-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
-
Aoraae • สิงหาคม 19, 2558
-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
ทางรถไฟสายมรณะ
เริ่มออกเดินทางโดยใช้บริการ การรถไฟแห่งประเทศไทย
ออก 07:50 น. ถึง 12:35 น.
http://www.railway.co.th/Ticket/TrainStopStation_Time_All.asp?IdTrain=257
จุดเริ่มต้น
เค้าว่ากันว่า เส้นทางรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย คือ เส้นทางรถไฟสายมรณะ
นั่นคือเหตุผลของการเลือกเดินทางโดยรถไฟ (ฟรี)
เรามาถึงทันเวลาที่รถไฟกำลังจะเคลื่อนขบวนมาจอดพอดี และถือว่าเป็นความโชคดีที่ประตูทางขึ้นจ่อตรงด้านหน้าของเรา เราย่างก้าวอย่างสบายใจ แต่ก็ตามมาด้วยการกระทบไหล่กับคนด้านข้างแบบเบาๆ เมื่อตะเกียดตะกายขึ้นรถไฟมาแล้ว สิ่งแรกที่มองหาคือที่นั่งเหมาะๆ ขอแค่มุมที่นั่งมองออกไปแล้วเห็นบรรยากาศของสองข้างทางได้ก็พอ
เราใช้เวลาในการนั่งอยู่บนรถไฟขบวนนั้นเป็นเวลานานนับหลายชั่วโมง กิจกรรมแรกที่เราทำกันบนนั้นคือยัดหมูปิ้งใส่ปากด้วยความหิวโหย หลังจากนั้นเราก็เริ่มทำความรู้จักกับบุคคลที่อยู่ด้านหน้า ขบวนเคลื่อนที่ไปตามรางคู่ เมื่อถึงช่วงสถานีสะพานแควใหญ่ นั่นคือจุดถ่ายรูปที่หนึ่ง และสถานีสะพานถ้ำกระแซ นั่นคือจุดถ่ายรูปที่สอง ทั้งสองสถานีเป็นจุดเด่นของการเดินทางในครั้งนี้
อาหารบนรถไฟ
ในบางครั้งเราไม่สามารถเลือกทานอาหารที่ถูกใจได้ เมื่อเราอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด
การเดินทางในครั้งนั้น เรายังจดจำบรรยากาศได้ดี ความรู้สึกที่ร้อนอบอ้าว การใช้ชีวิต ความอดทน และการได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมโลก มันคุ้มค่าจริงๆ (:
-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
เมื่อความมืดมาเยือน
เราเดินทางมาถึงปลายทางในเวลา 14:35 น. ซึ่งรถไฟล่าช้ากว่าเวลาที่แสดงจริงไป 2 ชั่วโมงเต็มๆ ตอนนั้นไม่คิดอะไรมาก คือหิว ร่างกายต้องการพลังงาน เราจึงหาข้าวกินกันก่อน เมื่ออิ่มท้องเป็นที่เรียบร้อย เราจึงไปต่อรถที่ทางขึ้นน้ำตกไทรโยกน้อย เพื่อมุ่งหน้าสู่สังขละบุรี เป็นลำดับถัดไป
ด้วยเวลาที่เหลือน้อย เราจึงรีบกระโดดขึ้นรถบัสคันแรกที่ผ่าน แล้วมาต่อรถตู้ที่ตลาดทองผาภูมิอีกทีหนึ่ง เพื่อไปยังจุดมุ่งหมายที่วางเอาไว้ ใกล้พลบค่ำ เราเดินทางมาถึงตลาดสังขละบุรี แล้วรีบโทรหาเจ้าของที่พัก เพื่อให้เค้ามารับเรา http://www.phetrantee.com/
หลังจากเข้าที่พักเสร็จเราก็ออกไปหาอะไรกินตอนเย็น พร้อมกับแก๊งค์สาวสาวสาวสาวสาว ที่มารถไฟขบวนเดียวกันกับเราและพักที่เดียวกัน พี่เจ้าของที่พักเลยบริการฟรีไปรับไปส่งทุกที่ที่อยากไป เราจึงกลายเป็นแก๊งค์สาว (5+2=7) นับตั้งแต่บัดเดี๋ยวนั้นเป็นต้นมา
เวลาของคืนแรกกำลังจะหมดไปด้วยการเดินทาง และปิดท้ายกิจกรรมของค่ำคืนนี้ด้วยการ check in ทาง facebook
https://www.facebook.com/aoraae.eeee
-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
เช้านี้ที่สังขละ
เริ่มต้นด้วยการทำบุญตักบาตร เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้กับชีวิต
บ้านเราเมืองพุทธ บ้านเขาก็เมืองพุทธ
ซื้อชุดตักบาตร มีหลายราคาตั้งแต่ 79 บาท 89 บาท และ 99 บาท
บริการพร้อมผ้าถุงให้นุงฟรี (คืนด้วยนะ)
-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
เส้นทางอารยธรรม
#aoraaeseearoundtheworld
จากตอนแรกที่สมาชิกแก๊งค์เรามีกัน 7 คน ตอนนี้ได้มีเพิ่มมาอีก 2 คน เมื่อคู่หูคู่หนึ่งเปลี่ยนแปลงการเดินทางมายังที่นี่อย่างกระทันหัน เพราะโลกเหวี่ยงให้เรามาเจอกัน อิอิ >///< เพราะฉะนั้นแล้วตอนนี้สมาชิกเราจึงเป็น 9 คน
ขึ้นเรือสิคะ รออะไร ..
โฉมหน้าสมาชิก
.......................................................
เมื่อพร้อมกันแล้วก็ออกเดินเรือได้ Go!
*เจ้าของเรือเค้าบอกว่าจ่ายเงินทีหลัง เดี๋ยวจะไม่สนุก*
จากสะพานมอญ เราล่องไปตามลำน้ำซองกาเรีย เพื่อที่จะไปชมความงดงามของเมืองบาดาล ซึ่งถูกจัดให้เป็นหนึ่งใน Unseen Thailand ควรค่าแก่การสัมผัส ระหว่างที่ลอยอยู่กลางแม่น้ำนั้น ทั้งสองข้างทางมีแพกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่พำนักพักพิงของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในแถบนั้น
ล่องเรือมาได้สักพักเราก็ถึงจุดหมายแรก วัดวังก์วิเวการาม (เดิม)
หรือถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วัดจมน้ำ หรือวัดใต้น้ำ หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม 'เมืองบาดาล' เป็นสถานที่เล่าขานถึงตำนานของหลวงพ่ออุตตมะ เมื่อน้ำขึ้นในช่วงฤดูฝน เราจะมองไม่เห็นตัววัด แต่หากมาเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อน ปริมาณน้ำจะลดน้อยลง และสามารถเข้าไปสัมผัสด้านในของโบราณสถานแห่งนี้ได้
สถานที่ถัดไป วัดสมเด็จ (เก่า)
วัดนี้อยู่ถัดมาจากวัดวังก์วิเวการาม ทางเข้าค่อนข้างที่จะอยู่ห่างจากพื้นที่จอดเรือชายฝั่ง ต้องเดินขึ้นไปโดยประมาณ 250 เมตร ก่อนทางขึ้นบันไดจะมีชาวมอญขายไม้มะลิ (อ้าว งง กันสิ คือมันไม่ใช่พวงมาลัยมะลิ แต่เป็นการนำดอกมะลิมาเสียบไม้ เรียกไม่ถูกค่ะ >//<) เพื่อนำไปไหว้พระด้านในโบสถ์
เมื่อลงจากเรือ
ก่อนเข้าวัด สองข้างทางเต็มไปด้วยป่าไม้
หมดเวลาแล้วค่า ไปกันต่อดีกว่า
..........................................................................
เราล่องเรือมายังสถานที่สุดท้าย และเมื่อเรือจอดท่าปุ๊บ ก้าวลงปั๊ป ยุบสิคะ มันเป็นดินเลนที่ชุ่มช่ำไปด้วยน้ำ ก่อนจะลงจากเรือก็ระวังกันด้วยนะคะ (เตือนน๊า)
การเดินทางไปยังตัวโบราณสถานก็ค่อนข้างไกลนึดนึงค่ะ
a : เฮ้ย! นั่นหอนาฬิกาไง
m : มันใช่หรอว่ะ
a : โทษๆ หอระฆังว่ะ ฟิ้วววววว
ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นบนสนามหญ้าที่อังกฤษเลยค่ะ (ดึงสติกันหน่อยน๊า ฮ่าๆ :P)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กลับกันเถอะ
-
Aoraae • สิงหาคม 19 , 2558
ที่พัก
เมื่อเรือลำน้อยๆ ลอยล่องกลับเข้าฝั่ง เป็นเวลาพระอาทิตย์อยู่บนศีรษะพอดิบพอดี ร่างกายที่สูญเสียพลังงาน เราจึงควรหาพลังงานสำรองมาทดแทนพลังงานที่ร่างกายใช้ไป พูดง่ายๆก็คือ หาอะไรกระแทกปากสิคะ ไม่รอช้าค่ะ พอกระแทกปากเสร็จเราก็นัดแนะกับเดอะแก๊งค์ว่าจะกลับเข้าที่พักเพื่อ check out เพราะว่าจองไปคืนเดียว อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างค่ะ เปลี่ยนจากการนอนเต้นท์มานอน home stay เราสองคนกับพี่สาวห้าคนออกมานอนที่บ้านพักของครูซึ่งอยู่ใกล้สะพาญมอญมากกว่าที่พักในคืนแรก สามารถเดินไปยังตัวสะพานได้เลยโดยไม่ต้องใช้รถ พอกลับมาถึงที่พักก็จ่ายเงินค่าที่พักคืนแรก นอนเต้นท์คนละ 300 บาท
ตัวที่พักไม่ค่อยมีเวลาถ่ายรูปเลยค่ะ รีบแต่จะไปสะพานมอญ ได้แต่บรรยากาศโดยรวม
แต่สามารถเข้าไปดูที่พักได้ที่ http://www.phetrantee.com/
หลังจากออกมาจากที่พักในคืนแรกแล้ว เราก็แว๊นไปยัง home stay คนที่นั่นใจดีมากๆ มีบริการไปรับไปส่ง
หลังจากเข้าที่พักกันแล้ว เป็นเวลาบ่ายโมงกว่า ช่วงนี้แดดกำลังร้อนมากค่ะ เราเลยตัดสินใจนอนพักเอาแรงกันก่อน ใกล้เวลาเย็นๆเราจะไปเดินเล่นกันที่สะพานอีกครั้ง
คร่อกก z z Z . . .
-
Aoraae • สิงหาคม 20 , 2558
รอยยิ้ม
ขณะนี้เป็นเวลาประมาณสี่โมงเศษๆ เราสองคนตื่นทำธุระส่วนตัว เพื่อเตรียมตัวออกไปเดินเล่นบริเวณสะพาญมอญ ครูบอกว่า เราสามารถเดินไปทางด้านหลังของวัดแล้วเดินเรื่อยๆก็จะถึงสะพานแดงก่อน แล้วเดินต่อไปยังสะพาญมอญอีกที เราจึงไปตามทางที่ครูแนะนำมา เดินเข้าซอย โผล่หลังวัด เห็นวิวสะพานทั้งสอง
เราเดินผ่านสะพานแดง เพื่อไปยัง สะพานมอญ จุดบรรจบกันระหว่างสองสะพานคือพื้นที่ของ "สามประสบ"
"สามประสบ" เป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงมาเป็นระยะเวลานาน เป็นรีสอร์ทที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม
ณ บริเวณสะพานมอญในช่วงเย็น
ขณะที่พวกเรากำลังเก็บภาพความประทับใจ ก็มีเด็กๆชาวมอญเข้ามาถ่ายรูปด้วย
"มิตรภาพเข้ามาพร้อมรอยยิ้มเสมอ"
รอยยิ้ม ในวันนั้น ยังตราตรึงอยู่ในใจ จนถึงวันนี้
เราเดินเล่นกันที่สะพาน แล้วข้ามไปหาอะไรกินกันฝั่งมอญ พอดีมีรุ่นพี่ที่รู้จักกันทักมาบอกว่า ให้ไปชิมขนมจีนร้านป้าหยิน พี่แกฝากความคิดถึงไปยังเจ้าของร้าน รุ่นพี่คนนี้มาที่นี่ประมาณสามครั้งได้ ครั้งแรกมาเพราะอยากคุยกับตัวเอง ครั้งที่สองมาเพราะคิดถึง และครั้งที่สามมาเพราะความผูกพัน และล่าสุดแกมาที่นี่อีกครั้งหลังเราได้สองอาทิตย์เมื่อกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พี่แกสร้างอัลบั้มรูปภาพใช้ชื่อว่า 'ไม่มีครั้งสุดท้ายที่สังขละบุรี...' แล้วเราจะเป็นดั่งเช่นนั้นไหมนะ ...
-
Aoraae • สิงหาคม 20 , 2558
พบกันใหม่
วันนี้เป็นเช้าวันแรงงานแห่งชาติ และเป็นเช้าวันสุดท้ายของการเดินทางในครั้งนี้ เราตื่นแต่เช้าตรู่กันอีกครั้ง เพื่อมาเก็บและซึมซับบรรยากาศที่นี่อีกครา ก่อนที่เราจะจากกันไกล
แล้วพบกันใหม่ . . .
-
Aoraae • สิงหาคม 20 , 2558
ค่าใช้จ่าย
- วันที่หนึ่ง
รถไฟฟรีจาก ธนบุรี - น้ำตก
รถบัสไปตลาดทองผาภูมิ 80 บาท
รถตู้ไปสังขละบุรี 80 บาท
ค่าอาหารตลอดการเดินทาง ประมาณ 250 บาท
ค่าที่พัก 300 บาท
- วันที่สอง
อาหารตักบาตรหนึ่งชุด (หารสอง) คนละ 40 บาท
ค่าเรือ 80 บาท
ค่าอาหารตลอดทั้งวัน ประมาณ 250 บาท
ค่าที่พัก 250 บาท
- วันที่สาม
ของฝาก 250 บาท
ค่ารถตู้ไปกาญจนบุรี 80 บาท
ค่ารถตู้เข้ากรุงเทพฯ 130 บาท
ค่าอาหารตลอดทั้งวัน ประมาณ 200 บาท
ยอดรวม 1990 บาท
ตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะกลับรถไฟฟรีเหมือนเดิม แต่ดันไปตรงกับวันหยุดทางราชการ พวกเราเลยต้องเสียค่ารถกลับกันเอง แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมเราถือว่าโอเคมากๆเลยคะ (:
-
โหลดเพิ่ม