คิดถึง...เขา>>> แต่มาหา...ลิง ^^
นั่งดูรูปเก่าๆ คิดถึง...เขา>>>สอยดาว>>>เชียงดาว>>>เสมอดาว>>>และอื่นๆ อีกหลายเขาที่เคยไป อดใจรอทริปใหญ่ประจำปีกับเดอแก๊งฯ ต้องฟิตซ้อมร่างกายให้พร้อมแต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ออกกำลังกายสักที ลูกอีช่างเดี๋ยวแทรกอยู่ในอารมณ์ทุกคราที่เดินผ่านฟิตเนสใกล้บ้าน แต่ขณะนี้อารมณ์คิดถึงและความอยากไปเที่ยวมันช่างรุนแรงสำแดงอาการเหมือนไมเกรนกำเริบ คงต้องหาแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ไกลให้มันไปให้หายอยาก.... ถือเป็นการออกกำลังกายเล็กๆ ก่อนออกทริปใหญ่จริงๆ นี้คือข้ออ้างและความจำเป็นของคนอยากเที่ยว 555
และแล้วมีเหตุให้ต้องไปอำเภอโคกสำโรง จังหวัดลพบุรี ทริปนี้ต้องไปคนเดียว ทีแรกจะไปเช้ากลับเย็นเพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพระยะทางประมาณ 180 กิโลเมตร แต่...เมื่อต้องไปและลพบุรียังอยู่ในรายการของจังหวัดที่ยังไม่เคยไปอีก งานนี้คงปล่อยโอกาสไปเสียดื้อๆ ไม่ได้แล้ว จองที่พักในอำเภอโคกสำโรงจากการค้นหาในกูเกิ้ลสะดุดตากับภูผารีสอร์ท อืม!!!! สวยดี แต่ไม่รู้ในความเป็นจริงจะสวยเหมือนในรูปหรือเปล่าคงต้องไปพิสูจน์ รีบจัดแจงวางแผนเฉพาะกิจค้นหาข้อมูลในการเดินทางและวางแผนการท่องเที่ยว
แต่ใจหนึ่งยังกลัวๆ ฉันต้องไปคนเดียวจริงๆ หรือนี้ เลยต้องหาเหยื่อร่วมเดินทาง แต่สุดท้ายบรรดาเพื่อนๆ ต่างมีภารกิจกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ต้องกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับจนพ่อกับแม่เกือบลืมหน้าแล้ว หมอนัดทำหมันลูก(แมวเหมียว) ทำขนมส่งลูกค้าที่มีออเดอร์เข้าเพียบ นัดช่างมาซ่อมบ้าน ต้องเร่งทำงานเพื่อจะได้หยุดเที่ยวช่วงปลายปี ไม่มีตังค์ และอีกหลากหลายเหตุผล 555
เข้าใจ!!!! มิเป็นไรจร้าแต่จำไว้^_^ จนแล้วจนรอดต้องขู่บังคับน้องให้ไปด้วยจะเต็มใจหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญแต่ต้องไป 555
เราออกจากกรุงเทพประมาณ 8 โมงเช้านิดๆ ตามแผนการท่องเที่ยวที่จะแวะเข้าเมืองลพบุรีเพื่อไปเยี่ยมเยืยนน้องจ๋อที่เป็นมาสคอตของจังหวัดก่อนไปอำเภอโคกสำโรง ระหว่างทางเพลิดเพลินกับบรรยากาศและความสวยงามของภูเขาหินปูนในเขตจังหวัดสระบุรี ที่มีความสวยงามแปลกตาจนท้องลืมหิว ^^
ขับรถมาไม่นานก็เข้าเขตจังหวัดลพบุรี เส้นทางไปไม่ยากเพราะเลือกมาเส้นทางหลักคือทางหลวงหมายเลข 1 อาจเป็นเพราะออกเดินทางในตอนเช้ารถบรรทุกและรถอื่นๆ ยังมีไม่มากทั้งยังเป็นถนน 4 เลนทำให้ขับรถสบายจึงมีเวลาแวะเก็บภาพระหว่างทางเป็นจุดตามระยะ
ท้องเริ่มคร่ำครวญส่งเสียงร้องเตือนน้ำย่อย มีการถกเถียงกันเล็กน้อยในรถว่าจะหาอะไรกินใน แม็คโคร โลตัส หรือบิ๊กซี เพราะตั้งอยู่เรียงรายสองข้างทาง แต่ไหนๆ มาต่างถิ่นแล้วขอกินอาหารของท้องถิ่นดีกว่า
อากู๋ กูเกิ้ลเป็นที่พึ่งตลอดเวลา ค้นหาจนพบว่าก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารยอดฮิตและขึ้นชื่อหลายร้าน เลือกมาสัก 1 ร้านเอาที่เดินทางสะดวกหละกัน
เราเลือกร้านบ้านก๋วยเตี๋ยวปลาสดเพราะอยู่ไม่ไกล ตั้งอยู่ถนนนเรศวร 20 เข้าไปในซอยเพียง 200 เมตร มีที่จอดรถกว้างขวาง เมนูที่อยากแนะนำคือก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ยำลูกชิ้นปลาและแมงกะพรุน ไปลองชิมกันดูว่าอร่อยขนาดไหนแต่ขึ้นอยู่กับลิ้นและความชอบส่วนตัวของแต่ละบุคคลนะ อิอิ ส่วนเราชอบแบบไม่ต้องปรุง เพราะเป็นคนปรุงอะไรไม่อร่อย กินเป็นอย่างเดียว 5555
นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีส้มตำด้วย พี่ที่มารับออเดอร์บอก"อร่อยนะ" แต่ขอไว้ก่อนค่ะเพราะต้องเดินทางต่ออีกถ้าท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาหละยุ่งเลยเอาไว้โอกาสหน้านะ จะกลับมาลองกิน^^ร้านขึ้นชื่อขนาดไหนต้องสังเกตว่ามีสินค้าพื้นเมืองหรือสินค้า OTOP มาตั้งขาย หลังจากท้องอิ่มเราเริ่มเดินทางกันต่อ สัญญาใจไว้กะน้องจ๋อว่าจะไปเยี่ยมก็ต้องไป...
ตั้งเข็มทิศเดินทางเข้าตัวเมืองลพบุรี จากร้านบ้านก๋วยเตี๋ยวปลาสดไปไม่ไกลประมาณ 6 กิโล เดินทางไปง่ายออกจากร้านตามถนนนเรศวร ตรงตลอดผ่านแยกไฟแดงและเลี้ยวซ้ายไฟแดงที่ 2 ตรงไปอีกนิดเลี้ยวซ้ายทางออกที่ 3 ตรงวงเวียนสระแก้วหรือชื่ออย่างเป็นทางการว่าวงเวียนศรีสุริโยทัย
วนไปจนเกือบครบรอบ เลี้ยวซ้ายทางออกที่ 3 ตรงไปไม่ไกลจะเจอจุดแลนด์มาร์คของลพบุรี คือศาลพระกาฬ พระปรางค์สามยอดและสถานีรถไฟ อยู่ไม่ไกลกันแต่อยู่กันคนละมุมแยก หากใครเอารถมาจะมีที่จอดรถสะดวกเพราะมีลานจอดรถอยู่ฝั่งตรงข้ามใกล้ศาลพระกาฬระหว่างเพลินอยู่กับการถ่ายรูป สะดุดตากับร้านขายกระจาดสานหาบ พี่ที่เป็นแม่ค้าส่งเสียงทักทายเมื่อเดินเข้าไปไกล้ที่ร้านเพราะเห็นเรากำลังสาละวนอยู่กับการถ่ายรูปจึงบอกให้เข้ามาถ่ายรูปกระจาดนี้ได้ แล้วเอาไปลงในเฟสให้พี่ด้วยนะ ถือเป็นการประชาสัมพันธ์ไปในตัว 5555 เลยจัดไปหลายท่าคร้า
สอบถามราคาถ้าจำไม่ผิดอยู่ที่คู่ละ 200 บาท แต่ถ้าไม่ใช่ราคานี้ต้องขออภัยด้วยค่ะ อิอิ พอดีความจำสั้น...ใกล้กับลานจอดรถสะดุดตากับปะติมากรรมโบราณสถานที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟ ด้านตะวันออกใกล้กับศาลพระกาฬ
มีชื่อว่า"วัดนครโกษา" เป็นประติมากรรมในสมัยทวารวดี ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญเมื่อปี 2479ถัดไปคือศาลพระกาฬ เพื่อสักการะเจ้าพ่อพระกาฬสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ในระหว่างถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้บวกกับนั่งพักหลบอากาศร้อน งานวิจัยก็มาเพราะความอยากรู้จึงเข้าไปสอบถามผู้คนที่มาบนบานว่าที่นี่นิยมบนเรื่องอะไรกัน จนได้ความว่าบนได้ทุกเรื่องแต่ที่ร่ำลือคือ "การขอลูก" ข้อนี้ไม่ขอพิสูจน์ค่ะเพราะชาตินี้คงไม่มีแน่ๆ 555 แต่ใครจะมาพิสูจน์เชิญนะค่ะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เดี๊ยวจะหาว่าไม่เตือน
เจ้าพ่อพระกาฬเป็นเทวรูปรุ่นเก่า เดิมเจ้าพ่อพระกาฬมีพระกายสีดำแต่ปัจจุบันเจ้าพ่อพระกาฬไม่เหลือเค้าเดิมที่เป็นพระกายสีดำเพราะถูกปิดทองเหลืองอร่ามไปทั้งหมด
ผู้คนยิ่งหนาตามากขึ้นโดยไม่หวั่นอากาศที่ร้อนระอุ ขนาดกรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์ว่าช่วงนี้จะเจอฝนตกหนักเป็นหย่อมๆ แล้ว แต่ไหงที่ตรงนี้ถึงไม่ยักจะเห็นเค้าฝนเลย สงสัยคงเป็นหย่อมที่ฝนไม่ตก เอ้อ!!!! ร้อนกันได้อีกนะค่ะ ออกมาเดินเล่นรอบๆ ศาลก็ได้เจอกับเจ้าถิ่น ลิงศาลพระกาฬ หรือ ลิงเจ้าพ่อพระกาฬ เป็นลิงแสมหน้าตาน่ารักไม่ได้ดุร้ายอย่างที่คิด จึงขอเก็บภาพความน่ารักซะหน่อย ส่วนตัวนี้คงจะซนมาก เลยโดนขังเดี่ยวซะเลย 555 น่าฉงฉานพอได้คลายร้อนไปกับเจ้าจ๋อที่น่ารักเลยเดินต่อไปที่พระปรางค์สามยอดที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ถือเป็นโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของลพบุรี น้องๆที่ขายอาหารลิงวิ่งมาต้อนรับทันที บอกพี่ช่วยเจ้าลิงโดยการซื้ออาหารและน้ำให้เขาหน่อย แล้วฝากผมเอาไปให้ได้ถ้าพี่กลัวลิงกัด แต่ขอโทษค่ะน้องพี่เกรงว่าน้องจ๋อของน้องอาจกลัวพี่ที่พกกะปิน้ำปลาหวานมาด้วยมากกว่า 555 เตรียมความพร้อมคร้าเสียดายอย่างเดียวขาดมะม่วง 555 ไม่ได้หยิบตุ๊กตาจระเข้น้อยกะหนังสติ๊กมาด้วย ไม่งั้นเจ้าพ่อเจ้าจ๋อก็เข้ามาเถอะ อาวุธครบมือไม่กลัวอยู่แล้ว 555
ราคาของน้ำสารพัดสี 20 ถุงเล็กในถังพลาสติก 100 บาท พร้อมข้าวโพดหั่นเป็นแว่น 1 ถังพลาสติกเล็ก 100 บาท สงสารก็สงสารเจ้าจ๋อนะเพราะแต่ละตัวรูปร่างดีไม่อ้วนกันทั้งน้าน แต่ราคานี้แพงไปหน่อยไหม แต่ก็เอาเถอะถือว่าให้ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนเป็นการกระจายรายได้ เถลไถลจนเกือบลืมว่าต้องไปทำธุระก่อน เอาเป็นว่าทำธุระให้เสร็จเรื่องแล้วค่อยไปเที่ยวกันต่อดีกว่า ตอนนี้ถึงเวลาต้องแวะเข้าที่พักก่อนหละกัน