"น่าน...นานๆได้ไหม"

เป็นคำที่ผมรู้สึกได้หลังจากกลับมาจากน่าน 5 วัน 4 คืน...
น่านเป็นจังหวัดที่เค้าว่ากันว่ามีภูเขาสวยๆ มีถนนลอยฟ้า มีนาข้าวเขียวขจีในฤดูฝน ผู้คนน่ารัก สถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย น่าค้นหา เป็น1ในจังหวัดที่ตั้งเป้าไว้ว่าสักครั้งนึงต้องไปเยือนให้ได้ หลังๆมานี้รู้สึกว่าจะได้เห็นรีวิวจังหวัดน่านบ่อยมากๆ คนไปเที่ยวน่านกันเยอะ แล้วก็รู้สึกใจเต้นแรงทุกครั้งที่ได้เห็นรีวิว เห็นรูปสวยๆ สถานที่งามๆ เราก็อยากไปบ้าง มันจึงทำให้เราอยากออกไปค้นหา อยากไปเห็นกับตา ความจริงก็อยากไปพักผ่อนนั่นแหละ 555+ ทริปนี้จึงเกิดขึ้น จัดการหาที่พักจองที่พัก วางแพลนคร่าวๆ แล้วลุยกันเลย

ไฮไลท์การเดินทาง
Day 1 พักที่สวนริมมาง : วัดศรีพันต้น>>คุ้มเวียงพิงค์>>29Base>>ถนนลอยฟ้าสันติสุข-บ่อเกลือ>>บ่อเกลือโบราณ
DAy 2 พักที่ม่อนปัว : อุ่นไอมาง>>อุทยานแห่งชาติขุนน่าน>>จุดชมวิว1715>>ดอยภูคา>>ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ>>วังศิลาแลง>>กาแฟไลลื้อ/ลำดวนผ้าทอ>>วัดภูเก็ต>>ตูบนาไทลื้อ/ริมนากาแฟ>>วัดพระธาตุเบ็งสกัด
Day 3 พักที่บ้านฮิมนาปัว : ไร่ต้นรัก>>Cocoa valley resort>>พระธาตุจอมทอง>>โรงเรียนชาวนา
Day 4 พักที่น่านนิยม : วัดนาวงค์>>วัดพระธาตุเขาน้อย>>วัดพระธาตุแช่แห้ง>>ข้าวซอยน้ำเงี้ยวรสโบราณ>>ซุ้มต้นลีลาวดี พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน>>วัดภูมินทร์>>วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร>>วัดมิ่งเมือง>>วัดสวนตาล>>ร้านขนมหวานป้านิ่ม
Day 5 เดินทางกลับบ้าน

**ยาวหน่อยอย่าพึ่งเลื่อนผ่านลองกดอ่านผ่านๆดูก็ได้ ฮ่าๆๆๆๆ

มาเริ่มที่การเดินทางเลย
มา... รถไฟ ปู้นๆๆๆ
เนื่องจากบ้านอยู่ใกล้ทางรถไฟจึงเลือกใช้วิธีนี้ 
ขบวนที่ผมขึ้นจะเป็นรถเร็วขบวน 107 ตามเวลาจะออกจากกรุงเทพ 20.10 น. ถึงเด่นชัย 5.15 เวลาถึงบวกเพิ่มนิดหน่อย(มั้ง)555 ราคาตั๋วชั้น 3 จากกรุงเทพ-เด่นชัย 200 บาท 
ราคาชั้น2อาจจะแพงกว่านี้นิดหน่อย

ในวันที่ไปถึงเด่นชัย ประมาณเกือบๆหกโมงเช้า พอถึงสถานนีเดินทะลุไปด้านหลังสถานีตรงถนนที่มีรถสองแถวจอดอยู่ ถ้ายังไม่มีรถตู้มาจอดก็รอสักแป๊บนึง หรือถามคนแถวนั้นก็ได้ว่ารถตู้มาหรือยัง ถ้าสมมติว่าไปไม่ทันรถตู้ทำไง ให้นั่งรถสองแถวคันสีน้ำเงินเด่นชัย-แพร่ ไปลงที่บขส.แพร่ จากนั้นก็หาคิวรถตู้ไปน่าน

รถคันนี้แหละที่จะพาเราไปน่าน ค่ารถ 100 บาท ถ้าลงที่บขส.น่าน ถ้าไปลงปัว 200 บาท ไปบขส.น่านจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2-3 ชั่วโมงได้ (แนะนำให้หาอะไรกินรองท้องก่อนขึ้นรถ) วันที่ไปรถออกจากเด่นชัยหกโมงกว่าๆ ถึงบขส.น่านเก้าโมงกว่าได้นะ มาถึงบขส.ผมไปเช่ามอเตอร์ไซด์ที่ร้านโตโน่คาเร้นท์ อยู่ไม่ไกลจากบขส.เดินหันหน้าออกจากจากบขส.จะเห็นทางเลี้ยวขวามือเรา(ไม่ใช้ออกไปทางที่เราเข้ามา) เดินเลี้ยวไปทางขวามือจะเห็นตึกสีเขียวๆ ให้เดินตรงไปสักประมาณ200เมตร จะเห็นป้ายร้านเช่ารถนั่นแหละ เดินเข้าไปเลย รถที่ผมเช่าจะเป็นรถฮอนด้าคลิก(ไม่ได้จองก่อนไป) ราคาวันล่ะ 250 บาท ผมเช่า4 วันรวด เสียค่ามัดจำ1000บาท ถ้าไปช่วงวันหยุดยาวแนะนำให้จองก่อนไปก็ดีนะเราเลือกรุ่นได้ แต่ถ้าไปวันธรรมดาไปเลือกเอาที่ร้านได้เลย 
ข้อดีของการเช่ามอเตอร์คือ ประหยัดแล้วก็อยากแวะตรงไหนก็แวะได้เลย ก่อนเที่ยวแวะมาไหว้พระขอพรที่วัดศรีพันต้น ที่เห็นเด่นชัดจะเป็นวิหารสีเหลืองทองสวยงามมาก  จริงๆแพลนที่วางไว้อยากเที่ยววัดในเมืองก่อนสัก2-3วัดแต่ อยู่ๆ GPSดันใช้งานไม่ได้ ลองขับแล้วหลงวนไปวนมา5555+ เลยมุ่งหน้าออกไปบ่อเกลือเลย ระหว่างทางเจอร้านกาแฟร้านนึงน่าสนใจ อยู่ข้างทาง เส้นสันติสุข ชื่อร้าน"คุ้มเวียงพิงค์" วิวดีเลย มองออกไปเห็นภูเขาเขียวๆ อากาศดีด้วย ลองสั่งลาเต้ปั่นมา รสชาติใช้ได้เลย

จากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปยังบ่อเกลือ

เห็นวิวข้างทางตรงไหนสวยๆก็จอดถ่าย จริงๆรูปเยอะมากแต่เลือกมา 555 จริงๆมันสวยแทบตลอดทั้งเส้น ขับไปจอดไปแวะไปมันดี 555 ขับไปขับมามาเจอร้านนึงชื่อร้าน 29 Base มองด้านนอกดูเผินๆเป็นร้านกาแฟธรรมดา แต่มาดูด้านในโอโหวิวดีงามมาก จิบชาจิบกาแฟไป ชมวิวเพลินๆ ฟินไปดิ เจ้าของชื่อลุดโป๊ด แกน่ารักมาก ใจดี แกยังชวนคุยเอารูปสมัยก่อนๆมาให้ดู ลองเข้าไปดูในเพจแกก็ได้ เพจแกชื่อ 29ฺBase  มีที่นั่งเป็นกระตอบๆเล็ก วิวดีๆ มองไปตรงไหนก็เขียว หน้าหนาวใครจะมากางเต็นท์นอนก็ได้นะแกบอก มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูป ใครไม่ทานกาแฟก็สามารถแวะมาถ่ายรูปได้ จบไปกับร้าน 29 Base ได้เวลาเดินทางต่อ... เริ่มเข้าสู่บรรยากาศถนนลอยฟ้า สายฝนเริ่มโปรยปราย แนะนำถ้าขับมอเตอร์ไซด์มาว่าควรเอาเสื้อกันฝนติดมาด้วย เพราะถ้าฝนตกจะเปียกเด้อ555+ บรรยากาศแบบนี้โคตรฟินอ่ะบอกเลย ตรงไหนวิวดีเราจอดแม่มหมด 555 จริงๆรูปเยอะมากนี่ขนาดคัดแล้วนะก็ยังเยอะอยู่ 555 มาถึงสวนริมมางจริงๆน่าจะสามโมงเย็นได้ ฝนก็ยังตกแทบตลอด ที่พักที่นี่เป็นกระโจมริมน้ำมาง ที่ผมพักราคาคืนล่ะ 900 บาทพร้อมอาหารเช้า
ยังไงถ้าสนใจลองสอบถามที่เพจที่พักดูครับ สวนริมมาง บ่อเกลือ  บรรยากาศเขียวๆ ฝนปรอยๆ กระโจมริมน้ำถ้าจำไม่ผิดจะมี 5 กระโจม วิวดีสุดคิดว่าเป็นหลังสุดท้าย ช่วงที่ไปฝนตกติดต่อกันทุกวันน้ำจะเยอะแล้วก็ขุ่นๆ น้ำไหลแรง บรรยากาศเปียกชื้นเพราะฝนตก จึงทำให้คนเหงา เอ้ยไม่ใช่ดิ 5555 ผมพักหลังนี้แหละ หลังที่5 วิวดี ฟังเสียงน้ำไหล ถ้าน้ำใสๆหน่อยนะ หืมจะดีมากเลย บรรยากาศฝนตกมันก็ดีนะ มีหมอกบางๆลอยตลอด อากาศก็เย็นสบายแต่เสียใจตรงออกไปไหนไม่ได้ 5555 ภายในกระโจมก็จะมี หมอน มีผ้าห่ม มีผ้าเช็ดตัวให้ มีพัดลมตัวเล็กๆ แต่บอกเลยไม่ได้เปิดอ่ะอากาศเย็นๆเลย กระโจมไม่ติดริมน้ำก็มีนะ แลดูหลังใหญ่กว่าด้วย ก็อยู่ไม่ไกลจากริมน้ำหรอก อยู่ด้านหลังกระโจมที่ติดริมน้ำนั่นแหละ บรรยากาศแบบนี้ ที่พักแบบนี้ บอกเลยต้องพาแฟนมาแล้ว รับลองฟินแน่นอน พอฝนหายก็เลยมาดูบ่อเกลือโบราณ อายุหลาย100ปี 
ตั้งใจจะไปดูเค้าทำเกลือแต่ ช่วงเข้าพรรษาเค้าหยุด3เดือน จะทำอีกทีก็ออกพรรษาเลย อดไปตามระเบียบใครไปหลังออกพรรษาก็จะได้เห็นนะวิธีการต้มเกลือ เดินไปเจอร้านกาแฟร้านนึงชื่อร้าน กรุ่นไอเกลือ เห็นร้านแล้วน่านั่ง ดูบรรยากาศด้านใน น่านั่งมาก แต่ก็ไม่ได้ลองชิมนะว่าอร่อยไหม เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน 555 ตื่นมาแล้วไม่อยากลุกเลย อากาศดีจริงๆนะ หลังจากเช็คเอ้าท์ก็มาต่อกันที่ อุ่นไอมาง (Oun I Mang) ที่พัก/ร้านกาแฟในตำนาน เราจะเห็นได้ในรีวิวบ่อยๆ เค้าก็ว่ากันว่าที่พักที่นี่จองยากมากๆ เพราะเต็มเร็ว แต่เราไม่ได้มาพักเราแวะมาชม บรรยากาศดีนะ อยู่ติดริมน้ำ แต่เสียดายฝนตกเลยทำให้น้ำขุ่น สั่งชาเย็นมาเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเอ้ยเข้ากับสีน้ำในแม่น้ำ สีเดียวกันเป๊ะ 5555 ถ้าน้ำใสนี่หืม คงจะดีแน่ๆ รถชาติอร่อยนะ หวานมันเข้มข้นดี หลังนี้น่าจะเป็นบ้านพัก ไม่แน่ใจราคาคืนล่ะเท่าไรลองเข้าไปดูที่เพจที่พักดูนะ ช่วงหน้าหนาวที่นี่จะมีที่พักเป็นกระโจมริมน้ำด้วย  ตรงนี้คือตรงไหนไม่รู้ ขับเลยมา555+ แล้วฝนก็ตกหนักเลยย้อนกลับ ตอนแรกกะว่าจะไปน้ำตกสะปันแต่ฝนตกค่อนข้างแรงเลยย้อนออกมาแวะมาที่ อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ตรงจุดชมวิวหมอกขาวเต็มไปหมดไม่เห็นอะไรเลย ไม่แน่ใจว่าด้านในอุทยานมีอะไรไม่ได้เข้าไป แค่แวะมาถ่ายรูป ผมเริ่มออกเดินทางจากบ่อเกลือ มุ่งหน้าไปยังอำเภอปัว ระยะทางประมาณ 50 กว่ากิโลเมตร เจอวิวสวยๆตรงไหนเราก็จอดถ่าย พี่แค่จอดถ่ายรูปแป๊บเดียวทำไมน้องถึงมองพี่ไม่ล่ะสายตาขนาดนั้น ในใจคือกลัวมันจะวิ่งขับเหมือนกัน 555 ขับมาได้สักพักโอ้ว ถนนในสายหมอก ถนนลอยฟ้าของแท้ จะบอกว่าอากาศเย็นมาก ขับผ่านสายมอกแบบนี้ระยะทางน่าจะ10กว่าโล แต่ขับช้าๆหน่อยนะเพราะมองเห็นลำบาก ทางบางช่วงมีโค้ง และทางเปียกอาจจะลื่นได้ มีจุดเช็คอินแรกที่ต้องห้ามพลาดโดยประการทั้งป่วง จุดชมวิว1715 ทำไมต้องเป็น1715 
1715 เมตร คือความสูงจากระดับน้ำทะเล ผ่านไปอย่าลืมแวะถ่ายรูปน๊า ถ้าขับมาทางบ่อเกลือจุดชมวิวนี้จะอยู่ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติดอยภูคา8กิโลเมตร อย่าขับเลยล่ะ อีกจุดนึงที่ควรจะแวะไปดูคือต้นชมพูภูคา เค้าว่ากันว่าเป็นพันธ์ไม้ที่หายากที่สุดในโลก ไม่เชื่อลองค้นหาจากพี่Gooได้เลย ในประเทศไทยพบเฉพาะที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคาเท่านั้น ดอกมันจะบานช่วงเดือนกุมภา-มีนา ดูในรูปดอกมันช่อๆสีชมพูสวยอ่ะ สวยเลย ถ้ามีโอกาศต้องลองไปหน้าร้อนดูบ้าง มาต่อกันที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา เสียค่าเข้า 40 บาท ค่ารถมอไซด์ 20 บาทด้านในมีบ้านพักให้ค้างคืน มีหลายหลังนะ จองโดยตรงผ่านทางอุทยาน หรือใครชอบกางเต็นท์นอนก็มีจุดให้กางเต็นท์ ไปหน้าฝนสิ่งที่ต้องระวังคือทากดูดเลือด จะบอกว่าแค่เดินไปถ่ายรูปตามถนนไม่ได้เข้าป่านะ เจอมันเกาะขา3ตัว คือไม่รู้ด้วยว่ามันเกาะตอนไหน แล้วดึงออกยากมาก พึ่งเคยโดนมันกัดครั้งแรกด้วย 555 รู้สึกแหยงๆเลย แต่เค้าบอกว่าส่วนใหญ่จะเจอเยอะหน้าฝน หน้าหนาวไม่ค่อยเจอ หมอกฝนจางๆ อากาศเย็นๆ ตรงนี้ก็เป็นบ้านพักราคาหลักร้อยเอง เราขับออกมาจาก อุทยาน ระหว่างทางก็จะมีถนนสวยๆ อยู่ตลอดทางตรงที่ชอบที่สุดที่นึงน่าจะเป็นตรงนี้ จะมองเห็นภูเขาเขียวๆ ยาวสลับกับไปมา วิวสวยมาก บรรยากาศโคตรดี ขอเก็บภาพสักหน่อย ถ้าถามหาพิกัดอยู่ไหนง่ายคือจะมีรถจอดถ่ายเยอะๆ เห็นวิวสวยๆจอดเลย. อิอิ มองออกไปสดชื่นดีจริมๆ ชอบอะไรเขียวๆแบบนี้ มีหมอกบางๆไหลผ่าน อากาศเย็นๆ โคตร cool

หลังจากนั้นเราก็ยิงยาวมาที่นี่เลยฮะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ เมื่อก่อนที่นี่เปิดเป็นโฮมสเตย์ด้วยแต่ตอนนี้โฮมสเตย์ไม่ได้ให้บริการแล้ว ตอนนี้เลยเปิดเป็นร้านอาหารแทน

ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ จะขึ้นชื่อเรื่องของเมนูเห็ด เมนูเกือบทุกอย่างจะเป็นเห็ด เมนูฮิตที่สุดน่าจะเป็นพิซซ่าหน้าเห็ด คือตอนไปอยากลองมาก แต่ไปช่วงหยุดยาวคนเยอะมากสรุปอดไปตามระเบียบ จริงๆที่นี่คนเยอะตลอดเราลงชื่อจองไว้พอที่โต๊ะว่างเค้าจะประกาศเรียกตามคิว ชิงช้าในตำนาน มองไปมองมาจะคล้ายๆบาหลี ใครไปอย่าลืมไปถ่ายรูปกับชิงช้านะ ไม่งั้นถือว่าพลาดอย่างแรง ถ่ายออกมารูปคูลมากบอกเลย จริงๆชิงช้ามี2ที่ ตรงนี้จะไม่ค่อยมีคนมาถ่าย อาจจะเป็นเพราะวิวไม่สวยเท่าตรงที่แรก แต่มองไปมองมามันก็สวยดีน๊า ถ่ายตรงนี้ไม่ต้องรอคิวแย่งกับคืนอื่น 555 แต่ถ้าไปแล้วก็ถ่าย2ที่แหละเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง

ตรงนี้จะเป็นส่วนที่รับประทานอาหาร

มาต่อกันที่"วังศิลาแลง" จริงๆสามารถเดินลงมาจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำได้ แต่ไม่แนะนำมันไกลพอสมควร ขับรถไปเถอะเชื่อผม 555+ ถ้าเดินก็เหนื่อยอ่ะบอกเลย จริงๆแล้วถ้าไม่จังกับช่วงฝนตกบ่อยๆ หรือมาช่วงหน้าแล้งจะสามารถลงไปถ่ายด้านล่างได้ รูปออกมาสวยเลย แต่ไปช่วงหน้าฝนต้องทำใจ น้ำขุ่นแถมทางลื่นด้วย เดินระมัดระวังนะครับเพราะผมลื่นมาแล้ว 5555
วังศิลาแลง ยังได้ฉายาว่าเป็นแกรนด์แคนยอนเมืองปัวด้วยนะ ออกจากวังศิลาแลงมาเรามาแวะที่ กาแฟบ้านไทลื้อ อีก1จุดเช็คอินต้องห้ามพลาด ใครมาก็ต้องแวะ นี่น่านไงนึกว่าตาก 555+ (ตากผ้าเต็มเลย) อย่าลืมไปถ่ายรูปกับผ้าถุงล่ะเดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึง เค้าว่ากาแฟที่นี่รสชาติดี แต่ก็ไม่ได้ลองนะ 555 มีที่นั่งเป็นซุ้มๆ แต่วันไปคนเยอะมากเป็นวันหยุดยาว มีทางเดินไม้ไผ่ มีมุมเก๋ๆให้ถ่ายรูปเพียบ ช่วงที่ไปเป็นช่วงที่เริ่มปลูกข้าวก็จะเป็นพื้นน้ำในท้องนาสะท้อนดูสวยงาม ในสวนของตรงนี้จะเป็นบ้านพัก ของโฮมสเตย์กาแฟบ้านไทยลื้อ ไม่แน่ใจราคาคืนล่ะเท่าไร ลองสอบถามที่เพจที่พักดูครับ >>โฮมสเตย์กาแฟบ้านไทลื้อ<< ลำดวนผ้าทอ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผ้าทอราคาถูก สามารถซื้อเป็นของฝากได้ มีเสื้อผ้าแบบไทยๆให้เลือกเยอะเลย ที่พักของเราคืนนี้"ม่อนปัวโฮมสเตย์" วิวดี อากาศดี ราคาหลักร้อย ที่พักมีดาดฟ้าดูดาว ชมวิวตอนเช้าๆก็ฟินดีนะ มีสะพานไม้ไผ่ให้เดินเล่นชมวิวทุ่งนา ถ่ายรูปเท่ๆไปอวดเพื่อน ที่ชอบที่สุดคือสวนลำใย สามารถเก็บกินได้ฟรี คือแบบฟินเดินเล่นเก็บกินฟินๆเลย ที่นี่ไม่ได้มีแค่ลำใยมีผลไม้อย่างอื่นด้วยทุกอย่างเก็บกินได้ฟรีทุกอย่าง ถ้าไปไม่ตรงช่วงลำใยก็จะมีผลไม้อื่นๆตามฤดูกาล เช็คอินเสร็จก็ออกเที่ยวสิครับ มากันที่ วัดภูเก็ต เอ๊ะแต่ทำไมอยู่จังหวัดน่านสงสัยอยู่เหมือนกัน 555 ถือเป็นวัดดังในปัวเลย ใครไม่มาถือว่าพลาดอย่างแรง สิ่งที่ห้ามพลาดเลยต้องมาที่ลานชมวิวบนวัดภูเก็ต มองออกไปจะเป็นวิวแบบนี้ เห็นทุ่งนาเห็นภูเขา วิวสวยเลยอ่ะ ไปช่วงนาเขียวเต็มพื้นที่นะแจ่มอ่ะบอกเลย

ลงมาจากวัดภูเก็ต จะเป็นตูบนาไทยลื้อ ด้านในจะมีร้านขายกาแฟ ร้านขายของ

วิวดี มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะ ดีเลยอ่ะ มีที่นั่งชิวๆวิวดี มุมถ่ายรูปเก๋ๆ อีกที่อยู่ใกล้ๆกัน ริมนากาแฟ ตรงนี้ก็มุมถ่ายรูปเยอะ ถ้ามีนางแบบมาคงจะดีเลยอ่ะ บรรยากาศลูกทุ่งๆ ชอบเลย อีกวัดนึงที่ต้องห้ามพลาด คือวัดพระธาตุเบ็งสกัด ถ้าไปต้องแวะไปกราบขอพรพระธาตุ ด้านในวิหารก็งดงาม มีจุดชมวิวที่วัดพระธาตุด้วย สวยเลย พอจบวัดนี้ก็เข้าที่พัก บรรยากาศยามเช้า สดชื่นจริงๆ ตอนเช้ามีข้าวต้ม มีผลไม้ กินข้าวเสร็จเช็คเอ้าลุยต่อ คืนที่ 3 เรายังอยู่ที่ปัว พอดีเจอที่พักเปิดใหม่สดๆซิงๆพึ่งเปิดได้แค่ไม่กี่เดือน บ้านฮิมนาปัว ที่พักสไตล์ลอฟท์ ที่พักผ่อนสุดชิว ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งนาเขียวขจี มองเห็นวิวภูเขา บรรยากาศดี ราคาคนล่ะหลักร้อยเอง เหมาะกับคนที่จะไปกับครอบครัวหรือไปกับเพื่อนหลายๆคน แต่ไปสองคนเค้าก็รับนะลองสอบภามได้ที่เพจ Baan Him Na Pua - บ้านฮิมนาปัว ที่พักจะมีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกจะเป็นห้องนอนเตียงเดี่ยวนอนได้ 2 คน มีระเบียงด้านหน้า ส่วนชั้นใต้หลังจะนอนได้ 4 คน มีระเบียงชมวิวเล็กๆ ห้องนอนกว้างมาก เห็นวิว180องศา มองเห็นทุ่งนา เห็นภูเขา อากาศดีมากบอกเลย ห้องนอนชั้นใต้หลังคา นอนได้ 4 คน มีระเบียงชมวิว ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อนนะ มีแอร์เย็นฉ่ำ มีเปลให้นอนเล่นชิวๆยามเย็น นอนเล่นฟังเสียงธรรมชาติ บริเวณชั้นล่างเป็นที่รับประทานอาหาร วิวดีมาก มีมุมนั่งเล่นน่ารัก หรือจะมานั่งถ่ายรูปเก๋ๆ ด้านล่างมีเต็นท์อยู่สองหลัง คือใครอยากชวนเพื่อน ชวนเดอะแก๊งค์มา หรือจะมาเป็นครอบครัวใหญ่ คิดแล้วนับรวมๆมาได้ถึง 10 คน หรือใครชอบนอนเต็นท์เค้าก็คิดแค่คนล่ะ 300 บาทพร้อมอาหารเช้า จักรยานสีชมพู ปั่นเล่นชิวๆชมวิวท้องนา ไร่ต้นรักที่พักบ้านต้นไม้ ที่นี่มีทุกอย่างเป็นทั้งรีสอร์ท ฟาร์ม คาเฟ่ ร้านอาหาร มีสวนแล้วก็มีทุ่งนาด้วย สิ่งที่น่าสนใจที่สุดน่าจะเป็นบ้านพัก บ้านพักที่นี่จะเป็นอีกแนวนึงเลยซึ่งจะไม่เหมือนที่อื่นๆ ที่พักจะเป็นสไตล์คล้ายๆเหมือนบ้านต้นไม้ ใกล้ชิดธรรมชาติ มีความชิคๆไม่เหมือนใคร เป็นที่พักอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เหมาะที่จะพาแฟนมาสวีท ที่นี่มีความเงียบสงบและเป็นส่วนตัว บรรยากาศดีมาก ได้มานอนสักคืนนี่รับลองฟินแน่นอน  ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ที่พักเท่านั้น ที่นี่ยังมีอาหาร มีเครื่องดื่ม มีเค้ก มีกาแฟ มีบิงซู เมนูมีให้เลือกเยอะมาก หลากหลาย ลองๆไปดูเมนูอาหารที่เพจไร่ต้นรักดูก็ได้ครับ  อร่อยชิมแล้ว คอนเฟิร์ม รสชาติอร่อยเลย อีก1ที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาปัว 
Cocoa Valley Resort ที่นี่เป็นทั้งที่พักแล่ะร้านอาหาร มีวัตถุดิบหลักๆคือโกโก้ แถมที่นี่ยังมีโปรแกรมพาไปเที่ยวสวนโกโก้ ไปดูต้นโกโก้จริงๆ ชิมโกโก้สดจากสวนเลย และยังมีการสอนทำเค้กจากโกโก้อีกด้วย ว่าจะไปชิมเค้ก ชิมโกโก้ซะหน่อย คนเยอะมากไม่มีที่นั่ง อดไว้ไปใหม่รอบหน้า 555 ที่ไม่ใช่วันหยุดยาว วิวดีงามมาก ต้นโกโก้ของแท้แน่นอน ถ้าอยากเข้าไปดูทั้งสวนแล้วก็อยากลองทำเค้กเองติดต่อทางเพจCocoaValleyResort ได้เลย เห็นว่าคนล่ะ 350 บาทเองนะ พระธาตุจอมทอง ตั้งอยู่เนินเขาหลังหมู่บ้านดอนสถาน เลยโฮมสเตย์ตานงค์มานิดนึง โรงเรียนชาวนา เป็นทั้งที่พักและโรงเรียนสอนชาวนา วิวดีด้วย สามารถแวะเข้าไปถ่ายรูปได้ ห้องพักวิวดีนะ ชอบจังเลย อ่างอาบน้ำในตำนาน ท่ามกลางวิวทุ่งนา ช่วงที่ไปเค้าพึ่งเริ่มดำนา นายังเขียวไม่เต็มพื้นที่ ช่วงสิงหา-กันยานาจะเขียวเต็มท้องทุ่ง ช่วงที่ไปเค้าพึ่งเริ่มดำนา นายังเขียวไม่เต็มพื้นที่ ช่วงสิงหา-กันยานาจะเขียวเต็มท้องทุ่ง Day 4 ผมออกเดินทางจากบ้านฮิมนาปัว
วัดนาวงค์อยู่ข้างทาง ระหว่างทางจากปัว-ท่าวังผา-น่าน เห็นสวยสดุดตาเลยแวะเก็บภาพซะหน่อย 
อีกวัดต้องห้ามพลาดโดยประการทั้งปวงเลยคือ"วัดก๋งหรือวัดศรีมงคล" ผมพลาดเต็มๆเสียดายมาก

จากนั้นก็วิ่งยาวมาตัวเมืองเลยมาที่วัดพระธาตุเขาน้อย

ไฮไลท์เลยคือตรงนี้เราจะเห็นได้ในรีวิวบ่อยๆ เค้าบอกว่าถ้าจะมาถ่ายรูปที่วัดพระธาตุเขาน้อย ให้มาช่วงเช้าๆหรือเย็นไปจนถึงค่ำๆ จะได้รูปสวยงาม แต่เราไปช่วงบ่ายๆแต่แต่งรูปให้เหมือนช่วงค่ำๆ 555 วัดพระธาตุแช่แห้ง เค้าว่ามีอายุราวๆ 666 ปีเลยนะ เป็นวัดคู่บ้ายคู่เมืองประจำเมืองน่าน เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีเถาะ องค์พระธาตุสวย เหลืออร่ามงดงามมาก ออกจากวัดมาเริ่มหิวเจอร้านข้าวซอยร้านนึงชื่อ ร้านข้าวซอยน้ำเงี้ยวรสโบราณ รสชาติเด็ดมาก ลองสั่งข้าวซอยสามสหายมา เป็น ปลา หมู ไก่ อร่อยเลย

ที่พักของเราในเมืองน่าน "น่านนิยม" ที่พักสไตล์ลอฟท์ ราคาหลักร้อย อยู่ใกล้วัดภูมินทร์ ถนนคนเดินน่าน เรียกได้ว่าอยู่ใจกลางเมืองเลย

ภายในห้อง ห้องที่ผมพักคืนล่ะ 690 บาท

ซุ้มลีลาวดี อยู่ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน

วัดภูมินทร์ เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 400 ปีที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองน่าน ด้วยลักษณะสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งนี้ประวัติการสร้างวัดภูมินทร์ตามพงศาวดารเมืองน่าน ได้กล่าวไว้ว่า พระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์เจ้าผู้ครองนครน่านได้สร้างวัดภูมินทร์ขึ้นมา หลังจากที่ครองนครน่านได้ 6 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2139 อีกทั้งยังมีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่า วัดแห่งนี้เดิมชื่อ “วัดพรหมมินทร์” และต่อมาในภายหลัง ชื่อวัดได้เพี้ยนไปกลายเป็นวัดภูมินทร์

อาคารเป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ประธาน โดยใช้อาคารในแนวตะวันออก-ตะวันตกเป็นพระวิหาร และอาคารแนวเหนือ-ใต้เป็นพระอุโบสถ ด้านในมีพุทธรูปหันออกทั้ง 4 ด้าน

ด้านในเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนัง แต่ภาพที่ดังที่สุดคงจะเป็นภาพนี้เป็นภาพของปู่ม่านย่าม่าน ที่ทำท่าทางกระซิบ จึงเรียกภาพนี้ว่าภาพกระซิบรักบันลือโลก
เค้าบอกว่าถ้ามองจากกระจกจะเห็นภาพปู่ม่านย่าม่านสะท้อนสวยมาก เสียดายตอนไปไม่รู้มารู้ทีหลัง

วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน

วัดมิ่งเมือง วัดสีขาวสวยงามมาก 

อุโบสถ ความสวยงามมาก

ด้านหน้าอุโบสถส์จะเป็นศาลหลักเมืองน่าน

วัดสวนตาล วัดเก่าแก่ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองน่านมาร่วม 600 ปีสร้างขึ้นในสมัยพระนางปทุมมาวดีชายาของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่านเมื่อราวปี พ.ศ.1955 โดยสร้างขึ้นณบริเวณด้านนอกของกำแพงเมืองน่านด้านทิศเหนือ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสวนตาลหลวงมาก่อน และเมื่อสร้างวัดแห่งนี้ขึ้นมาชื่อวัดจึงถูกเรียกตามชื่อของสวนตาลหลวงนั่น เอง นอกจากนี้วัดสวนตาลยังเป็นที่ประดิษฐานของ “พระเจ้าทองทิพย์” ทิพย์แห่งทองพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่

ร้านขนมหวานป้านิ่ม ที่ใครๆมาน่านก็ต้องมาลองชิม ขนมไทยใส่ไอศครีม ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยไอติม ข้าวเหนียวดำไอติม สลิ่มน้ำไอติม สาคูไอติม

สั่งสาคูไอติมกับสลิ่มน้ำไอติมอร่อยมาก

ถนนคนเดินน่าน ไม่มาไม่ได้ ของกินเยอะมาก

คนก็เยอะมากเช่นกัน ทางด้านหน้าวัดภูมินทร์จะเป็นลานกว้างๆ มีเสื้อปูให้นั่งรับประทานอาหาร

Day 5 เช้าวันสุดท้ายเรากลับรถไฟเหมือนเดิม
คือเอามอเตอร์ไซด์ไปคืนที่ร้านเช่ารถแล้วนั่งรถตู้จากบขส.น่านไปลงที่สถานีรถไฟเด่นชัย 
รถที่ผมกลับเป็นรถธรรมดารอบ 14.19 น. ปลายทางลพบุรี ถ้าเป็นรอบรอบไปกรุงเทพจะมีรอบ 07.30 น., 10.46 น. 12.39 น. 19.05 น.

เป็นยังไงบ้างครับ น่าน 5 วัน 4 คืน ในมุมมองของผม พยายามเก็บสถานที่ท่องเที่ยวให้มากที่สุด แต่ก็ยังมีอีกหลายที่ที่ยังไม่ได้ไป น่านบอกตรงๆเลยชอบมาก เป็นจังหวัดที่ไปแล้วประทับใจสุดๆ อยากอยู่หลายๆวัน แต่คิดว่าเดี๋ยวต้องได้กลับไปอีกแน่นอน ยังไงก็ฝากรีวิวนี้ไว้ด้วยครับ ฝากไว้เป็นแนวทางในการไปเที่ยวน่านว่าจะไปพักที่ไหนดี เที่ยวไหนดีตามรอยได้เลยน๊า 

ถ้าชื่นชอบการเดินทางของเราฝากติดตามการเดินทางของเราได้ที่นี่น๊า >> https://web.facebook.com/Yhaktiewkortiew/ <<