ทริปนี้เราเดินทางด้วยรถไฟ .... ชิลๆ คูล ๆ ขึ้นที่สถานีบางกอกน้อย (ธนบุรี) เวลา 7.50 น.ลงสุดสถานีที่สถานี ”น้ำตก.........ทั้งนี้เวลาเดินรถไฟ บางวันอาจมีการล่าช้าได้ตั้งแต่ 5 นาที – 1 ชั่วโมง (หรือกว่านั้น) จึงควรวางแผนการเดินทางเผื่อแผน 2 แผน 3 ไว้ให้ดี ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เราคาดไว้ รถไฟเลทมากกกกกกกกกกกกกกก เราเลยตัดสินใจเหมารถสองแถวนั่งยาวมาลงสังขละ พอดีมีเพื่อนๆ ร่วมชะตากรรมเดียวกันก็หารค่ารถสองแถวกันตกแล้วคนละประมาณ 100 บาท ส่วนที่พักเราจองไว้ล่วงหน้าแล้วววว
พอถึงสังขละก็เย็นพอดี จากที่พักของเราไปที่สะพานมอญไม่ไกลมาก หาเช่ามอเตอร์ไชค์และออกไปหาอะไรกิน ที่ถนนคนคนเดิน เมนูแนะนำก็คือหมูจุ่มพม่า ไม้ละ 1 บาท มีหัวหมู ปอด ตับ กระเพราะ เครื่องในต่างๆ น้ำซุปจะสีออกส้มๆ หอมเครื่องในกับสมุนไพรมากเลย เวลาทานก็จิ้มน้ำจิ้มซึ่งมี 2 แบบเป็นจิ้มทะเล และสีแดงซึ่งแซ่บสะเด็ดมากเลยค่ะ....ต่อด้วยไปนั่งชิลดูวิวสะพานมอญตอนกลางคืนแล้วก็แยกย้ายกันไปนอน
วันแรกเรามีโปรแกรมจะข้ามไปเที่ยวพม่ากันโดยจะต้องติดต่อที่ด่านชายแดนเจดีย์สามองค์เพื่อทำบัตรผ่านแดนเข้าพม่า
ที่แรกเลยก็คือ วัดเสาร้อยต้น" เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า ที่อยู่ห่างจากด่านเจดีย์สามองค์ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ประมาณ 5 กม. เท่านั้นเอง ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวด่านเจดีย์สามองค์ มักจะข้ามแดนเข้ามาเที่ยวที่วัดเสาร้อยต้นนี้ด้วยเช่นกันค่ะ เนื่องจากเดินทางไม่ยาก สามารถขับรถเข้าไปเองหรือนั่งรถสองแถวบริการนำเที่ยวจากด่านก็ได้อีกด้วยวัดเสาร้อยต้น เมืองพญาตองซู ประเทศพม่า เป็นวัดที่หลวงพ่ออุตตมะเคยสร้างและเคยจำพรรษาที่นี่ สร้างโดยใช้เสาทั้งต้นจากไม้แดง จำนวนมากถึง 105 ต้น จนกลายเป็นที่มาของชื่อวัดนั่นเอง
พระพุทธรูปที่เป็นพระอรหันต์จำนวน 120 รูป ที่ตั้งแถวทอดยาวไปยังภูเขา
บรรยากาศสองข้างทางระหว่างเราเดินทาง วัดเจดีย์ทองหรือวัดทองคำ.........ตั้งอยู่บนเนินเขา ไม่ห่างจากวัดเสาร้อยต้นมาก สามารถขับรถขึ้นไปถึงบริเวณเจดีย์ได้ องค์เจดีย์มีขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอร่าม ฐานทรงเหลี่ยม ด้านบนทรงระฆัง รูปทรงคล้ายกับเจดีย์ชเวดากองในเมืองย่างกุ้ง รอบองค์เจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพม่า จุดนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองพญาตองซู และฝั่งไทยได้ด้วยพระพุทธไสยาสน์เจาทัตยี พระตาหวาน ย่างกุ้ง พม่า (พระนอนตาหวาน) เป็นพระนอนปางพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ทั้งพระพักตร์และขนตาที่งดงาม ดวงตาของท่านเป็นแก้ว สั่งผลิตมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะรวมไปถึงพระจีวรที่มีความพริ้วไหวสมจริงและเมื่อเดินมายังปลายสุดพระบาทของพระนอนองค์นี้ ตรงที่พระบาทมีภาพวาดเป็นมิ่งมงคลสูงสุด เพราะประกอบด้วยลายลักษณธรรมจักร ในบริเวณใจกลางฝ่าพระบาทและล้อมด้วย รูปมงคล 108 ประการ
พระมหาอตุลมุนี วัดตองไว ตั้งอยู่เขตชานเมืองพญาตองซู ข้ามด่านชายแดนไทยทางฝั่งด่านเจดีย์ 3 องค์ วัดนี้สร้างขึ้นในปีไหนไม่มีหลักฐานบันทึกไว้ ลักษณะวัดเป็นศิลปะแบบพม่า ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆ มีวิหารพระเจ้าทันใจกำลังก่อสร้างอยู่และมีพระพุทธรูปศิลปพม่าอีกหลายองค์ประดิษฐานอยู่ข้างในนั้น ข้างหน้าวิหารมีสถูปเจดีย์ประดิษฐานอยู่ หลังพระเจดีย์มีรูปปั้นพระพุทธเจ้าทรงประทับอยู่บนนาคมุจลินทร์
ตลาดพญาตองซู เป็นเหมือนตลาดสดของไทย มีผักสด หมู ปลา ของแห้งของกินของใช้ทั่วไป เช่นหอม กระเทียม กะปิ ปลาแห้งเป็นต้น ส่วนของที่ระลึก ของฝากก็มี แต่ที่เห็นมีขายแทบทุกร้านคือ ใบพลู หมาก ปูน เพราะยังมีคนพม่าจำนวนมากที่ยังกินมาก ยังมีรถเข็นขายหมากทำสำเร็จไว้ให้ด้วยนอกจากนี้ก็มีพวกเสื้อผ้า โสร่งพม่า เครื่องประทินผิวพม่า เครื่องประดับ พลอย นิล หินสีต่างๆ เฟอร์นิเจอร์ไม้ นอกจากการเดินชมตลาดพื้นบ้านของฝั่งพม่าแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ และของกินของใช้แปลกๆ อีกด้วย สามารถแวะชิมหมูพะโล้เสียบไม้ละ 1 บาท
สะพานไม้อุตตมานุสรณ์ หรือที่เรียกกันว่า สะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทยมีความยาวถึง 850 เมตร สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลียสำหรับให้ประชาชนฝั่งตัวอำเภอสังขละบุรีและฝั่งหมู่บ้านชาวมอญเดินข้ามสัญจรไปมา บริเวณสะพานแห่งนี้เป็นจุดชมวิวทะเลสาบที่สวยงาม เป็นอีกสถานที่นักท่องเที่ยวและช่างภาพให้ความสนใจจำนวนมาก
คนที่มาเที่ยวสังขละฯ ไม่ได้ต้องการสัมผัสแค่อากาศสดชื่นและสายหมอก หรือมาเดินเล่นชมวิวที่สะพานไม้เท่านั้น แต่วิถีชีวิตของชาวบ้าน โดยเฉพาะชาวมอญในชุมชนวัดวังก์วิเวการาม ถือเป็นเสน่ห์และแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมายังเมืองชายแดนแห่งนี้ สำหรับวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับกรุงเทพในช่วงเช้าเราก็แวะมาใส่บาตรพระยามเช้ากันที่สะพานมอญ