อินทนนท์ ดอยสูงหนาวสุดใจ

            ดอยอินทนนท์มีสภาพภูมิประเทศทั่วไปประกอบด้วยภูเขาสลับซับซ้อน เป็นยอดเขาที่สูงที่สุด สูงจาก ระดับน้ำทะเล 2,565 เมตร ยอดเขาที่มีระดับสูงรองลงมาคือ ดอยหัวมดหลวง สูงจากระดับน้ำทะเล 2,330 เมตร ป่าอินทนนท์นี้เป็นแหล่งกำเนิดของต้นน้ำแม่กลาง แม่ป่าก่อ แม่ปอน แม่หอย แม่ยะ แม่แจ่ม แม่ขาน และเป็นส่วนหนึ่งของต้นน้ำแม่ปิงที่ ให้พลังงานไฟฟ้าที่เขื่อนภูมิพล มีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เช่น น้ำตกต่างๆ โดยเฉพาะน้ำตกแม่ยะ ที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของประเทศ

v

v

v

การเดินทางเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม่บอกว่า "แม่อยากไปเที่ยวเหนือ" เท่านั้นแหละ ผมก็วางแผนท่องเที่ยวครั้งนี้ทันทีเลยครับ หลังจากหาข้อมูลตามเว็ปต่างๆ ก็สรุปได้ว่า "เราจะไปอินทนนท์กัน ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศไทย"


เราเดินทางจากอรัญประเทศไปเชียงใหม่ถึงที่พักที่จองไว้ "ดอยชัวร์ญ่า" ใช้เวลาประมาณ 14 ชั่วโมงครับ

ที่พักต้องจองล่วงหน้าหน่อยครับ เผื่อเต็ม >> http://www.doisureyacamping.com

พอจัดของเข้าที่พักก็ขับรถลงมาที่ "สถานีเกษตรหลวง อินทนนท์" เดินเล่นและหาอะไรกินครับ ตอนนี้อากาศเย็นลงอย่างรวดเร็วครับ ใครไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาก็....หนาวสิครับ

อาหารที่สถานีเกษตรหลวงราคาไม่เเพงครับ รสชาติโอเค ที่สำคัญ ผลไม้หวานมากครับ หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ก็กลับเข้าที่พักครับ อากาศก็หนาวมากครับสำหรับคนต่างจังหวัด อิอิ

ดอกอะไรก็ไม่รู้เป็นครับเป็นพวงๆ ดูสวยดี เลยถ่ายไว้ช่างภาพเองครับ ผมกับผบ.ก็ออกมาชมวิวช่วงกลางคืน แปลงดอกเบญจมาศก็เปิดไฟสว่างอยู่ด้านหลังครับ 

หลังจากนั้นก็เข้าที่พัก อาบน้ำ ถอดถ่านกล้องออกมาชาร์ต แล้วก็เข้านอน

v

v

v

เกิดอะไรขึ้น!!!   ตัดกลับมาอีกที กำลังนั่งกินอาหารอยู่หน้ากิ่วแม่ปาน???

"ก็ถ่านกล้องที่ถอดชาร์ตเมื่อคืนสิครับ มันเสื่อมไปเฉยๆ แบบว่า นิ่งสนิทไม่สามารถถ่ายอะไรได้ ตอนที่ขึ้นไปบนยอดดอยก็เลยไม่ได้ถ่ายอะไรซักกะรูป  เจ็บใจจริงๆ แต่ไม่เป็นไร ลงมาที่กิ่วแม่ปาน ซื้อถ่านใส่กล้อง แล้วก็ถ่ายต่อ เดี๋ยววันรุ่งขึ้น ค่อยขึ้นไปยอดดอยอีกครั้ง แก้มือ แก้มือ"

พระอาทิตย์ขึ้นสูงแล้ว อากาศค่อยอุ่นขึ้นหน่อย แต่ก็ยังหนาวอยู่ครับ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จก็เตรียมเดินตัวศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานกันต่อครับ   ดูหน้าแต่ละคนครับ Happy มากๆ เดินป่ากันสนุกสนานเลยครับ เดินมาสักพัก จะถึงสะพาน ด้านหลังมีน้ำตกเล็กๆ ให้พักถ่ายรูปได้ครับ ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ จะมีรอยเล็บหมีอยู่ครับ ตอนนี้เหลือแต่รอยครับ 
ดอกแดงๆ ที่เห็นอยู่นี่คือ "ขนุนดิน"ครับ จำไม่ได้แล้ว ว่าอันไหนเพศผู้ เพศเมีย  ดูลักษณะกิ่งไม้สิครับ คล้ายกันทุกต้นเลย   หลังจากที่เดินมาระยะนึงก็พ้นแนวป่า เห็นวิวสุดลูกหูลูกตาเลยละครับ อากาศดีมากๆดูรอยยิ้มแม่ผมสิครับ "กางปีกเตรียมบิน" นานๆ ผมจะมีรูปกับเขาซักรูปนึง ยืนได้ตรงไหน ก็ถ่ายตรงนั้น รูปก็เลยได้อย่างที่เห็นครับ รูปเดี่ยวอีกซักรูป
    กุหลาบพันปี สวยๆ ครับหน้าผาค่อนข้างชันครับ เดินระวัง ระวังด้วยครับหลังจากชมวิวเสร็จก็เดินตัดเข้าป่าอีกครั้งครับนั่งพักเหนื่อยกันก่อน จะสังเกตได้ว่าอากาศอุ่นขึ้นบวกกับความเหนื่อย เริ่มถอดเสื้อกันหนาวแล้วครับ 555   จุดนี้เรียกว่าหนอนต้นไม้ครับ ไม่รู้ใครไปใส่ตาให้ หนอนครับหนอน ถ่ายรูปหมู่ซักหน่อย กลุ่มเราที่เดินด้วยกันมีสองครอบครัวครับ   คนขวามือสุดคือไกด์ของกลุ่มเราครับ
หลังจากเดินศึกษาธรรมชาติที่กิ่วแม่ปานเสร็จแล้วก็กลับมาที่พักครับ "ดอยชัวร์ญ่า 114" หลังที่เราจองไว้เป็นบ้านแฝดมีสองห้อง เราจองได้แค่ห้องเดียว อีกห้องมีคนจองไว้ก่อนแล้วครับ เกือบไม่ทัน ็รถที่พาเราเที่ยวในครั้งนี้ครับ ไปกลับปลอดภัยไม่มีงอแงครับ ดอกไม้หน้าที่พักครับ ช่วงเย็นๆ ก็ขับรถไปที่สวนหลวงสิริภูมิครับ ภายในสวนมีน้ำตกและเฟิร์นหลายชนิดครับ และยังมีต้นพญาเสือโครงที่กำลังออกนอกให้ชมครับ นอกจากนี้ยังมีร้านค้าของชาวเขาให้เลือกซื้อสินค้าด้วยครับ ราคาไม่แพงครับ v v v
เห็นน้ำตกเเล้วอยากเล่นครับ แต่ด้วยอากาศที่หนาวเย็นสู้เลยไม่ไหวครับ ขอเก็บภาพอย่างเดียวครับ
"ดอกนางพญาเสือโคร่ง แม้จะร่วงโรย แต่ยังคงสวยงาม"
หลังกลับมาจากสวนหลวงแล้ว ก็ถึงเวลาเตรียมอาหารเย็นครับ ร้านอาหารอยู่หน้าที่พักพอดีครับ มีหมูกระทะ ซาลาเปา เเละเครื่องดื่มอีกหลายชนิดครับ ร้านนี้แหละครับ "กาแฟสดดอยชัวร์ญ่า" ขอลองชิมกาแฟสดซักหน่อย ผมสั่ง คาปูชิโน 1 แก้วครับ แก้วเป้งๆ เลยละครับ แน่นอนครับรสชาติไม่ผิดหวัง รวมไปถึงฤทธิ์ของคาเฟอีนที่ทำให้ผมไม่ง่วงนอนไปตลอดคืน กว่าจะได้นอนครับ ทำเอาผมตาโบ๋กันเลยทีเดียว แก้วนี้แหละครับ v                       v                       v มื้อเย็นของเราครับ "หมูกระทะดอยชัวร์ญ่า" กินกันเอร็ดอร่อย เลยละครับ หลังจากที่ออนทัวร์กันมาทั้งวัน
หลังจากกินหมูกระทะเสร็จก็พักผ่อนตามอัธยาศัยครับ อากาศก็เย็นจนไม่อยากจะอาบน้ำเลยละครับ แต่ยังดีที่ในห้องน้ำยังมีเครื่องทำน้ำอุ่นพลังงานแก๊ส ทำให้เราได้อาบน้ำชำระล้างร่างกายหลังจากเหนื่อยมาทั้งวันครับ   คืนที่สอง จบลงเพียงเท่านี้ รอเช้าวันรุ่งขึ้น จะขึ้นไปแก้มือบนดอยใหม่ครับ v v v v เช้าแล้ว เราลุกตั้งแต่ตีห้า ล้างหน้าล้างตา (ความจริงแค่เอาน้ำแปะๆหน้าครับ) แล้วเตรียมเดินทางขึ้นบนยอดดอยครับ แสงแรกเริ่มโผล่ครับ สวยงามมาก เดินเข้าไปด้านในเพื่อถ่ายรูปกับป้าย "สูงสุดแดนสยามครับ" ช่วงนี้หนาวจนแสบจมูกครับ หนาวมากๆ ครับ

และเเล้วก็ได้เห็นในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นครับ "แม่คะนิ้ง" น้ำค้างเเข็งบนยอดหญ้า ด้วยอุณหภูมิ -1.2 องศาC ทำให่สองข้างทางบนยอดดอยขาวโพลนไปหมดครับ ตื่นตาตื่นใจมากครับสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และแน่นอนครับอากาศก็หนาวมากๆ ด้วย  หลังจากลงมาจากยอดดอย เราก็มุ่งหน้าต่อไปยังขุนวางครับ เพื่อไปชม กล้วยไม้รองเท้านารีและดอกนางพญาเสือโครง ครับ ระว่างทางก็แวะร้านของฝากครับ ของฝากมีมากมายครับ  ออกจากร้านของฝากก็แวะรับประทานอาหารที่ร้านสวัสดิการครับ ก่อนจะเิดนทางต่อ กองทัพเดินด้วยท้องครับ   ถึงแล้วครับ "ขุนวาง" สถานที่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีชมพูที่บานเต็มต้น และกล้วยไม้นานาพันธุ์ ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ ความสวยงามนี้มันทำให้ผมหลงไหลเลยละครับ อิอิ   แม่ผมนี่ ตื่นตาตื่นใจมากเลยครับ งานนีท่านสนุกที่สุดครับ v v v ดูหน้าทำไมอิดโรยจัง?>>>>>>ก็หมูกระทะที่กินเมื่อคืน มันทำพิษนะสิ ระวังกันด้วยนะครับ
ถ่ายภาพให้ช่างภาพซักรูปครับ อิอิ ไม่ค่อยมีรูปเลย มัวถ่ายแต่คนอื่น
ดอกไม้สีชมพูนี้ สวยจริงๆ ครับ "ดอกนางพญาเสือโคร่ง"จบแล้วครับทริปนี้ ต้องขอบคุณ Hero ของเราด้วยครับ....................สวัสดีครับ