ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ธรรมชาติกลางดงป่าแห่งเมืองล้านนาตะวันออก อุทยานแห่งชาติดอยภูคา (Doi Phu Kha National Park) จ.น่าน
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ธรรมชาติกลางดงป่าแห่งเมืองล้านนาตะวันออก

    เมื่อเดินทางมาถึงถิ่นล้านนาตะวันออกแล้วทั้งที ก็ต้องขอไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ สูดอากาศเย็นๆ ให้ฉ่ำปอดซักหน่อย ซึ่งเราเลือกเดินทางมุ่งหน้าไปที่ “อุทยานแห่งชาติดอยภูคา” หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของจังหวัดน่าน ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าอันเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำหลายสายที่คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนมากมาย แถมตลอดเส้นทางจากตัวเมืองไปอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกด้วย

    • โพสต์-2
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556
    • โพสต์-3
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    เราตัดสินใจที่จะแวะเที่ยวให้ทั่วๆ อุทยานฯ แต่ด้วยเวลาที่มีอยู่ค่อนข้างจำกัด เราจึงเลือกเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวหลักๆ ก่อน เว้นไว้ก็แต่จุดท่องเที่ยวที่ต้องใช้เวลาเดินเท้านานๆ อย่าง ดอยภูแว ซึ่งต้องมีเวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืน ในการพิชิตยอดดอยภูแว และเพื่อความสะดวกในการเดินทางเราจึงเลือกพักในบ้านพักของอุทยานฯ ซึ่งก็มีให้เลือกหลายแบบ เริ่มกันตั้งแต่ลานกางเต้นท์ที่มีให้เลือกทั้ง “ลานดูเดือน” และ “ลานดูดาว” ขยับมาอีกหน่อยจะเป็นบ้านพักแบบง่ายๆ ชื่อว่า “บ้านเกวียน” บ้านพักทรงจั่วสำหรับ 2 คน แบบห้องน้ำรวมแบ่งแยกห้องน้ำชาย-หญิงไว้เรียบร้อย และ “บ้านภูคา”บ้านพักหลังใหญ่ที่สามารถพักได้ตั้งแต่ 4-6 คน ไปจนถึงบ้านพักขนาด 15-20 คนเลยทีเดียว ภายในบ้านภูคาจะมีพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งเตียงพร้อมชุดเครื่องนอน ห้องน้ำพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น กาต้มน้ำร้อน ตู้เย็น และระเบียงกว้างที่มีทิวทัศน์อันสวยงามของทิวเขาเป็นของแถม ส่วนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นห่วงบริเวณที่ทำการอุทยานฯ และบริเวณลานดูดาวมีร้านค้า ร้านอาหารไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยวที่ไม่อยากซื้อหาอาหารสดมาทำกับข้าวกินเอง ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ที่มีขายนั้นจะเป็นอาหารง่ายๆ อย่าง ข้าวผัด ผัดกระเพรา ไข่เจียว ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว รวมถึงอาหารกึ่งสำเร็จรูปต่างๆ จัดได้ว่าไม่ลำบากเลยกับการเดินทางมาพักค้างแรมท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้

    จุดหมายแรกของเราคือการไปชื่นชมความสวยงามของบรรยากาศตอนพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมทะเลหมอก ณ จุดชมวิว กม.8 ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะรีบเดินทางกันมาตั้งแต่เช้ามืดเพื่อให้ทันเห็นแสงแรงของวัน ใครมาก่อนก็มักจะมาจับจองพื้นที่ตั้งกล้องถ่ายรูปไว้ก่อน พอท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเสียงชัตเตอร์ก็เริ่มดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ จนเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นมาเต็มดวงภาพทะเลหมอกเบื้องล่างท่ามกลางหุบเขาก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น และแน่นอนว่าอากาศก็เย็นจับใจถูกใจคนชอบอากาศหนาวแบบสุดๆ ถ้าใครพลาดชมพระอาทิตย์ขึ้น ให้เปลี่ยนไปชมวิวสวยๆ ของพระอาทิตย์ตกกันที่ลานดูดาว ซึ่งรับรองว่าสวยงามไม่แพ้กันเลย นอกจากวิวธรรมชาติสวยๆ แล้ว ภายในอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีพันธุ์ไม้หายากอีกหลายชนิดที่จัดว่าเป็นจุดเด่นของที่นี่ทั้ง“ต้นชมพูภูคา” พันธุ์ไม้ยืนต้นหายากที่พบเห็นได้ที่เดียวในโลก “ต้นก่วมภูคา” พันธุ์ไม้ผลัดใบในวงษ์เดียวกับต้นเมเปิ้ล และ “ต้นเต่าร้างยักษ์” พืชเฉพาะถิ่นที่ยังไม่มีรายงานการค้นพบในแทบถิ่นอื่น ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแต่พบเห็นได้ภายในพื้นที่อุทยานฯ ทั้งสิ้น ทั้งตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จุดชมวิว และจุดแวะริมทางต่างๆ นอกจากนี้ระหว่างทางจากที่ทำการอุทยานฯ ไปยังจุดชมวิวกม.8 ยังมีจุดแวะที่สำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือ “ศาลเจ้าหลวงภูคา” ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมแวะมาสักการะขอพรกันก่อน และในบริเวณใกล้ๆ กันยังเป็นจุดชมต้นชมพูภูคาอย่างใกล้ชิด ชนิดที่ไม่ต้องออกแรงเดินหาตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติเลย

    • โพสต์-4
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556
    • โพสต์-5
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    นอกจากจุดชมวิวและพันธุ์ไม้หายากที่เราไปแวะชมกันมานั้น ภายในอุทยานแห่งชาติดอยภูคายังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้งน้ำตกต้นตอง น้ำตกตาดหลวง น้ำตกแม่จริม น้ำตกห้วยโกร๋น น้ำตกภูฟ้า ถ้ำผาฆ้อง ถ้ำหลวง ถ้ำผาแดง ถ้ำผาเก้า เป็นต้น รวมทั้งป่าดึกดำบรรพ์ขนาดใหญ่ที่อุดมไปด้วยระบบนิเวศน์ที่แปลกตา ซึ่งถ้าอยากจะมาเที่ยวให้ครบทุกรสชาติคงต้องหาเวลาแวะเวียนมากันบ่อยๆ เพราะการมาเยือนเพียงครั้งเดียวคงไม่เพียงพอแน่ๆ เช่นเดียวกันกับเราที่คิดหวังไว้ว่า ฤดูหน้าจะต้องหาโอกาสมาอีกให้ได้ ยังไงแล้วในแต่ละฤดูก็ย่อมมีความสวยงามที่ต่างกันออกไป

    • โพสต์-6
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    Note

    - อุทยานแห่งชาติดอยภูคา สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยเฉลี่ยจะมีอุณหภูมิเย็นสบายในช่วงหน้าร้อน และหนาวจัดในช่วงหน้าหนาว

    - ดอกชมพูภูคาจะบานสะพรั่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมของทุกปี ซึ่งสามารถหาชมได้ในอุทยานแห่งชาติดอยภูคาเท่านั้น

    - บ้านพักและจุดกางเต้นท์ภายในอุทยานฯ สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ โทร. 0 5470 1000, 08 2194 1349

    • โพสต์-7
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556

    Editor's Comment

    • จุดเด่น:
    • บริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคามีอากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี และหนาวจัดในช่วงฤดูหนาว ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวกันในช่วงนี้ นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้หายากใกล้สูญพันธุ์อย่าง ต้นชมพูภูคา ที่จะออกดอกบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมเท่านั้น รวมถึงต้นเต่าร้างยักษ์ที่พบเห็นได้ยากไม่แพ้กัน
    • จุดด้อย:
    • การเดินทางท่องเที่ยวตามจุดต่างๆ ภายในอุทยานฯ จำเป็นจะต้องมีรถส่วนตัว เนื่องจากแต่ละจุดตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร และในบริเวณอุทยานฯ ยังไม่มีรถประจำทางไว้ให้บริการด้วย
    • ข้อสรุป:
    • ภายในอุทยานฯ ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างพอเพียงทั้งบ้านพัก ลานกางเต้นท์ ร้านค้าสวัสดิการ ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองน่านที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว
    คะแนน
    • โพสต์-8
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ : ตำบลภูคา อำเภอปัว จังหวัดน่าน 55120

    GPS : 19.200417, 101.080783

    เบอร์ติดต่อ : 0 5470 1000, 08 2194 1349

    E-mail : phukha_np@hotmail.com

    Website : http://www.dnp.go.th/parkreserve/asp/style1/default.asp

    เวลาทำการ : 6.00-18.00 น. 

    ค่าธรรมเนียม :

    - ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท, เด็ก 20 บาท

    - ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท, เด็ก 100 บาท

    ช่วงเวลาแนะนำ : อุทยานแห่งชาติดอยภูคาสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปีแต่ถ้าอยากชมความสวยงามของดอกชมพูภูคา  ต้องมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์– มีนาคม

    ไฮไลท์ : ต้นชมพูภูคา ที่พบเห็นได้ที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาแห่งเดียวในโลก รวมถึงต้นเต่าร้างยักษ์ที่ยังไม่มีการรายงานการพบในแทบถิ่นอื่น และต้นก่วมภูคา ไม้ผลัดใบในตระกูลเมเปิ้ล ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถพบเห็นได้ภายในพื้นที่ของอุทยานฯ

    กิจกรรม : ชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตกตามจุดชมวิวต่างๆ / เดินชมพันธุ์ไม้หายากตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ / เที่ยวน้ำตก ถ้ำ และแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ภายในอุทยานฯ

    • โพสต์-9
    theTripPacker •  ธันวาคม 11 , 2556

    วิธีการเดินทาง

    จากตัวเมืองน่านมุ่งหน้าสู่อำเภอปัวด้วยเส้นทางหลวงหมายเลข 1080 เมื่อมาถึงอำเภอปัวแล้วให้ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-บ่อเกลือ) ไปตามเส้นทางลาดยางโค้งชันอีกประมาณ 25 กิโลเมตร ทางเข้าอุทยานแห่งชาติจะอยู่ทางขวามือ

    รถประจำทาง
    จากอำเภอปัวถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคามีรถโดยสารสายปัว-บ่อเกลือวิ่งรับส่งตั้งแต่เวลา 7.30 น.-14.00 น


    • โพสต์-10
    theTripPacker •  ธันวาคม 11, 2556
  1. โหลดเพิ่ม