จุดหมายต่อไปในทริปนี้ เราอยู่กันที่ จังหวัดราชบุรี เมืองอันขึ้นชื่อในเรื่อง โอ่งมังกร รวมไปถึง ตลาดน้ำ และอีกหลายสถานที่ หากแต่ปลายทางแรกในวันนี้ ขอเริ่มกันที่ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม สถานที่ซึ่งรวบรวมข้อมูลต่างๆ นำเสนอผ่านรูปแบบ งานประติมากรรม และ หุ่นขี้ผึ้ง ซึ่งก็ล้วนมากด้วยความน่าสนใจทั้งสิ้น ว่าแต่จะเป็นอย่างไรคงต้องลองเข้าไปชมด้านในเลยดีกว่า

โดยที่มาที่ไปของ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม เกิดขึ้นจากความคิดและความตั้งใจของผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีความรู้พื้นฐานมาจากการเริ่มต้นทำงานหล่อพระพุทธรูป รวมไปถึงงานประติมากรรมในแบบต่างๆ มายาวนานหลายสิบปี จึงได้นำความรู้และความถนัดที่สั่งสมมาถ่ายทอดผ่านผลงานไว้ในส่วนจัดแสดงภายในอุทยานแห่งนี้ได้อย่างหลากหลาย ไม่เพียงแต่หุ่นขี้ผึ้งภายในห้องปรับอากาศเพียงอย่างเดียว ยังมีพื้นที่จัดแสดงกลางแจ้งด้านนอกให้ได้ชื่นชมกันอีกมากมาย รวมทั้งหมด 6 จุดหลักๆ

เริ่มกันที่ส่วนจัดแสดงแรก เมื่อเดินเข้ามาซักหน่อยก็จะพบกับ อาคารเชิดชูเกียรติ ซึ่งรวบรวมหุ่นขี้ผึ้งของบุคคลสำคัญทั้งชาวไทย เช่น หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล, ดอกเตอร์ป๋วย อึ้งภากรณ์ หรือแม้แต่ สืบ นาคะเสถียร เป็นต้น ทางด้านบุคคลสำคัญของต่างประเทศก็ได้แก่ ท่านโฮจิมินห์ ประธานาธิบดีคนแรกของเวียดนาม แม่ชีเทเรซ่า หรือแม้กระทั่ง ประธานเหมาเจ๋อตุง ก็มีให้ได้เยี่ยมชมกัน โดยหุ่นแต่ละตัวนั้นจะอยู่ในอิริยาบถอันบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของแต่ละท่านไว้อย่างชัดเจน และพื้นที่จัดแสดงภายในอาคารแต่ละส่วนก็จะได้ยินเสียงตามสายคอยอธิบายข้อมูลรวมถึงประวัติของแต่ละท่านให้เราได้ทราบอีกด้วย

ต่อไปในจุดที่ 2 นี้คือ ลานพระ 3 สมัย ซึ่งจัดแสดงผลงานประติมากรรมพระพุทธรูปสำคัญในสมัยต่างๆ ได้แก่ สมัยอยุธยา สมัยสุโขทัย และสมัยเชียงแสน เมื่อเลยจากจุดนี้ไปไม่ไกลก็จะพบกับจุดที่ 3 ซึ่งเป็น ถ้ำชาดก ถ้ำจำลองที่จัดแสดงทั้งแสงและเสียงเกี่ยวกับ พระชาติสุดท้ายของพระเวสสันดร มีการแทรกคติธรรมคำสอนเพื่อให้มนุษย์รู้จักความพอดี ในส่วนนี้ถือว่าสนุกตื่นเต้นดีทีเดียว กระทั่งเมื่อเดินเยี่ยมชมเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะเดินออกมาสู่ภายนอกกันอีกครั้ง ในจุดต่อไปเป็นจุดที่ 4 ซึ่งเป็น กุฏิพระสงฆ์ 4 ภาค มีรูปแบบเป็นหมู่เรือนไทยประดิษฐาน หุ่นขี้ผึ้งของเกจิอาจารย์ชื่อดังของแต่ละภาคเอาไว้ ลักษณะก็ใกล้เคียงกับจุดชมที่ 5 ซึ่งเป็น บ้านไทย 4 ภาค เป็นการนำเสนอจุดเด่นทางสถาปัตยกรรมบ้านไทยของแต่ละภาคเอาไว้ อีกทั้งบนบ้านก็ไม่ได้ดูเงียบเหงาจนเกินไป เพราะบ้านแต่ละหลังมีหุ่นจำลองวิถีชีวิตผู้คนในภาคนั้นๆ เอาไว้ให้ได้ชมกัน ส่วนใครที่เริ่มล้า หลังจากเดินชมมานาน ก็สามารถแวะนั่งพักดื่มน้ำยังบ้านสมุนไพร กันให้ชื่นใจก่อน แล้วจึงเดินมาชมกันต่อยังจุดสุดท้ายคือจุดที่ 6 ลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โดยพระองค์ทรงเป็นอริยบุคคลที่บรรลุอรหันต์ เป็นผู้มีปณิธานแน่วแน่ว่าจะช่วยสรรพสัตว์ในโลกไปจนถึงคนสุดท้าย โดยรูปปั้นองค์นี้จำลองขึ้นจากงานประติมากรรมในศิลปะ สมัยราชวงศ์ซ้อง ของประเทศจีน อิริยาบถในท่านั่งเรียกว่า ปางมหาราชลีลา ขนาดความสูงถึง 3.5 เมตร

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่จุดจัดแสดงหลักทั้ง 6 เท่านั้น ภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ยังมีศูนย์อาหาร ร้านกาแฟ หรือแม้แต่ร้านขายของที่ระลึกไว้ให้บริการอีกด้วย และในวันหยุดที่กำลังจะมาถึง หากยังไม่รู้ว่าจะพาเจ้าตัวน้อยออกไปท่องเที่ยวและเรียนรู้ที่ใดละก็อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม แห่งนี้ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย และระยะทางก็อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ มากนัก ที่สำคัญนอกจากความเพลิดเพลินแล้ว ยังจะได้ความรู้ต่างๆ กลับไปอีกด้วย

- การเดินชมภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามเริ่มจากอาคารเชิดชูเกียรติเป็นจุดชมที่ 1 แล้วเดินวนขวาเป็นวงกลมตามเส้นทาง โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

- โดยจุดแวะชมทั้งหมดแบ่งได้เป็น 6 จุด ได้แก่ อาคารเชิดชูเกียรติ, ลานพระ 3 สมัย, ถ้ำชาดก, กุฏิพระสงฆ์ 4 ภาค, บ้านไทย 4 ภาค และลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร

- ค่าบัตรเข้าชม เด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 50 บาท

ที่อยู่ : 41/1 หมู่ 3 ถนนเพชรเกษมดำเนินสะดวก ตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี 70160

GPS : 13.700900, 99.901733

เบอร์ติดต่อ : 0 3238 1401-2 (มี 4 คู่สาย) แฟกซ์ : 0 3238 1403

E-mail : info@scppark.com

Website : www.scppark.com

Facebook : http://www.facebook.com/siamculturalpark

เวลาทำการ :

- วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 16.30 น.

- วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 08.30 - 17.00 น.

ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงสายหรือไม่ก็ช่วงบ่ายประมาณ 3 โมง เพราะแดดไม่ร้อนมากเกินไป

ไฮไลท์ : สถานที่ทั้ง 6 จุดที่เปิดให้เข้าชม

กิจกรรม : เที่ยวชมดูความสวยงามของผลงานหุ่นขี้ผึ้งและงานประติมากรรมอื่นๆ ในวันพักผ่อนสำหรับทุกเพศทุกวัย

จากกรุงเทพฯ ให้ใช้ถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองราชบุรี กระทั่งมาถึงสี่แยกบางแพแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ที่มุ่งหน้าไปยังอำเภอดำเนินสะดวก จากนั้นวิ่งตรงมาระยะหนึ่งก็ให้สังเกตทางขวามือ เมื่อเห็นอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามแล้วก็ให้กลับรถได้เลย