ด้วยความคิดที่ว่า " เดิน Shopping ทั้งวันยังทำได้เลย เดินเที่ยวบนภูกระดึงสบายยย "
วันที่ 22 ตุลาคม 2561
พวกเราตื่นกันตั้งแต่ดตี 5 เพราะว่าเรามีนัดกับพระอาทิตย์ที่ผานกแอ่น ^^ ว่าไปนั่น จริงๆแล้วก็ตื่นมาให้ทันเจ้าหน้าที่เขานำทางไปที่ผานกแอ่น แต่พวกเรามัวแต่โอ้เอ้เลยไม่ได้ไปเป็นกลุ่มแรก แต่ไม่ต้องกลัวหลงทางค่ะ เพื่อนเยอะมากกกก หมายถึงจำนวนนักท่องเที่ยววันนั้นเยอะมากจริงๆ ก็เดินตามกันไปเรื่อยๆ ไม่มีหลงค่ะ
พอไปถึง โอ้วววโห้ววววว คนเยอะมากกกกกกกกจริงงงงงงจริงงงงงง จากนั้นก็พยายามหามุมของตัวเองและตั้งกล้อง ค่ะ ภาพที่ได้ก็สวยงาม style cloudy 55555 คือนอกจากคนเยอะแล้วเมฆก็ยังเยอะอีกด้วย
ดูเป็นภาพวีดีโอได้ใน Youtube นะคะ (เป็นวีดีโอตัวแรกที่ทำ อาจจะไม่ดีเท่าไร แหะๆ)
https://www.youtube.com/watch?v=uqFjn_FbdKs&t=178s
ภาพของเมฆหมอกและแสงแดด
พอสว่างจนมองเห็นว่าใครเป็นใครแล้ว (แต่ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นใครอยู่ดี ก็ไม่รู้จักเขาหนิเนาะ 5555) พวกเราก็เดินทางกลับมาหาข้าวกิน และ เตรียมตัวไปเดินเที่ยวต่ออีก พรรณไม้ระหว่างทางเดินกลับ ดูเหมือนจะเป็นพวกมอสกับเฟิร์นมันสวยมากๆ มันทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ที่อื่นเลย เหมือนไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย เหมือนไม่ได้อยู๋ในโลกเลย 555555 (โอเวอร์ไปมั้ย) เห็นคนอื่นๆแวะถ่ายรูปกัน เราก็จัดบ้าง
ร้านอาหารด้านบนก็ราคาตามความสูงนะคะ ยิ่งสูงก็ยิ่งแพง แต่ปริมานนี่สุดๆไปเลยค่ะ เยอะมากกก บางร้านก็มีที่ใช้ชาร์ทแบทฟรีนะคะ แต่ถ้าเช้านั้นยังไม่มีแดดก็ยังชาร์ทไม่ได้ 555
การได้กินปาท่องโก๋คู่กับกาแฟตอนเช้าๆ บนรภูกระดึงเป็นอะไรที่ฟินมากนะคะ (แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมา) แนะนำให้ไปลองนะคะ
หลังจากที่ท้องอิ่ม พวกเราก็ออกเดินทาง โดยเราเลือกไปเส้นทางน้ำตกก่อนค่ะ แล้วจึงเดินทางไปสู่เส้นทางหน้าผาค่ะ ระยะทางทั้งหมดก็ประมาณ 23 km ฮ่าๆๆๆ ป่ะเริ่มได้
1st Check point น้ำตกวังกวาง ไปถึงก็มีเพื่อนๆไปถึงกันเยอะมากๆแล้วค่ะ ถ้าใครรักการถ่ายรูปแนะนำว่าให้มาวันธรรมดา หรือไม่ก็เสาร์-อาทิตย์ ที่ไม่ใช่ช่วงเทศกาลนะคะ ไม่งั้นก็ต้องหาจุดที่องค์ประกอบดีที่สุด
2nd Check Point น้ำตกเพ็ญพบใหม่ เป็นน้ำตกที่ 2 พี่เพ็ญค้นพบนะคะ เลยได้ชื่อว่าเพ็ญพบใหม่ ถ้าน้ำเยอะกว่านี้คงจะสวยมากๆ ไว้มาแก้มืออีกทีเนาะ
3th Check Point น้ำตกโผนพบ น้ำตกอันนี้ก็คงเป็นพี่โผนเป็นคนค้นพบนะคะ น้ำค่อยข้างเยอะ สวยงามนะคะ ต้องขอโทษเพื่อนๆด้านบนน้ำตกด้วยที่ถ่ายเบลอ 55555
4th Check Point น้ำตกเพ็ญพบ พี่เพ็ญค้นพบที่นี่เป็นที่แรกนะคะ สวยเนาะ
ก่อนจะไปถึงจุด check point ที่ 5 อยากแชร์ภาพเส้นทางนิดนึงค่ะ มันทำให้รู้สึกว่าอยู่คนละโลกเลยจริงๆ ชอบมากๆเลยค่ะ อากาศไม่ร้อนไม่หนาว และยิ่งสนุกตรงที่มีฝนตกปลอยๆ ด้วย ถ่ายรูปไปต้องห่อกล้องไปด้วย 5555 และเป็นเส้นทางที่ผจญภัยมากๆค่ะ มีทั้งโคลนเลน น้ำ และทากน้อย ระหว่างทางเนะนำให้นำน้ำไปด้วยนะคะ คนละขวดเพราะเส้นทางน้ำตกไม่มีร้านค้าเลยนะคะ
รูปนี้แอบออกนอกเส้นทางไปถ่ายนะคะ ก็วิวมันสวยให้ทำไงได้
5th Check point น้ำตกถ้ำพระ ในที่สุดก็มาถึง ^^ น้ำน้อยมาก ลองถามพี่ที่ร้านค้าว่าทำไมน้ำตกน้ำน้อยจัง พี่เขาเลยบอกว่า มาๆ เด๋วพี่เพิ่มน้ำให้ 555555 (ตึ่งโป๊ะ มุกนี้ยังจะเล่นอีก) คำตอบที่แท้จริงคือ ฝนเพิ่งจะตกเมื่อวันสองวันนี่เอง น้ำเลยไม่เยอะเท่าไรจ้าาาา และครั้งหน้าจะขอถ่ายให้สวยกว่านี้ค่ะ
มาถึงจุดแยกค่ะ ทั้งแยกทางและ แยกทีม 5555 พี่สาวกับหลานขอตัวกลับไปรอที่เต้นท์ก่อน เพราะฝนตกและหลานก็รู้สึกเหมือนจะไม่สบายและพี่สาวนางก็อยากพักด้วย เราก็เลยต้องไปต่อคนเดียว T^T ก็เรามันขาลุย 55555 จัดไปจ้า
ถึงตอนนี้ก็ Alone มากค่ะ เพื่อนๆ นักท่องเที่ยวบางคนก็ตัดสินใจกลับไปที่จุกกางเต้นท์กัน ก็จะเหลือแบบหล่อมแหล็มมากค่ะ คนน้อยมาก แต่เส้นทางชวนตะลึงมาก อย่างที่บอกไว้ที่หัวข้อรีวิวนะคะ มันเหมือนอยู่อีกโลกจริงๆ
ถ้าเลือกมาทางนี้แล้วไม่ต้องกลัวเรื่องรองเท้าเปียกนะคะ ให้มันเปียกไปเลยค่ะ ดีว่าปล่อยให้เท้าเราร้อนจนเกิดอาการเมื่อยล้านะคะ การให้น้ำเย็นๆเข้าไปที่เท้าเราช่วยได้เยอะเลยค่ะ
ส่วนเส้นทางก็เป็นทางราบๆเรียบๆ ดินส่วนใหญ่เป็นดินทรายนะคะ แปลกมากเลยค่ะ รู้สึกเหมือนวาร์ปมาอีกที่เลย
6th Check Point สระอโนดาต ที่นี่แสงสวยมากค่ะ และอย่างที่บอกคนไม่ค่อยเยอะ แต่เรามาคนเดียวจะลงไปเล่นน้ำก็กลัวกล้องจะหาย 55555 และกลัวกลับไปถึงเต้นท์มืดเกินไป
7th Check point น้ำตกถ้ำสอเหนือ เป็นน้ำตกที่น้ำเยอะมากและแรงมากจริงๆค่ะ อันนี้ได้มีโอกาสลงไปยืนค่ะ น้ำแรงมากจริงๆ คือแบบเวลาเดินต้องค่อยๆเดิน เพราะถ้าพลาดไปก็ลงเหวนะคะ และเราก็ต้องผ่านเดินผ่านน้ำตกนี้เพื่อตรงไปยังผาหล่มสักค่ะ
ระหว่างทางก็นะ แปลกตา แปลกใจ ต้นไม้ตรงนี้ก็จะเป็นต้นสนค่ะ ไม่แน่ใจว่าสนสามใบหรือสองใบ ยังดูไม่เป็นค่ะ (ถ้าใครมีความรู้โปรดชี้แนะด้วยนะคะ) พอเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นพืชที่คล้ายๆเฟิร์น และอีกเช่นเคย ไม่แน่ใจว่าเป็นเฟิร์นหรือป่าว อิอิ
เดินไปเรื่อยๆ ป้ายบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ฝนก็ยิ่งตกหนัก คิดในใจเลยว่า วันนี้คงไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ที่ผาหล่มสักแล้วฝนตกหนักมากจริงๆ แบบไม่ลืมหูลืมตา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
8th Check point ผาหล่มสัก ถึงสักทีเส้นทางยาวไกลมาก แต่ก็พิสูจน์ได้ว่า การเดินshopping ทั้งวันไม่เหมือนกับมาเดินป่าเลยนะ เพราะเดินป่าสนุกกว่ามาก เดินห้างก็ต้องเสียตังค์ แต่นี่เดินมาทั้งวันล่ะ เพิ่งได้กินแค่ข้าวเช้าเอง แต่ก็ไม่รอช้านะ พอมาถึงที่นี่ก็จัดข้าวราดพริกแกงไก่เลย ไม่ได้กลัวแสบท้อง หรือท้องเสียใดๆทั้งสิ้น 5555 และหิวมากจนลืมถ่ายรูปไว้เลย
ระยะทางทั้งหมดจากจุดแยกถึงผาหล่มสักก็ประมาณ 9 Km. เราใช้เวลาเดิน ประมาณ 4 ชม. เรากินข้าวอิ่มหน่ำแล้วฝนก็ยังไม่หยุด ก็ต้องรอไปนะ ระหว่ารอเราก็ขอพี่ร้านค้าชาร์ทแบทกล้องด้วย ร้านนี้ก็ฟรีนะ เป็นร้านตรงมุมสุดทางซ้ายุถ้าหันหลังให้ผาหล่มสัก
คนที่นี่เยอะมาก ไม่ว่าจะร้านไหน คือเขามารอดูพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ และรอฝนหยุดตก
จริงๆแล้วผาหล่มสักมาได้ 2 ทางนะ
1 คือทางตัดผ่านป่า ซึ่งก็คือทางที่เราเดินมาวันนี้
2 คือทางเรียบหน้าผา เส้นทางนี้ก็ต้องเดินทางทั้งหมด 9 km เหมือนกันนะ(นับจากผาหมากดูก) แต่ว่าสามารถปั่นจักรยานมาได้
แต่วันนี้เรามาทางตัดผ่านป่า และเราจะกลับทางเรียบหน้าผา อิอิ โหดมั้ย ตอนวางแผนก็คิดว่าไม่โหดหรอก แต่พอมาถึงจุดนี้แล้ว เราคิดว่าเราควรกลับไปวางแผนใหม่ 55555 รอได้สักพัก ฝนก็เริ่มเบาลงและก็หยุดสนิท เรารีบเดินไปที่ผาเพื่อดูพระอาทิตย์ สักพักเพื่อนๆก็มากันเต็มเลย 555 และไปคนเดียว เลยได้แค่ selfie กับผาหล่มสัก พร้อมกับเพื่อนๆ และคราวหน้าคงต้องหาแฟนมาด้วย ^^
เดินไปอีกนิดนึงก็เป็นหน้าผาเหมือนกัน เราเดินไปเจอเพื่อนๆพี่ๆ กลุ่มนึงกำลังถ่ายรูปกันอยู่ ก็เลยไปขอแชร์โลเคชั่นด้วย ^^
และขอปิดท้ายวันนี้ด้วยภาพเส้นทางเรียบหน้าผานะคะ แต่เนื่องด้วยยิ่งเดินก็ยิ่งมืด ก็เลยถ่ายได้แค่ติดเดียว
ระหว่างทางที่เดินกลับ มีโอกาสได้คุยกับคุณพี่ท่านนึง คุณพี่อายุเยอะแล้วนะ ถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะ 50 ได้แล้ว คุณพี่เป็นผู้หญิงค่ะ มาพร้อมกับเพื่อนๆ และครอบครัว จากกรุงเทพ เมื่อวานเป็นวันขึ้นเขา คุณพี่ท่านนี้มาถึงหลังแป ตอน 3 ทุ่มจ้า เราได้ฟังแล้วขนลุกเลย โหดมาก มาได้ไงมืดๆ และทางจากซำแคร่มาหลังแปโหดและชันมากและขณะนั้นฝนตกด้วย สุดยอดมาก มาพร้อมกับคนเจ็บ 1 คน หลังจากที่โทรให้เจ้าหน้าที่ไปรีบคนเจ็บมา คุณพี่ก็ต้องเดินมาพร้อมกับเพื่อนอีกคน และ มีเจ้าหมาดำตัวนึงเป็นไกด์นำทาง คุณพี่เรียกมันว่าเจ้า สำลี คุณพี่บอกว่าถ้าไม่ได้มันนี่แบบแย่มาก มันเป็นคนนำทางจากซำแคร่มาถึงจุดกางเต้นท์ ถ้าใครมีโอกาสได้ไปที่ภูกระดึง และถ้าเจ้าสำลีเข้ามาทักทาย ก็อย่าไปทำร้ายเขานะคะ เขาเป็นคนดูแลที่นี่นะ ^^
สรุปการเดินทางวันนี้ เป็นการเดินทางที่ไกลแสนไกลมาก และยาวนานมาก แต่ด้วยความสนุกทำให้เรารู้สึกเหนื่อยกายแต่อิ่มใจ และมีความสุข ระยะทางที่เดินไปทั้งหมดไปcheck ใน application Health ใน Iphone แล้ว เราเดินไปทั้งหมด 29 km มันคงรวมตอนเช้าที่เดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่นด้วย สรุปได้ว่าเราก็ถึกพอตัวนะ 5555
เป็นวันที่ได้พาร่างกายมาใช้งาน พาหัวใจกับสมองมาพัก พาดวงตามาเปิดโลกใหม่ พาปอดมารับอากาศบริสุทธิ์ มันดีนะ แนะนำให้มา