คนน้อยดี 555 เนื่องจากผมเคยมีแผนจะไปช่วงวันหยุดยาว 23-25 ต.ค. แต่ผลไปตามคาด คนเยอะมากกกก เยอะจนลูกหาบไม่พอ เลยเลื่อนวันที่จะไปแทน ไม่งั้นคงไปแย่งที่กับชวนบ้านจนโดนถีบตกเขาแน่ 55

จึงกะว่าเดินทางไปนอนที่บ้านญาติที่ พิษณุโลกก่อนในคืนวันที่ 30 เพื่อลดภาระทางร่างกายกับการเดินทางระยะไกล

วันเดินทาง

วันเดินทางวันแรก 30 ต.ค.

วันศุกร์แห่งชาติที่งานเยอะมาก แต่ก็ลางานบ่ายออกมาจนได้555 เมื่อขับรถมาถึงที่เมือง พิษณุโลก ก็ต้องแวะสักการะ พระพุทธชินราช ประจำวัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร(วัดใหญ่) วันคู่เมืองของจังหวัด พิษณุโลก 

เมื่อขับรถมาจอดผมก็ไปสะดุดตากับ เหล่าสาวน้อยที่สวมชุดไทย เพื่อรำผมไม่รอช้า รีบจอดรถแล้วก็ไปถ่ายรูปรัวๆ

น้องเสื้อม่วงเสียงดีมาก น่าจะไปประกวดไมล์ทองคำ ^^

นางรำ รำหน้านิ่งมากครับ(นิ่งไปมั้ยยย) พอผมบอกให้ยิ้มหน่อย ทำเมินผมเฉย(น้ำตาจิไหล) T T

พอผมนั่งดูน้องๆเหล่านี้รำไป ผมก็คิดว่า เราหลงลืมอะไรบางอย่างไปรึเปล่า วิ่งตามกระแสที่สังคมเขาตามๆกันไป สิ่งเหล่านี้กำลังสูญหายไปกำกาลและเวลา มันกำลังจะตายไป แต่ยังมีกลุ่มคน อันน้อยนิดที่ยังสืบสารศิลปะเหล่านี้ต่อไปเพื่อที่มันยังคงอยู่ต่อไป ให้ได้เห็นได้รับชม ในมุมเล็กมุมนึง ก็ยังมีภาพที่สวยงาม มันอยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะมองหรือมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไป

นั่งดูกัไปเพลินๆนึกขึ้นได้ พระอาทิตย์จะตกดินแล้วนี่หว่า รีบไปเดินหามุมถ่ายภาพกันก่อนแสงจะหมดดีกว่า

เหล่ามักกุเทศตัวน้อยๆมาแนะนำสถานที่ให้กับพี่ฝรั่ง ผมก็แอบเก็บภาพหน้ารักๆมาฝาก แน๊ะมีแอบเหล่มอง ^^ หน้าทางเข้าอุโบสถ จะเห็นองค์พระพุทธชินราชเด่นชัดมาก คนมากถ่ายรูปเยอะมาก ผมก็รอคนน้อยๆจึงได้ภาพมา 

ส่งสัยใช่มั้ยครับว่าทำไมคนเยอะจัง เพราะทุกวันศุกร์ จะมีการมาสวดมนต์ ผู้คนเลยมาสวดมนต์กัน ผมก็เข้าไปร่วมสวดด้วยนะ แต่สวดไปได้2หน้า โดนไล่ที่ เพราะไปนั่งทับที่ ที่พี่ผู้หญิงเขาจองไว้555 เลยไม่ได้สวดต่อเลยมาถ่ายรูปหน้าวัดแทน

พอหน้าผมแตกก็รีบเก็บเศษหน้าที่ตกอยู่แล้วเดินออกมา ไปเจอน้องหมานอนขี้เกียจอยู่หน้าอุโบสถ บางที่ผมก้นึกสงสัยนะ ว่าชิวิตหมามันดูจะง่ายๆ กินๆนอนๆ สืบพันธ์ แต่ชีวิตคนเรากลับยุ่งเหยิง วุ่นวาย เป็นเพราะว่าเราฉลาดกว่า หรือเพราะเรา "เยอะ" กว่ากันแน่? บริเวณส่วนอื่นๆของวัด พระอาทิตย์ตกไปแล้วเด็กยังคงเล่นสนุกกัน บางทีก็ผมอยากกลับไปเป็นเด็กนะ เป็นเด็กดูมีความสุขในแบบเด็กๆ เล่นสนุกไป อะไรๆก็ต่างดูน่าสนใจ พอโตขึ้น เมื่อโลกแห่งความเป็นจริงเข้ามา ความสุขที่มีเหมือนจะลดน้อยลง แสงธรรมชาติหมดไปละ ทีนี้ไปเก็บแสงอย่างอื่นดีกว่า แสงอะไรเหรอ? แสงของรถที่วิ่งไปมาไง(ถามเองตอบเอง เพราะอยู่ตัวคนเดียวไม่รุ้จะคุยกะใคร คุยกะตัวเองไปก่อน 55)

ภาพยามเย็นบนสพานหน้าวัดใหญ่นะครับ

ยามเย็นละ เริ่มหิวเลยเดินทางไปยังบริเวณร้านนมริมแม่น้ำ(จำไม่ได้ว่าเรียกอะไร แต่ญาติบอกแถวนี้บรรยากาศดี) ฮึ่มมม มันก็ดีจริงๆครับ อาหารราคาไม่แพง กินนมเย็นๆ เคล้าแสงไฟอ่อนๆ ลมหนาวช่วงต้นเดือน พฤษจิกา กับเพลงชิลๆสบายๆ มันช่างดีแท้(ลืมถ่ายรูปอาหารมา ตอนนั้นหิวมาก ไม่มีอารมถ่ายเลย 55)  เนื่องจากผมพึ่งเลยมาพิษนุโลกน้อยครั้ง ผมเลยจำทางไปบ้านญาติไม่ค่อยได้ ก็เลยขับมอไซมั่วๆ แล้วก็ไปเจอกับ

พิษณุโลกไนท์บาร์ซ่าร์ จอดรถสิครับ เก็บภาพบรรยากาศกัน

ยืนมาบรรยากาศตอนั้นอยู่นาน ป้าคนขายก็ทัก

"หนูๆอย่ามัวแต่ถ่ายรูป มาซื้อของป่าก่อน" ยิ้มให้แล้วบอก "ผมอื่มแล้วครับป้า กินไม่ไหวละเก็บภาพบรรยากาศละกันครับ" ส่งยิ้มไป ป้าแกก็ยิ้มตอบ ^^ 

"พี่ๆ รองเท้าแตะอันนี้เท่าไรอะ"

"89 น้อง"

"80 ได้มั้ยอะ"

"90"

"อ้าว จะต่อเพิ่มราคาเฉยย ลดหน่อยเถอะพี่"

"ได้89 ต่อเป็น 90"

จำใจควักเงินซื้อไปเพราะถูกที่สุดในตลาดละ 55 โฉมหน้าเข้าของร้าน ขอถ่ายยังไงก็ไม่ให้ถ่าย ไม่เป็นไร เบลอๆก็ได้55

ออกมาจากร้านหน่อยๆ ก็เดินไปเจอกับลุงคนนึง แกถือกองกะฐินมาตามร้านต่างๆให้ช่วยกันทำบุญผมก็ขอร่วมด้วย

เลยขอถ่ายสักรูปนึง

เราต่างมีเครื่องบอกเวลามากมาย แต่เรากลับเหมือนมีเวลาอยู่บนโลกเราน้อยลงไปทุกวัน บางทีก็คิดถึงช่วงเวลาที่เราเป็นเด็กๆ แล้วตาโต ร้องโหววว เวลาเห็นพวก หุนยต์ การตูนต่างๆ มีความสุขจัง หลังจากที่ผมเดินไปเดินมาในตลาด ผมดันเกือบเดินชนกับผู้หญิงคนนึงเขาเดินคุยกะเพื่อนแล้วไม่ได้มองผม ผมก็พยักหน้าขอโทษเขา แต่พอเดินผ่านเขาไปเขาก็พูดมาว่า "นี่มันวิถีไบค์เกอร์" ผมก็หันไปทางเสียง เขาก็หลบหน้าแล้วรีบเดินหนี้ไป เขาคงเขิลผมมั้ง(ผมว่าหน้าผมโหดมากกว่า55) เพราะว่าผมใส่เสื้อการ์ดขับมอไซเดินตลาด ไม่โดนแซวก็อาจจะว่าบ้าก็ได้ 55 คนนี้กลับไปนอนก่อน รีบนอนเพราะต้องเดินทางแต่เช้า

วันที่สอง 31 ต.ค.

เมื่อคืนผมนอนไปแต่ 3 ทุ่มแต่ดัน ตื่นมาตอนตี2ครึ่งแล้วก็หลับไม่ลง อันที่จริงต้องตื่นมาตี5 แล้วตื่นมาทำไมวะเนี่ย ข่มตาหลับ นับแกะ นับเลข ฟังเพลง มันก็ไม่หลับ ช่างมันนอนนิ่งๆเดี๋ยวก็หลับ สรุปหลับได้หน่อยนึง ก็ตื่นตามนาฬากาปลุก เตรียมตัวล้างหน้าแปรงฟันอาบน้ำให้เรียบร้อย จัดของแพ็กขึ้นรถมอไซเสร็จ แต่เรื่องซวยก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะผมลืมรัดขาตั้งกล้อง แต่กลับวางมันไว้เฉยๆ ที่บนกระเป๋า พอขับไปมันก็หล่นแล้วรถที่ขับตามมาทับ ซะจนเละไม่มีชินดีเลย ทริปนี้เลยลำบากกับการถ่ายรูปพอสมควร และได้บทเรียนเรื่องการแพ็กของมาอีกบทเรียนนึง(ร้องไห้หนักมาก)

เรื่องร้ายๆก็ทิ้งมันไปการเดินทางยังคงอยู่ ผมยังเดินทางต่อไป ^^ 

หากขับรถมาจากทางพิศนุโลกเพื่อจะไป อ.ชาติตระการ ก่อนถึงจะมี 3 แยกใหญ่มีป้ายทางเข้าเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 13กิโลเมตรมีลูกศรชี้ให้เลี้ยวขวา เนื่องจากผมไม่รู้ว่ามันสวยรึเปล่าจอดรถนั่งคิดอยู่พักนึง จึงตัดสินใจเลียวรถเข้าไปวัดใจเลยว่ามันจะสวยแค่ไหน ขับรถไปก็ถามชาวบ้านไป จนไปถึง ฮึ่มมมมมมม . . . เป็นภาพที่เห็นแล้วสดชื่นมาก สวยแบบปะหลาดใจ คิดไม่ผิดจริงๆที่เดินทางเข้ามา

ด้านบนของเขื่อน ตรงสันเขื่อนพี่ยามบอกไม่ให้เรารถเข้าไปเสียดายจัง แต่มุมนี้ก็สวยไปอีกแบบครับ

อันที่จริงมันที่ภาพพานอราม่า แต่เอาลงให้ดูไม่ได้ขนาดภาพมันใหญ่ เกินไป ตามไปดูในเพจละกันนะครับ จะลงไว้แยกกัน สูดความสดชื่นให้เต็มปอดแล้วเดินทางกันต่อ ไปยัง อำเภอ ชาติตระการเพื่อตุนสะเบียงอาหารสำหรับขึ้นไปที่บนภู เพราะที่บนภูไม่มีอะไรขาย มีแต่อุปกรณ์ต่างๆให้เช่าแทน

ขับรถมาประมาณชั่วโมงกว่าๆ ถึงละครับตัวตลาด ชาติตระการ

มาถึงก็ซื้อของที่จำเป็นได้เลย ที่นี้มีของค่อนข้างเยอะมาก ทั้ง เซเว่น โลตัส แถมมีตลาดสดอยู่ด้วย ครบครันจริงครับ

แวะกินข้าวสักหน่อย เวลาที่ถ่าย 8โมงครึ่ง 

"ป้าๆ ไม้เท่าไร?"

"เท่านี้แหละลูก"

ราคาอาหารที่นี่พอๆกับที่อื่นนะครับ ไม่แพง ไก่น่องใหญ่ๆก็น่องละ30 แต่ที่ผมซื้อเป็นไม้ละ 15 บาท 2 ไม้ ใส้อั่ว(รสชาติดีมาก) 1 อัน ข้าวเหนียว 3 ห่อ  ห่อละ 5 บาท ระหว่างที่กำลังนั่งกินไก่ย่างกับขนมครก อย่างเมามัน เหลือบขวาไปเห็นนั้กท่องเที่ยว เดาได้เลยไปภูสอยดาว เลยลองถามดู เขาก็บอกไปภูสอยดาว เขามากัน10กว่าคน เยอะจัง  เขาถามผมว่ามากับใคร ผมบอกมาคนเดียว ขับมอไซมา เขาทำหน้าตกใจ เขาคงพูดในใจไอ้นี่บ้ารึเปล่า55 หลังจากนั้นก็ลากันแล้วผมก็แยกย้ายไปซื้อของมาตุนไว้เพิ่มเติม

หนทางมันช่างยาวไกลยิ่งนัก ทั้งทางโค้ง คดเคี้ยวไปมาระหวางหุบเขาใครที่นำรถมาเองแนะนำให้ใช่ความระมัดระวังอย่างสูงนะครับ เพราะนอกจากทางที่โค้งเยอะแล้ว รถชาวบ้านระหว่างทางก็มีเยอะพอสมควร

ขับรถมาได้พักใหญ่ๆ ก็จะถึงทางแยกไป บ้าน โคก และ อำเภอ นาแห้ว จะมีพี่ ตชด. ประจำอยู่ แวะพักรถ กับกินน้ำกินท่าได้ พี่ตำรวจอัทยาศัยดี ยิ้มตลอด ชวนคุยได้พักนึง พี่ก็บอกว่าช่วงวันก่อนคนคึกคักมาก รถผ่านตลอด ดีแล้วที่มาช่วงน้อยๆ ไม่วุ่นวาย "ขับมาไกลขอให้สนุกนะน้อง" เก็บรอยยิ้มแล้วเดินทางจากมาทางต่อจากนี้จะไม่ค่อยดี ขับรถระวังๆหน่อยนะครับ ระยะทาง13กิโลจากนี้ ใช้เวลาขับนานพอสมควรเลย(ทางแย่มาก)

เฮ้ยยยยยยย เห็นยอด 2100 เมตรแล้วววว เดินทางมาตั้งนาน

ยังงงงงงงง . . . มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ขอการเดินทางเท่านั้น พรุ่งนี้จะมาทำภาคตอนนะครับ ตอนนี้ดึกมากแล้ว