แผนการเดินทาง

วันที่ 7 พ.ย. 57 กรุงเทพฯ - เชียงราย - เชียงแสน

วันที่ 8 พ.ย. 57 เชียงแสน - แม่สาย - บ้านห้วยไคร์ - ดอยช้างมูบ - แม่ฟ้าหลวง

วันที่ 9 พ.ย. 57 แม่ฟ้าหลวง - ดอยแม่สลอง - เชียงราย

ค่าใช้จ่ายตลอดทริป 2,718 บาท รวมค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ กรุงเทพฯ - เชียงราย ไม่รวมค่าอาหารและเครื่องดื่ม

ค่าตั๋ว 1,000 บาท

ค่ารถแท็กซี่ (เปิดมิเตอร์) สนามบินเชียงราย - ขนส่งเชียงราย 138 บาท (ต่อคน 69 บาท)

ค่ารถตู้ เชียงราย - เชียงแสน  45 บาท

ค่าเช่ารถมอเตอร์ไซต์ (เชียงแสน) 200 บาทต่อวัน

ค่าที่พักเกสต์เฮาส์ริมโขง (ห้องพัดลม) 300 บาทต่อคืน

ค่ารถสองแถว เชียงแสน - แม่สาย   50 บาท

ค่ารถสองแถว แม่สาย - บ้านห้วยไคร์ 25 บาท

ค่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์ บ้านห้วยไคร์ - ดอยช้างมูบ 140 บาท

ค่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์ไป-กลับ สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง - วัดถ้ำอาชาทอง (วัดพระขี่ม้า) 150 บาท

ค่าจ้างรถมอเตอร์ไซค์ แม่ฟ้าหลวง - แม่สลอง - แม่จัน  500 บาท

ค่ารถเมล์ แม่จัน - เชียราย   25 บาท

ค่ารถแท็กซี่ ขนส่งเชียงราย - เรียวกังคาเฟ่   160 บาท (ต่อคน 80 บาท)

ค่ารถแท็กซี่ เรียวกังคาเฟ่ - สนามบินเชียงราย 268 บาท (ต่อคน 134 บาท)

ทริปนี้อาจจะหนักไปที่ค่ารถแท็กซี่ที่เชียงราย (นับว่าแพงมาก)

ทริปเริ่มต้นเดินทางโดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ ซึ่งตั๋วที่เราได้เป็นตั๋วโปรโมชั่นระหว่างสายการบินและบัตรเครดิตธนาคาร กสิกรไทย ราคาตั๋วไป-กลับ 1,000 บาท เริ่มออกจากสุวรรณภูมิตั้งแต่เจ็ดโมงกว่าๆ ถึงเชียงรายเกือบ 9 โมง เดิมพวกเราตั้งใจจะขึ้นดอยภูชี้ฟ้า แต่เมื่อเราไปที่ขนส่งเก่าแล้วพบว่า รถตู้ขึ้นภูชี้ฟ้ายังไม่เปิดวิ่งให้บริการ พวกเราเลยเปลี่ยนแผนไปเที่ยวเชียงแสนก่อน โดยนั่งรถตู้สายเชียงราย-เชียงแสน ในราคา 45 บาทต่อคน เมื่อถึงเชียงแสน พวกเราก็เดินดุ่มๆ หาที่พักได้เกสต์เฮาส์ริมโขงห้องพัดลม ราคา 300 บาทต่อคืน ซึ่งเกสต์เฮาส์นี้ตั้งอยู่เยื้่องสถานีตำรวจเชียงแสน หลังจากที่ทานข้าวเที่ยงกันแล้ว พวกเราก็ตระเวณหาร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่งจุดพิกัดอยู่ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ สาขาเชียงแสน ร้านนี้เป็นร้านตัดผมผู้ชายและให้เช่ามอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีราคา 200 บาทต่อวัน โดยวางแค่บัตรประชาชนเป็นค่ามัดจำ พวกเราขี่รถมอเตอร์ไซค์ตระเวณทั่วเชียงแสนและขี่ไปเที่ยวทะเลสาบเชียงแสน

 ทะเลสาบเชียงแสนในเวลานี้ สะพานชำรุด ไม่สามารถเดินก้าวข้ามได้

หลังจากขี่รถมอเตอร์ไซค์วนรอบๆ ทะเลสาบเชียงแสน พวกเราก็กลับมาที่เชียงแสนเพื่อซื้อเสบียงตุนไว้ เนื่องจากน้องสาวทานอาหารเจ ร้านนี้พิกัดอยู่ตรงเส้นกำแพงเมืองโบราณเชียงแสนซึ่งพิกัดอยู่ตรงจุดบริการนักท่องเที่ยว

จากนั้น พวกเราก็ขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่สามเหลี่ยมทองคำ ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาที่เชียงแสน เพื่อดูงานลอยกระทง

คืนวันนั้นเป็นวันลอยกระทงที่เชียงแสน

ที่พักคืนนี้ติดริมโขง ห้องสะอาดและมีน้ำอุ่นในราคาห้องพัดลม 300 บาท

 
 

เดิมวันที่สอง พวกเราตั้งใจจะแบกเป้ไปเชียงของ และเช่ามอเตอร์ไซต์ขี่ขึ้นดอยผาตั้ง แต่เมื่อพวกเราไปนั่งรอรถสองแถวเชียงแสน - เชียงของ ตั้งแต่ 7 โมงกว่า จนถึงเกือบ 9 โมง รถก็ยังไม่ออก ทั้งๆ ที่คนเต็มคันรถ แต่เจ้าของรถบอกว่า ยังไม่ครบ และถ้าทุกคน (ซึ่งนับจำนวนได้ 10 คน) จ่ายเงินเพิ่มอีกคนละ 50 บาท รถก็ออก ทุกคนก็นิ่ง แถมรถสองแถวอีกคันเดินมาถามเราว่า ถ้าเราเหมาไปถึงเชียงของจะวิ่งเดียวนี้ ในราคา 1,000 บาท พวกเราก็เลยตัดสินใจไม่ไปเชียงของ และตัดสินใจเดินไปตั้งหลักที่ร้านกาแฟใกล้ๆ กับสถานีตำรวจเชียงแสน จากนั้น พวกเราตัดสินใจที่จะไปแม่สายและไปดอยตุง

วิวทิวทัศน์ระหว่างเชียงแสน - แม่สาย

ปั้มน้ำมันระหว่างทาง เป็นตู้หยอดเหรียญ

ถนนที่มีวิวสวย สามเหลี่ยมทองคำ - แม่สาย

จากแม่สายพวกเราต่อรถสองแถวไปบ้านห้วยไคร์ และจ้างพี่วินมอเตอร์ไซต์ไปดอยช้างมูบ (เดิมจะไปดอยตุง แต่ตอนรอรถสองแถวแม่สาย-บ้านห้วยไคร์ คนแถวนั้นบอกว่า ดอยช้างมูบสวยกว่า น่าจะไปกางเต้นท์นอนได้)

ที่ดอยช้างมูบ ทหารที่รักษาการณ์ที่นั้นบอกว่า เดิมให้กางเต้นท์ได้ แต่ตอนนี้ สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยให้ทำแบบนั้น พวกเราจึงได้เปลี่ยนแผนไปกางเต้นท์ที่สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง

ระหว่างทางแวะพระธาตุช้างมูบ

ที่สถานีตำรวจแม่ฟ้าหลวง กางเต้นท์ฟรี มีห้องน้ำและร้านค้าอำนวยความสะดวก

เมื่อไปถึง พี่วินมอเตอร์ไซค์ชี้ไปที่ภูเขาอีกลูกที่เป็นที่ตั้งของวัดป่าถ้ำอาชาทองหรือวัดพระขี่ม้า แล้วพวกเราก็จ้างพี่วินไปที่วัดทันที วัดนี้ หากใครอยากทำบุญเชิญได้เลย เพราะยังต้องการปัจจัยผ้าห่มและหนังสือสำหรับบริจาคให้ชาวเขา

เมื่อกลับจากวัดถ้ำป่าอาชาทอง พวกเราก็นัดพี่วินมารับ 7 โมงเช้าวันรุ่งขึ้นเพื่อไปดอยแม่สลอง สำหรับบรรยากาศการกางเต้นท์นอนที่สถานีตำรวจภูธรแม่ฟ้าหลวง บรรยากาศดีมาก และอากาศไม่หนาวมาก