"น่าน...นานๆได้ไหม"
เป็นคำที่ผมรู้สึกได้หลังจากกลับมาจากน่าน 5 วัน 4 คืน...
น่านเป็นจังหวัดที่เค้าว่ากันว่ามีภูเขาสวยๆ มีถนนลอยฟ้า มีนาข้าวเขียวขจีในฤดูฝน ผู้คนน่ารัก สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย น่าค้นหา เป็น1ในจังหวัดที่ตั้งเป้าไว้ว่าสักครั้งนึงต้องไปเยือนให้ได้ หลังๆมานี้รู้สึกว่าจะได้เห็นรีวิวจังหวัดน่านบ่อยมากๆ คนไปเที่ยวน่านกันเยอะ แล้วก็รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นรีวิว เห็นรูปสวยๆ สถานที่งามๆ เราก็อยากไปบ้าง มันจึงทำให้เราอยากออกไปค้นหา อยากไปเห็นกับตา ความจริงก็อยากไปพักผ่อนนั่นแหละ 555+ ทริปนี้จึงเกิดขึ้น จัดการหาที่พักจองที่พัก วางแพลนคร่าวๆ แล้วลุยกันเลย
![]()
ไฮไลท์การเดินทาง
Day 1 พักที่สวนริมมาง : วัดศรีพันต้น>>คุ้มเวียงพิงค์>>29Base>>ถนนลอยฟ้าสันติสุข-บ่อเกลือ>>บ่อเกลือโบราณ
DAy 2 พักที่ม่อนปัว : อุ่นไอมาง>>อุทยานแห่งชาติขุนน่าน>>จุดชมวิว1715>>ดอยภูคา>>ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ>>วังศิลาแลง>>กาแฟไลลื้อ/ลำดวนผ้าทอ>>วัดภูเก็ต>>ตูบนาไทลื้อ/ริมนากาแฟ>>วัดพระธาตุเบ็งสกัด
Day 3 พักที่บ้านฮิมนาปัว : ไร่ต้นรัก>>Cocoa valley resort>>พระธาตุจอมทอง>>โรงเรียนชาวนา
Day 4 พักที่น่านนิยม : วัดนาวงค์>>วัดพระธาตุเขาน้อย>>วัดพระธาตุแช่แห้ง>>ข้าวซอยน้ำเงี้ยวรสโบราณ>>ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน>>วัดภูมินทร์>>วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร>>วัดมิ่งเมือง>>วัดสวนตาล>>ร้านขนมหวานป้านิ่ม
Day 5 เดินทางกลับบ้าน
**ยาวหน่อยอย่าพึ่งเลื่อนผ่านลองกดอ่านผ่านๆดูก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ
![]()
มาเริ่มที่การเดินทางเลย
มา... รถไฟ ปู้นๆๆๆ
เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้ทางรถไฟจึงเลือกใช้วิธีนี้
ขบวนที่ผมขึ้นจะเป็นรถเร็วขบวน 107 ตามเวลาจะออกจากกรุงเทพ 20.10 น. ถึงเด่นชัย 5.15 เวลาถึงบวกเพิ่มนิดหน่อย(มั้ง)555 ราคาตั๋วชั้น 3 จากกรุงเทพ-เด่นชัย 200 บาท
ราคาชั้น2อาจจะแพงกว่านี้นิดหน่อย
![]()
ในวันที่ไปถึงเด่นชัย ประมาณเกือบๆหกโมงเช้า พอถึงสถานนีเดินทะลุไปด้านหลังสถานีตรงถนนที่มีรถสองแถวจอดอยู่ ถ้ายังไม่มีรถตู้มาจอดก็รอสักแป๊บนึง หรือถามคนแถวนั้นก็ได้ว่ารถตู้มาหรือยัง ถ้าสมมติว่าไปไม่ทันรถตู้ทำไง ให้นั่งรถสองแถวคันสีน้ำเงินเด่นชัย-แพร่ ไปลงที่บขส.แพร่ จากนั้นก็หาคิวรถตู้ไปน่าน
![]()
รถคันนี้แหละที่จะพาเราไปน่าน ค่ารถ 100 บาท ถ้าลงที่บขส.น่าน ถ้าไปลงปัว 200 บาท ไปบขส.น่านจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้ (แนะนำให้หาอะไรกินรองท้องก่อนขึ้นรถ) วันที่ไปรถออกจากเด่นชัยหกโมงกว่าๆ ถึงบขส.น่านเก้าโมงกว่าได้นะ
![]()
มาถึงบขส.ผมไปเช่ามอเตอร์ไซด์ที่ร้านโตโน่คาเร้นท์ อยู่ไม่ไกลจากบขส.เดินหันหน้าออกจากจากบขส.จะเห็นทางเลี้ยวขวามือเรา(ไม่ใช้ออกไปทางที่เราเข้ามา) เดินเลี้ยวไปทางขวามือจะเห็นตึกสีเขียวๆ ให้เดินตรงไปสักประมาณ200เมตร จะเห็นป้ายร้านเช่ารถนั่นแหละ เดินเข้าไปเลย รถที่ผมเช่าจะเป็นรถฮอนด้าคลิก(ไม่ได้จองก่อนไป) ราคาวันล่ะ 250 บาท ผมเช่า4 วันรวด เสียค่ามัดจำ1000บาท ถ้าไปช่วงวันหยุดยาวแนะนำให้จองก่อนไปก็ดีนะเราเลือกรุ่นได้ แต่ถ้าไปวันธรรมดาไปเลือกเอาที่ร้านได้เลย
ข้อดีของการเช่ามอเตอร์คือ ประหยัดแล้วก็อยากแวะตรงไหนก็แวะได้เลย
![]()
![]()
ก่อนเที่ยวแวะมาไหว้พระขอพรที่วัดศรีพันต้น ที่เห็นเด่นชัดจะเป็นวิหารสีเหลืองทองสวยงามมาก
![]()
จริงๆแพลนที่วางไว้อยากเที่ยววัดในเมืองก่อนสัก2-3วัดแต่ อยู่ๆ GPSดันใช้งานไม่ได้ ลองขับแล้วหลงวนไปวนมา5555+ เลยมุ่งหน้าออกไปบ่อเกลือเลย ระหว่างทางเจอร้านกาแฟร้านนึงน่าสนใจ อยู่ข้างทาง เส้นสันติสุข ชื่อร้าน"คุ้มเวียงพิงค์"
![]()
วิวดีเลย มองออกไปเห็นภูเขาเขียวๆ อากาศดีด้วย
![]()
ลองสั่งลาเต้ปั่นมา รสชาติใช้ได้เลย
![]()
จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ่อเกลือ
![]()
เห็นวิวข้างทางตรงไหนสวยๆก็จอดถ่าย จริงๆรูปเยอะมากแต่เลือกมา 555 จริงๆมันสวยแทบตลอดทั้งเส้น ขับไปจอดไปแวะไปมันดี 555
![]()
ขับไปขับมามาเจอร้านนึงชื่อร้าน
29 Base มองด้านนอกดูเผินๆเป็นร้านกาแฟธรรมดา
![]()
แต่มาดูด้านในโอโหวิวดีงามมาก
![]()
จิบชาจิบกาแฟไป ชมวิวเพลินๆ ฟินไปดิ เจ้าของชื่อลุดโป๊ด แกน่ารักมาก ใจดี แกยังชวนคุยเอารูปสมัยก่อนๆมาให้ดู ลองเข้าไปดูในเพจแกก็ได้ เพจแกชื่อ 29ฺBase
![]()
มีที่นั่งเป็นกระตอบๆเล็ก วิวดีๆ มองไปตรงไหนก็เขียว หน้าหนาวใครจะมากางเต็นท์นอนก็ได้นะแกบอก
![]()
![]()
มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูป ใครไม่ทานกาแฟก็สามารถแวะมาถ่ายรูปได้
![]()
จบไปกับร้าน 29 Base ได้เวลาเดินทางต่อ...
![]()
เริ่มเข้าสู่บรรยากาศถนนลอยฟ้า
![]()
![]()
สายฝนเริ่มโปรยปราย แนะนำถ้าขับมอเตอร์ไซด์มาว่าควรเอาเสื้อกันฝนติดมาด้วย เพราะถ้าฝนตกจะเปียกเด้อ555+ บรรยากาศแบบนี้โคตรฟินอ่ะบอกเลย
![]()
![]()
ตรงไหนวิวดีเราจอดแม่มหมด 555 จริงๆรูปเยอะมากนี่ขนาดคัดแล้วนะก็ยังเยอะอยู่ 555
![]()
มาถึงสวนริมมางจริงๆน่าจะสามโมงเย็นได้ ฝนก็ยังตกแทบตลอด
![]()
ที่พักที่นี่เป็นกระโจมริมน้ำมาง ที่ผมพักราคาคืนล่ะ 900 บาทพร้อมอาหารเช้า
ยังไงถ้าสนใจลองสอบถามที่เพจที่พักดูครับ
สวนริมมาง บ่อเกลือ ![]()
บรรยากาศเขียวๆ ฝนปรอยๆ
![]()
กระโจมริมน้ำถ้าจำไม่ผิดจะมี 5 กระโจม วิวดีสุดคิดว่าเป็นหลังสุดท้าย ช่วงที่ไปฝนตกติดต่อกันทุกวันน้ำจะเยอะแล้วก็ขุ่นๆ
![]()
น้ำไหลแรง บรรยากาศเปียกชื้นเพราะฝนตก จึงทำให้คนเหงา เอ้ยไม่ใช่ดิ 5555
![]()
ผมพักหลังนี้แหละ หลังที่5 วิวดี ฟังเสียงน้ำไหล ถ้าน้ำใสๆหน่อยนะ หืมจะดีมากเลย
![]()
บรรยากาศฝนตกมันก็ดีนะ มีหมอกบางๆลอยตลอด อากาศก็เย็นสบายแต่เสียใจตรงออกไปไหนไม่ได้ 5555
![]()
ภายในกระโจมก็จะมี หมอน มีผ้าห่ม มีผ้าเช็ดตัวให้ มีพัดลมตัวเล็กๆ แต่บอกเลยไม่ได้เปิดอ่ะอากาศเย็นๆเลย
![]()
กระโจมไม่ติดริมน้ำก็มีนะ แลดูหลังใหญ่กว่าด้วย ก็อยู่ไม่ไกลจากริมน้ำหรอก อยู่ด้านหลังกระโจมที่ติดริมน้ำนั่นแหละ
![]()
![]()
บรรยากาศแบบนี้ ที่พักแบบนี้ บอกเลยต้องพาแฟนมาแล้ว รับลองฟินแน่นอน
![]()
พอฝนหายก็เลยมาดูบ่อเกลือโบราณ อายุหลาย100ปี
ตั้งใจจะไปดูเค้าทำเกลือแต่ ช่วงเข้าพรรษาเค้าหยุด3เดือน จะทำอีกทีก็ออกพรรษาเลย อดไปตามระเบียบใครไปหลังออกพรรษาก็จะได้เห็นนะวิธีการต้มเกลือ
![]()
เดินไปเจอร้านกาแฟร้านนึงชื่อร้าน กรุ่นไอเกลือ เห็นร้านแล้วน่านั่ง
![]()
ดูบรรยากาศด้านใน น่านั่งมาก แต่ก็ไม่ได้ลองชิมนะว่าอร่อยไหม
![]()
เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน 555 ตื่นมาแล้วไม่อยากลุกเลย อากาศดีจริงๆนะ
![]()
หลังจากเช็คเอ้าท์ก็มาต่อกันที่
อุ่นไอมาง (Oun I Mang) ที่พัก/ร้านกาแฟในตำนาน เราจะเห็นได้ในรีวิวบ่อยๆ เค้าก็ว่ากันว่าที่พักที่นี่จองยากมากๆ เพราะเต็มเร็ว แต่เราไม่ได้มาพักเราแวะมาชม
![]()
บรรยากาศดีนะ อยู่ติดริมน้ำ แต่เสียดายฝนตกเลยทำให้น้ำขุ่น
![]()
สั่งชาเย็นมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเอ้ยเข้ากับสีน้ำในแม่น้ำ สีเดียวกันเป๊ะ 5555 ถ้าน้ำใสนี่หืม คงจะดีแน่ๆ รถชาติอร่อยนะ หวานมันเข้มข้นดี
![]()
หลังนี้น่าจะเป็นบ้านพัก ไม่แน่ใจราคาคืนล่ะเท่าไรลองเข้าไปดูที่เพจที่พักดูนะ ช่วงหน้าหนาวที่นี่จะมีที่พักเป็นกระโจมริมน้ำด้วย
![]()
ตรงนี้คือตรงไหนไม่รู้ ขับเลยมา555+ แล้วฝนก็ตกหนักเลยย้อนกลับ
![]()
ตอนแรกกะว่าจะไปน้ำตกสะปันแต่ฝนตกค่อนข้างแรงเลยย้อนออกมาแวะมาที่ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน
![]()
ตรงจุดชมวิวหมอกขาวเต็มไปหมดไม่เห็นอะไรเลย ไม่แน่ใจว่าด้านในอุทยานมีอะไรไม่ได้เข้าไป แค่แวะมาถ่ายรูป
![]()
ผมเริ่มออกเดินทางจากบ่อเกลือ มุ่งหน้าไปยังอำเภอปัว ระยะทางประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร เจอวิวสวยๆตรงไหนเราก็จอดถ่าย
![]()
พี่แค่จอดถ่ายรูปแป๊บเดียวทำไมน้องถึงมองพี่ไม่ล่ะสายตาขนาดนั้น ในใจคือกลัวมันจะวิ่งขับเหมือนกัน 555
![]()
ขับมาได้สักพักโอ้ว ถนนในสายหมอก ถนนลอยฟ้าของแท้ จะบอกว่าอากาศเย็นมาก ขับผ่านสายมอกแบบนี้ระยะทางน่าจะ10กว่าโล แต่ขับช้าๆหน่อยนะเพราะมองเห็นลำบาก ทางบางช่วงมีโค้ง และทางเปียกอาจจะลื่นได้
![]()
มีจุดเช็คอินแรกที่ต้องห้ามพลาดโดยประการทั้งป่วง จุดชมวิว1715 ทำไมต้องเป็น1715
1715 เมตร คือความสูงจากระดับน้ำทะเล ผ่านไปอย่าลืมแวะถ่ายรูปน๊า ถ้าขับมาทางบ่อเกลือจุดชมวิวนี้จะอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคา8กิโลเมตร อย่าขับเลยล่ะ
![]()
อีกจุดนึงที่ควรจะแวะไปดูคือต้นชมพูภูคา เค้าว่ากันว่าเป็นพันธ์ไม้ที่หายากที่สุดในโลก ไม่เชื่อลองค้นหาจากพี่Gooได้เลย ในประเทศไทยพบเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาเท่านั้น ดอกมันจะบานช่วงเดือนกุมภา-มีนา ดูในรูปดอกมันช่อๆสีชมพูสวยอ่ะ สวยเลย ถ้ามีโอกาศต้องลองไปหน้าร้อนดูบ้าง
![]()
มาต่อกันที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เสียค่าเข้า 40 บาท ค่ารถมอไซด์ 20 บาทด้านในมีบ้านพักให้ค้างคืน มีหลายหลังนะ จองโดยตรงผ่านทางอุทยาน หรือใครชอบกางเต็นท์นอนก็มีจุดให้กางเต็นท์
![]()
ไปหน้าฝนสิ่งที่ต้องระวังคือทากดูดเลือด จะบอกว่าแค่เดินไปถ่ายรูปตามถนนไม่ได้เข้าป่านะ เจอมันเกาะขา3ตัว คือไม่รู้ด้วยว่ามันเกาะตอนไหน แล้วดึงออกยากมาก พึ่งเคยโดนมันกัดครั้งแรกด้วย 555 รู้สึกแหยงๆเลย แต่เค้าบอกว่าส่วนใหญ่จะเจอเยอะหน้าฝน หน้าหนาวไม่ค่อยเจอ
![]()
หมอกฝนจางๆ อากาศเย็นๆ
![]()
ตรงนี้ก็เป็นบ้านพักราคาหลักร้อยเอง
![]()
เราขับออกมาจาก อุทยาน ระหว่างทางก็จะมีถนนสวยๆ อยู่ตลอดทาง
![]()
ตรงที่ชอบที่สุดที่นึงน่าจะเป็นตรงนี้ จะมองเห็นภูเขาเขียวๆ ยาวสลับกับไปมา วิวสวยมาก บรรยากาศโคตรดี ขอเก็บภาพสักหน่อย ถ้าถามหาพิกัดอยู่ไหนง่ายคือจะมีรถจอดถ่ายเยอะๆ เห็นวิวสวยๆจอดเลย. อิอิ
![]()
มองออกไปสดชื่นดีจริมๆ ชอบอะไรเขียวๆแบบนี้
![]()
มีหมอกบางๆไหลผ่าน อากาศเย็นๆ โคตร cool
![]()
หลังจากนั้นเราก็ยิงยาวมาที่นี่เลยฮะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เมื่อก่อนที่นี่เปิดเป็นโฮมสเตย์ด้วยแต่ตอนนี้โฮมสเตย์ไม่ได้ให้บริการแล้ว ตอนนี้เลยเปิดเป็นร้านอาหารแทน
![]()
ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ จะขึ้นชื่อเรื่องของเมนูเห็ด เมนูเกือบทุกอย่างจะเป็นเห็ด เมนูฮิตที่สุดน่าจะเป็นพิซซ่าหน้าเห็ด คือตอนไปอยากลองมาก แต่ไปช่วงหยุดยาวคนเยอะมากสรุปอดไปตามระเบียบ จริงๆที่นี่คนเยอะตลอดเราลงชื่อจองไว้พอที่โต๊ะว่างเค้าจะประกาศเรียกตามคิว
![]()
ชิงช้าในตำนาน มองไปมองมาจะคล้ายๆบาหลี ใครไปอย่าลืมไปถ่ายรูปกับชิงช้านะ ไม่งั้นถือว่าพลาดอย่างแรง ถ่ายออกมารูปคูลมากบอกเลย
![]()
จริงๆชิงช้ามี2ที่ ตรงนี้จะไม่ค่อยมีคนมาถ่าย อาจจะเป็นเพราะวิวไม่สวยเท่าตรงที่แรก แต่มองไปมองมามันก็สวยดีน๊า ถ่ายตรงนี้ไม่ต้องรอคิวแย่งกับคืนอื่น 555 แต่ถ้าไปแล้วก็ถ่าย2ที่แหละเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง
![]()
ตรงนี้จะเป็นส่วนที่รับประทานอาหาร
![]()
มาต่อกันที่"วังศิลาแลง" จริงๆสามารถเดินลงมาจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำได้ แต่ไม่แนะนำมันไกลพอสมควร ขับรถไปเถอะเชื่อผม 555+ ถ้าเดินก็เหนื่อยอ่ะบอกเลย
![]()
จริงๆแล้วถ้าไม่จังกับช่วงฝนตกบ่อยๆ หรือมาช่วงหน้าแล้งจะสามารถลงไปถ่ายด้านล่างได้ รูปออกมาสวยเลย แต่ไปช่วงหน้าฝนต้องทำใจ น้ำขุ่นแถมทางลื่นด้วย เดินระมัดระวังนะครับเพราะผมลื่นมาแล้ว 5555
วังศิลาแลง ยังได้ฉายาว่าเป็นแกรนด์แคนยอนเมืองปัวด้วยนะ
![]()
ออกจากวังศิลาแลงมาเรามาแวะที่ กาแฟบ้านไทลื้อ อีก1จุดเช็คอินต้องห้ามพลาด ใครมาก็ต้องแวะ
![]()
นี่น่านไงนึกว่าตาก 555+ (ตากผ้าเต็มเลย) อย่าลืมไปถ่ายรูปกับผ้าถุงล่ะเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง
![]()
เค้าว่ากาแฟที่นี่รสชาติดี แต่ก็ไม่ได้ลองนะ 555 มีที่นั่งเป็นซุ้มๆ แต่วันไปคนเยอะมากเป็นวันหยุดยาว
![]()
มีทางเดินไม้ไผ่ มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปเพียบ
![]()
ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่เริ่มปลูกข้าวก็จะเป็นพื้นน้ำในท้องนาสะท้อนดูสวยงาม
![]()
ในสวนของตรงนี้จะเป็นบ้านพัก ของโฮมสเตย์กาแฟบ้านไทยลื้อ ไม่แน่ใจราคาคืนล่ะเท่าไร ลองสอบถามที่เพจที่พักดูครับ >>
โฮมสเตย์กาแฟบ้านไทลื้อ<<
![]()
ลำดวนผ้าทอ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผ้าทอราคาถูก สามารถซื้อเป็นของฝากได้ มีเสื้อผ้าแบบไทยๆให้เลือกเยอะเลย
![]()
ที่พักของเราคืนนี้"ม่อนปัวโฮมสเตย์"
![]()
วิวดี อากาศดี ราคาหลักร้อย
![]()
![]()
ที่พักมีดาดฟ้าดูดาว ชมวิวตอนเช้าๆก็ฟินดีนะ
![]()
![]()
มีสะพานไม้ไผ่ให้เดินเล่นชมวิวทุ่งนา ถ่ายรูปเท่ๆไปอวดเพื่อน
![]()
ที่ชอบที่สุดคือสวนลำใย สามารถเก็บกินได้ฟรี คือแบบฟินเดินเล่นเก็บกินฟินๆเลย ที่นี่ไม่ได้มีแค่ลำใยมีผลไม้อย่างอื่นด้วยทุกอย่างเก็บกินได้ฟรีทุกอย่าง ถ้าไปไม่ตรงช่วงลำใยก็จะมีผลไม้อื่นๆตามฤดูกาล
![]()
เช็คอินเสร็จก็ออกเที่ยวสิครับ มากันที่ วัดภูเก็ต เอ๊ะแต่ทำไมอยู่จังหวัดน่านสงสัยอยู่เหมือนกัน 555 ถือเป็นวัดดังในปัวเลย ใครไม่มาถือว่าพลาดอย่างแรง
![]()
สิ่งที่ห้ามพลาดเลยต้องมาที่ลานชมวิวบนวัดภูเก็ต
![]()
![]()
มองออกไปจะเป็นวิวแบบนี้ เห็นทุ่งนาเห็นภูเขา วิวสวยเลยอ่ะ ไปช่วงนาเขียวเต็มพื้นที่นะแจ่มอ่ะบอกเลย
![]()
ลงมาจากวัดภูเก็ต จะเป็นตูบนาไทยลื้อ ด้านในจะมีร้านขายกาแฟ ร้านขายของ
![]()
วิวดี มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะ
![]()
ดีเลยอ่ะ มีที่นั่งชิวๆวิวดี มุมถ่ายรูปเก๋ๆ
![]()
อีกที่อยู่ใกล้ๆกัน ริมนากาแฟ
![]()
ตรงนี้ก็มุมถ่ายรูปเยอะ ถ้ามีนางแบบมาคงจะดีเลยอ่ะ
![]()
บรรยากาศลูกทุ่งๆ ชอบเลย
![]()
อีกวัดนึงที่ต้องห้ามพลาด คือวัดพระธาตุเบ็งสกัด ถ้าไปต้องแวะไปกราบขอพรพระธาตุ
![]()
ด้านในวิหารก็งดงาม
![]()
มีจุดชมวิวที่วัดพระธาตุด้วย สวยเลย พอจบวัดนี้ก็เข้าที่พัก
![]()
บรรยากาศยามเช้า สดชื่นจริงๆ ตอนเช้ามีข้าวต้ม มีผลไม้ กินข้าวเสร็จเช็คเอ้าลุยต่อ
![]()
คืนที่ 3 เรายังอยู่ที่ปัว พอดีเจอที่พักเปิดใหม่สดๆซิงๆพึ่งเปิดได้แค่ไม่กี่เดือน บ้านฮิมนาปัว ที่พักสไตล์ลอฟท์ ที่พักผ่อนสุดชิว ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งนาเขียวขจี มองเห็นวิวภูเขา บรรยากาศดี ราคาคนล่ะหลักร้อยเอง เหมาะกับคนที่จะไปกับครอบครัวหรือไปกับเพื่อนหลายๆคน แต่ไปสองคนเค้าก็รับนะลองสอบภามได้ที่เพจ
Baan Him Na Pua - บ้านฮิมนาปัว ![]()
ที่พักจะมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นห้องนอนเตียงเดี่ยวนอนได้ 2 คน มีระเบียงด้านหน้า ส่วนชั้นใต้หลังจะนอนได้ 4 คน มีระเบียงชมวิวเล็กๆ
![]()
ห้องนอนกว้างมาก เห็นวิว180องศา มองเห็นทุ่งนา เห็นภูเขา อากาศดีมากบอกเลย
![]()
ห้องนอนชั้นใต้หลังคา นอนได้ 4 คน มีระเบียงชมวิว ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อนนะ มีแอร์เย็นฉ่ำ
![]()
มีเปลให้นอนเล่นชิวๆยามเย็น นอนเล่นฟังเสียงธรรมชาติ
![]()
บริเวณชั้นล่างเป็นที่รับประทานอาหาร วิวดีมาก มีมุมนั่งเล่นน่ารัก หรือจะมานั่งถ่ายรูปเก๋ๆ
![]()
ด้านล่างมีเต็นท์อยู่สองหลัง คือใครอยากชวนเพื่อน ชวนเดอะแก๊งค์มา หรือจะมาเป็นครอบครัวใหญ่ คิดแล้วนับรวมๆมาได้ถึง 10 คน หรือใครชอบนอนเต็นท์เค้าก็คิดแค่คนล่ะ 300 บาทพร้อมอาหารเช้า
![]()
จักรยานสีชมพู ปั่นเล่นชิวๆชมวิวท้องนา
![]()
ไร่ต้นรักที่พักบ้านต้นไม้ ที่นี่มีทุกอย่างเป็นทั้งรีสอร์ท ฟาร์ม คาเฟ่ ร้านอาหาร มีสวนแล้วก็มีทุ่งนาด้วย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นบ้านพัก บ้านพักที่นี่จะเป็นอีกแนวนึงเลยซึ่งจะไม่เหมือนที่อื่นๆ ที่พักจะเป็นสไตล์คล้ายๆเหมือนบ้านต้นไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติ มีความชิคๆไม่เหมือนใคร เป็นที่พักอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เหมาะที่จะพาแฟนมาสวีท ที่นี่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว บรรยากาศดีมาก ได้มานอนสักคืนนี่รับลองฟินแน่นอน
![]()
ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ที่พักเท่านั้น ที่นี่ยังมีอาหาร มีเครื่องดื่ม มีเค้ก มีกาแฟ มีบิงซู เมนูมีให้เลือกเยอะมาก หลากหลาย ลองๆไปดูเมนูอาหารที่เพจไร่ต้นรักดูก็ได้ครับ
![]()
![]()
อร่อยชิมแล้ว คอนเฟิร์ม รสชาติอร่อยเลย
![]()
อีก1ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาปัว
Cocoa Valley Resort ที่นี่เป็นทั้งที่พักแล่ะร้านอาหาร มีวัตถุดิบหลักๆคือโกโก้ แถมที่นี่ยังมีโปรแกรมพาไปเที่ยวสวนโกโก้ ไปดูต้นโกโก้จริงๆ ชิมโกโก้สดจากสวนเลย และยังมีการสอนทำเค้กจากโกโก้อีกด้วย
![]()
ว่าจะไปชิมเค้ก ชิมโกโก้ซะหน่อย คนเยอะมากไม่มีที่นั่ง อดไว้ไปใหม่รอบหน้า 555 ที่ไม่ใช่วันหยุดยาว
![]()
วิวดีงามมาก
![]()
ต้นโกโก้ของแท้แน่นอน ถ้าอยากเข้าไปดูทั้งสวนแล้วก็อยากลองทำเค้กเองติดต่อทางเพจ
CocoaValleyResort ได้เลย เห็นว่าคนล่ะ 350 บาทเองนะ
![]()
พระธาตุจอมทอง ตั้งอยู่เนินเขาหลังหมู่บ้านดอนสถาน เลยโฮมสเตย์ตานงค์มานิดนึง
![]()
โรงเรียนชาวนา เป็นทั้งที่พักและโรงเรียนสอนชาวนา วิวดีด้วย สามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปได้
![]()
ห้องพักวิวดีนะ ชอบจังเลย
![]()
อ่างอาบน้ำในตำนาน ท่ามกลางวิวทุ่งนา
![]()
ช่วงที่ไปเค้าพึ่งเริ่มดำนา นายังเขียวไม่เต็มพื้นที่ ช่วงสิงหา-กันยานาจะเขียวเต็มท้องทุ่ง
![]()
ช่วงที่ไปเค้าพึ่งเริ่มดำนา นายังเขียวไม่เต็มพื้นที่ ช่วงสิงหา-กันยานาจะเขียวเต็มท้องทุ่ง
![]()
Day 4 ผมออกเดินทางจากบ้านฮิมนาปัว
วัดนาวงค์อยู่ข้างทาง ระหว่างทางจากปัว-ท่าวังผา-น่าน เห็นสวยสดุดตาเลยแวะเก็บภาพซะหน่อย
อีกวัดต้องห้ามพลาดโดยประการทั้งปวงเลยคือ"วัดก๋งหรือวัดศรีมงคล" ผมพลาดเต็มๆเสียดายมาก
![]()
จากนั้นก็วิ่งยาวมาตัวเมืองเลยมาที่วัดพระธาตุเขาน้อย
![]()
ไฮไลท์เลยคือตรงนี้เราจะเห็นได้ในรีวิวบ่อยๆ เค้าบอกว่าถ้าจะมาถ่ายรูปที่วัดพระธาตุเขาน้อย ให้มาช่วงเช้าๆหรือเย็นไปจนถึงค่ำๆ จะได้รูปสวยงาม แต่เราไปช่วงบ่ายๆแต่แต่งรูปให้เหมือนช่วงค่ำๆ 555
![]()
วัดพระธาตุแช่แห้ง เค้าว่ามีอายุราวๆ 666 ปีเลยนะ เป็นวัดคู่บ้ายคู่เมืองประจำเมืองน่าน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีเถาะ
![]()
องค์พระธาตุสวย เหลืออร่ามงดงามมาก
![]()
ออกจากวัดมาเริ่มหิวเจอร้านข้าวซอยร้านนึงชื่อ ร้านข้าวซอยน้ำเงี้ยวรสโบราณ รสชาติเด็ดมาก ลองสั่งข้าวซอยสามสหายมา เป็น ปลา หมู ไก่ อร่อยเลย
![]()
ที่พักของเราในเมืองน่าน "น่านนิยม" ที่พักสไตล์ลอฟท์ ราคาหลักร้อย อยู่ใกล้วัดภูมินทร์ ถนนคนเดินน่าน เรียกได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองเลย
![]()
ภายในห้อง ห้องที่ผมพักคืนล่ะ 690 บาท
![]()
ซุ้มลีลาวดี อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
วัดภูมินทร์ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปีที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองน่าน ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้ประวัติการสร้างวัดภูมินทร์ตามพงศาวดารเมืองน่าน ได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่านได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นมา หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2139 อีกทั้งยังมีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่า วัดแห่งนี้เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” และต่อมาในภายหลัง ชื่อวัดได้เพี้ยนไปกลายเป็นวัดภูมินทร์
อาคารเป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ ด้านในมีพุทธรูปหันออกทั้ง 4 ด้าน
ด้านในเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนัง แต่ภาพที่ดังที่สุดคงจะเป็นภาพนี้เป็นภาพของปู่ม่านย่าม่าน ที่ทำท่าทางกระซิบ จึงเรียกภาพนี้ว่าภาพกระซิบรักบันลือโลก
เค้าบอกว่าถ้ามองจากกระจกจะเห็นภาพปู่ม่านย่าม่านสะท้อนสวยมาก เสียดายตอนไปไม่รู้มารู้ทีหลัง
![]()
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน
วัดมิ่งเมือง วัดสีขาวสวยงามมาก
อุโบสถ ความสวยงามมาก
ด้านหน้าอุโบสถส์จะเป็นศาลหลักเมืองน่าน
วัดสวนตาล วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองน่านมาร่วม 600 ปีสร้างขึ้นในสมัยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราวปี พ.ศ.1955 โดยสร้างขึ้นณบริเวณด้านนอกของกำแพงเมืองน่านด้านทิศเหนือ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสวนตาลหลวงมาก่อน และเมื่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาชื่อวัดจึงถูกเรียกตามชื่อของสวนตาลหลวงนั่น เอง นอกจากนี้วัดสวนตาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าทองทิพย์” ทิพย์แห่งทองพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่
ร้านขนมหวานป้านิ่ม ที่ใครๆมาน่านก็ต้องมาลองชิม ขนมไทยใส่ไอศครีม ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยไอติม ข้าวเหนียวดำไอติม สลิ่มน้ำไอติม สาคูไอติม
สั่งสาคูไอติมกับสลิ่มน้ำไอติมอร่อยมาก
ถนนคนเดินน่าน ไม่มาไม่ได้ ของกินเยอะมาก
คนก็เยอะมากเช่นกัน ทางด้านหน้าวัดภูมินทร์จะเป็นลานกว้างๆ มีเสื้อปูให้นั่งรับประทานอาหาร
Day 5 เช้าวันสุดท้ายเรากลับรถไฟเหมือนเดิม
คือเอามอเตอร์ไซด์ไปคืนที่ร้านเช่ารถแล้วนั่งรถตู้จากบขส.น่านไปลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย
รถที่ผมกลับเป็นรถธรรมดารอบ 14.19 น. ปลายทางลพบุรี ถ้าเป็นรอบรอบไปกรุงเทพจะมีรอบ 07.30 น., 10.46 น. 12.39 น. 19.05 น.
เป็นยังไงบ้างครับ น่าน 5 วัน 4 คืน ในมุมมองของผม พยายามเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้มากที่สุด แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป น่านบอกตรงๆเลยชอบมาก เป็นจังหวัดที่ไปแล้วประทับใจสุดๆ อยากอยู่หลายๆวัน แต่คิดว่าเดี๋ยวต้องได้กลับไปอีกแน่นอน ยังไงก็ฝากรีวิวนี้ไว้ด้วยครับ ฝากไว้เป็นแนวทางในการไปเที่ยวน่านว่าจะไปพักที่ไหนดี เที่ยวไหนดีตามรอยได้เลยน๊า
ถ้าชื่นชอบการเดินทางของเราฝากติดตามการเดินทางของเราได้ที่นี่น๊า >> https://web.facebook.com/Yhaktiewkortiew/ <<