ก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว เราเลือกแบกเป้ขึ้นหลังหนีไปกางเต้นท์นอนท่ามกลางธรรมชาติกันที่ “อุทยานแห่งชาติพุเตย”ก่อนใคร เพราะเดี๋ยวจะไม่ทันเอามาเล่าสู่กันฟัง และการเดินทางไปสุพรรณบุรีครั้งนี้ก็แตกต่างจากหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา ซึ่งแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่าจังหวัดใกล้กรุงอย่างสุพรรณบุรีจะมีทะเลหมอกและสิ่งมหัศจรรย์รอเราอยู่อีกมากมาย พอจัดแจงเตรียมข้าวของและเสบียงกันเรียบร้อยแล้ว เราก็ตรงดิ่งเข้าอุทยานแห่งชาติพุเตยทันที ก่อนจะไปตะลุยแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เรามาทำความรู้จักกับอุทยานแห่งชาติพุเตยก่อนดีกว่า

“อุทยานแห่งชาติพุเตย” ตั้งอยู่ในเขตอำเภอด่านช้าง ถือว่าเป็นอุทยานฯ หนึ่งเดียวของจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งพื้นที่ในแถบนี้มีขุนเขารายรอบและอุดมไปด้วยพืชพรรณ สัตว์ป่ามากมาย ไฮไลท์สำคัญของอุทยานฯ ก็คือ “ป่าสนสองใบ” ที่มีอยู่เพียงกลุ่มเดียวในภาคกลาง นอกจากที่พื้นที่ภายในอุทยานฯ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกหลายแห่ง ครั้งนี้เรามีเวลา 3 วัน 2 คืน สำหรับกิจกรรมต่างๆ บ่ายวันแรกเราเริ่มกันด้วยเส้นทางศึกษาธรรมชาติแบบเบาๆ ระหว่างทางเรายังหยุดแวะชมศาลเลาด้าห์ อนุสรณ์สถานที่รำลึกถึงเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินเลาดาห์แอร์ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2534 ซึ่งบริเวณนี้จะเป็นจุดที่มีซากเครื่องบิน และศาลเพียงตาเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น นอกจากบริเวณนี้แล้วยังมีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากกันมาก ก่อนที่จะเดินขึ้นไปที่จุดชมวิวนี้เราจะได้ออกแรงเดินกันเล็กๆ แต่วิวที่ได้เห็นนั้นรับรองว่าคุ้มค่ามากๆ

ผ่านจากจุดชมวิวและศาลเลาดาห์แล้ว ทีนี้ก็มาถึงเส้นทางขึ้น “ป่าสนสองใบ” จากจุดปล่อยตัวแรก เราต้องเดินเท้าต่อเข้าไปตามเส้นทางดินลูกรัง ซึ่งอาจจะลื่นบ้างในบางช่วงเนื่องจากหินกรวดก้อนเล็กๆ จำนวนมากตามทางเดิน เราจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินมาก จากจุดนี้ไปเราก็จะเริ่มเข้าสู่เส้นทางขึ้นเขา ระหว่างทางเราก็จะได้ชื่นชมความสวยงามของพันธุ์ไม้นานาชนิด สลับกับคำอธิบายของเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เดินขึ้นมาสูงขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มเห็นต้นสนสองใบตลอดสองข้างทาง หัวหน้าอุทยานฯ เล่าให้ฟังว่า โดยปกติต้นสนสองใบนี้จะพบได้ตามเขตพื้นที่สูงที่มีอากาศหนาวเย็น ในบ้านเรามักจะพบตามเขตทางภาคเหนือ ซึ่งก็น่าแปลกที่ต้นสนสามารถขึ้นได้ดีในพื้นที่แถบนี้ เมื่อมาถึงบริเวณยอดเขาพุเตยซึ่งบริเวณโดยรอบนี้จะเต็มไปด้วยต้นสนขึ้นสูงตระหง่านและให้ร่มเงาเป็นอย่างดี โชคดีที่เราขึ้นมาในช่วงบ่ายของกลางฤดูหนาวอากาศจึงไม่ค่อยร้อนนัก ระหว่างที่นั่งพักเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายถึงคุณลักษณะของต้นสนสองใบ วิธีการจำแนกสนโดยการสังเกตจากใบสน รวมถึงประโยชน์ต่างๆ ที่ได้จากต้นสนเหล่านี้ นอกจากนี้บริเวณยอดดอยนี้ยังมีกองหินพะเนินให้เห็นอยู่ตั้ง 2 กองใหญ่ๆ เรียกว่า “ศาลหินกอง” ซึ่งเกิดจากความเชื่อของพรานกะเหรี่ยงในสมัยก่อน ที่ใช้การวางหินเป็นการบอกเจ้าที่เจ้าทางถึงการมาเยือน กองแรกเป็นการบอกกล่าวถึงการมาถึง ส่วนกองที่สองจะวางเพื่อบอกกล่าวว่าจะลากลับ จนกลายมาเป็นประเพณีปฏิบัติจนปัจจุบัน

นั่งพักรับลมเย็นๆ จนหายเหนื่อย เราก็เดินลงจากป่าสนกลับไปยังบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ซึ่งเราเลือกเป็นที่พักแรมของเราในคืนนี้ ก่อนจะออกแรงเดินตามเส้นทางศึกษาตะเพินคี่อีกครั้งในวันรุ่งขึ้น และขึ้นไปกางเต้นท์นอนนับดาวบนเขาตะเพินคี่กิจกรรมวันที่สองของเราเป็นการผจญภัยอันท้าทายที่จะต้องเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินกันตลอดทั้งวัน แต่ความสนุกสนานระหว่างทางนั้นทำให้เราลืมเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง นอนนับดาวกันจนหลับคาเต้นท์แล้ว เรารีบตื่นกันตั้งแต่นาฬิกายังไม่ทันปลุกเพื่อไปรอเฝ้าดูพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับวิวยอดเขาเทวดา ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอุทยานแห่งชาติพุเตย หลังจากทักทายกับแสงแรกของวันเรียบร้อยแล้วก็ต้องรีบเดินทางไปที่จุดชมวิวเพื่อเก็บภาพทะเลหมอกยามเช้า ที่น้อยคนนักจะยอมเชื่อว่าจังหวัดสุพรรณบุรีก็มีทะเลหมอกกับเค้าด้วย จนพระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนตัวสูงขึ้นก็ถึงเวลาเริ่มกิจกรรมสุดท้าทายที่น้ำตกตะเพินคี่น้อยด้วยใจเต้นระทึก การโรยตัวฝ่าน้ำตกเย็นๆ เพิ่มสารอะดรีนาลีนให้กับเช้าวันใหม่ได้เป็นอย่างดี และนับเป็นอีกหนึ่งความประทับใจของการเดินทางในจังหวัดสุพรรณบุรีที่เรายังคงจดจำได้อีกนานแสนนาน

- อุทยานแห่งชาติพุเตย มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ ป่าสนสองใบ, ศาลเลาด้าห์, น้ำตกตะเพินคี่น้อย, น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่, ยอดเขาเทวดา, ถ้ำตะเพินเงิน ฯลฯ

- การพักกางเต้นท์ตามจุดต่างๆ ในอุทยานฯ นักท่องเที่ยวจะต้องเตรียมอาหารมาทำเอง แต่ถ้าต้องการให้ทางอุทยานฯ เตรียมให้ก็สามารถติดต่อล่วงหน้าได้

- ติดต่อจองบ้านพักอุทยานฯ หรือสอบถามรายละเอียดแหล่งท่องเที่ยวในอุทยานฯ โทร. 08 1934 2240, 0 3544 6237

ที่อยู่ : ตู้ปณ. 19 อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี 72180

GPS : 14.94672, 99.41615

เบอร์ติดต่อ : 08 1934 2240, 0 3544 6237

E-mail : phutoei_np@hotmail.com

Facebook : https://www.facebook.com/phutoei.np?fref=ts

ค่าธรรมเนียม :

- ชาวไทยผู้ใหญ่ 20 บาทเด็ก 10 บาท

- ยานพาหนะ 30 บาท

ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงปลายฤดูฝน-ฤดูหนาวหรือในช่วงเดือนตุลาคม-กุมภาพันธ์เนื่องจากอากาศเย็นสบายและเหมาะสมกับการเที่ยวน้ำตก

ไฮไลท์ : ป่าสนสองใบ แห่งเดียวในเขตภาคกลาง ซึ่งอยู่ที่ระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 763 เมตรเท่านั้น

กิจกรรม : เดินเที่ยวชมป่าสนสองใบแห่งเดียวในเขตภาคกลาง / กางเต้นท์ท่ามกลางธรรมชาติ / ชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกยามเช้า / เที่ยวอนุสรณ์สถานเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์เครื่องบินสายการบินเลาดาห์แอร์ตก

การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวน่าจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางบางบัวทอง-สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ผ่านอำเภอเมืองสุพรรณ แล้วใช้เส้นทางสุพรรณบุรี-ดอนเจดีย์-ด่านช้าง มุ่งหน้าไปยังอำเภอด่านช้าง

เส้นทางเข้าอุทยานแห่งชาติเส้นทางแรก ก่อนถึงตัวอำเภอด่านช้างประมาณ 3 กิโลเมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3086 แล้วขับไปอีก 34 กิโลเมตร จะมาถึงสี่แยกบ้านปลักประดู่ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3480 ตามป้ายบอกทางไปอุทยานฯ ตลอดเส้นทางนี้เป็นถนนลาดยางตลอดทั้งเส้น

เส้นทางที่สอง ให้ผ่านตัวอำเภอด่านช้างมาทางอำเภอบ้านไร่ เมื่อถึงหลักกิโลเมตรที่ 15 ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติพุเตยที่ 1 (พุเตย) เพื่อเข้าไปยังที่ทำการอุทยานฯ เส้นทางนี้จะเป็นถนนลาดยางและทางลูกรังขึ้นเขา

** การมาท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติพุเตย ถ้าทำได้ แนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อจะสะดวกกว่า โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน