ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
หุบป่าตาด Unseen ดินแดนจูราสสิคแห่งเมืองอู่ไท หุบป่าตาด (Hup Pa Tat) จ.อุทัยธานี
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  ธันวาคม 12 , 2556

    หุบป่าตาด Unseen ดินแดนจูราสสิคแห่งเมืองอู่ไท

    ก่อนออกเดินทางไปเยือนจังหวัดอุทัยธานี เราบังเอิญไปพบเห็นข้อมูลที่น่าสนใจถึงความมหัศจรรย์ของผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อสะดุดหูว่า “หุบป่าตาด” แถมยังรู้มาว่าที่นี่นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen in Thailand อีกด้วย หลังจากสอบถามเพื่อนพ้องกันไปมาแต่ก็ยังไม่ได้ความกระจ่างเท่าที่ควร เพราะยังไม่เคยมีคนรอบๆ ตัวเคยเดินทางไปที่หุบป่าตาดเลยซักคน ทั้งๆ ที่บางคนแวะเวียนไปอุทัยธานีมาก็หลายครั้งแล้วก็ เมื่อไม่แล้วใจในความอยากรู้อยากเห็นส่วนตัว การออกเดินทางไปค้นหาคำตอบ ไปให้เห็นด้วยตาตัวเองก็คงเป็นวิธีที่ดีที่สุด จริงไหมครับ??

    จากตัวเมืองอุทัยธานีมุ่งหน้าสู่อำเภอลานสัก เข้าไปในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน เมื่อจัดแจงจ่ายค่าธรรมเนียมและสอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้แล้ว เราก็ได้มัคคุเทศน์น้อยมาเป็นผู้นำทางหนึ่งคน พร้อมกันแล้ว เราก็เดินตามน้องหนึ่งขึ้นไปบริเวณปากถ้ำซึ่งเป็นทางเข้า นับจากก้าวแรกที่เราค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ ความตื่นเต้น ความอยากรู้อยากเห็นก็ค่อยๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเข้าไปในหุบป่าตาด เราจะต้องเดินผ่านความมืดมิดในถ้ำเป็นระยะทางราวๆ 40 เมตร ซึ่งอาศัยเพียงแสงนำทางจากกระบอกไฟฉายของน้องหนึ่งเท่านั้น ถ้าส่องไฟขึ้นไปตามผนังถ้ำเราก็จะเห็นค้างคาวเกาะอยู่เต็มไปหมด พอผ่านถ้ำมาได้ ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เหมือนกับว่าเราได้เดินผ่านอุโมงค์เวลาย้อนกลับไปในยุคจูราสสิคอย่างไรอย่างนั้น เพราะพื้นที่ด้านล่างที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนนั้นเต็มไปด้วยต้นตาดขึ้นเบียดกันแน่นขนัด อันเป็นที่มาของชื่อ “หุบป่าตาด” ซึ่ง “ต้นตาด” หรือ “ต้นต๋าว” (Aranga pinnata (Wrumb.) Merr.) เป็นพืชในตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่หาดูได้ยาก และมักจะขึ้นตามป่าดงดิบที่มีอากาศชื้นและหนาวเย็น บริเวณโดยรอบของหุบป่าตาดนี้เป็นระบบนิเวศค่อนข้างปิดเนื่องจากมีทางเข้าออกทางเดียว แสงแดดจะส่องถึงเฉพาะช่วงเวลาเที่ยงวันเท่านั้น ต้นตาดจึงเติบโตได้ดี น้องหนึ่งไกด์หนุ่มน้อยของเราบอกว่า ลูกตาดที่เราเห็นเป็นทะลายใหญ่สีดำบนยอดต้นนั้น เนื้อในมีลักษณะคล้ายลูกชิดสามารถนำไปต้มกินได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกันเนื่องจากมีเนื้อค่อนข้างน้อยนั่นเอง

    • โพสต์-2
    theTripPacker •  ธันวาคม 12, 2556
    • โพสต์-3
    theTripPacker •  ธันวาคม 12 , 2556

    น้องหนึ่งนำเราเดินลงไปในหุบเขา เข้าไปอยู่ท่ามกลางดงตาดที่มองอย่างไรก็ชวนให้เราจินตนาการอยากให้มีไดโนเสาร์หลงเหลือให้เราได้เห็นบ้างซักตัวสองตัว แล้วจินตนาการอันเพ้อเจ้อของเราก็ต้องหยุดลงด้วยเสียงอธิบายเจื้อยแจ้วของน้องหนึ่ง เมื่อเราเดินมาถึงโถงถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญของหุบป่าตาด พื้นที่บริเวณนี้เปรียบเหมือนช่องประตูที่นำเราผ่านทะลุสู่อีกห้องของหุบเขา แค่แว๊บแรกที่เห็นเราก็แอบร้องอยู่ในใจว่า “นี่มันหนังเรื่องจูราสสิคพาร์ค ชัดๆ” ซึ่งจุดนี้เองที่ถือเป็นมุมถ่ายภาพยอดฮิต ใครที่พกกล้องติดตัวไปด้วยก็ต้องไม่พลาดที่จะหามุมถ่ายรูปจากบริเวณนี้ ทั้งลักษณะของหินงอก หินย้อยที่แปลกตาชวนมอง แถมยังกระตุกต่อมจินตนาการได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งหินที่มีรูปร่างเหมือนเต่ายักษ์ หินรูปหัวม้า หรือแม้กระทั่งแท่งหินทรงกลมที่น้องหนึ่งชี้บอกกับเราว่ามันคือ กระปุกออมสิน สนุกสนานกันจนเพลินกับการสร้างภาพจินตนาการให้หินแต่ละก้อนแล้ว เราก็เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ตามทางเดินที่มีอยู่ นอกจากต้นตาดที่เป็นพระเอกของหุบนี้แล้ว ยังมีพืชพันธุ์ที่หลากหลายทั้งที่เราคุ้นตาและไม่คุ้นตา เช่น ต้นกระพง ยมหิน ยมป่า ต้นไทร และต้นปอหูช้างที่ขึ้นอยู่บนก้อนหิน ไม่ยอมงอกบนดิน ด้วยระบบนิเวศน์ของบริเวณนี้ที่ถือว่ายังคงความสมบูรณ์อยู่มาก จึงเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เลียงผา ไก่ฟ้า ลิง และนกหลากสายพันธุ์เลยทีเดียว

    อีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญในหุบป่าตาดและจัดว่าเป็นของดีของหายากระดับโลกเลยก็คือ “กิ้งกือมังกรสีชมพู” (Shocking Pink Millipede) สัตว์ที่ได้รับการประกาศให้เป็นสุดยอดการค้นพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่อันดับ 3 ของโลก ซึ่งในประเทศไทยสามารถพบได้ที่บริเวณหุบป่าตาดเพียงแห่งเดียวเท่านั้น น่าเสียดายที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นเจ้ากิ้งกือมังกรสีชมพูตัวเป็นๆ กับตา เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าแล้ง ถ้าเลือกมาเที่ยวในช่วงหน้าฝนก็จะมีโอกาสพบเห็นได้มากหน่อย ส่วนใครที่พบเจอเจ้ากิ้งกือสีสวยก็อย่าได้ชะล่าใจนะครับ เพราะความสวยงามของมันแฝงไว้ด้วยพิษประเภทไซยาไนด์เพื่อใช้ป้องกันตัวจากศัตรูธรรมชาตินั่นเอง

    หลังจากเพลิดเพลินอยู่ในดินแดนดึกดำบรรพ์นานกว่า 2 ชั่วโมง ก็ได้เวลาที่เราต้องก้าวออกจากอุโมงค์เวลากลับมาสู่โลกปัจจุบันเสียที ถึงแม้ว่าภารกิจพิชิตหุบป่าตาดของเราจะยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ เพราะไม่เห็นกิ้งกือมังกรสีชมพูบันลือโลกแบบตัวเป็นๆ แต่ความมหัศจรรย์ของผืนป่าตาดกลางหุบเขาหินปูนแห่งนี้ก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเราไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าจะเปรียบหุบป่าตาดแห่งนี้เป็นป่าในยุคจูราสสิค ก็คงขาดแต่เพียงภาพไดโนเสาร์วิ่งไล่งับกันไปมาเท่านั้น ที่เราจะต้องอาศัยการจินตนาการกันเอาเอง

    • โพสต์-4
    theTripPacker •  ธันวาคม 12 , 2556

    Note

    - หุบป่าตาด อยู่ภายใต้การดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน  ตั้งอยู่ก่อนเข้าปลาร้าประมาณ 1 กิโลเมตร

    - ไฮไลท์สำคัญของหุบป่าตาด ได้แก่ “ต้นตาด” ที่เป็นพืชตระกูลปาล์มดึกดำบรรพ์ที่พบมากในบริเวณหุบเขาหินปูนนี้  “กิ้งกือมังกรสีชมพู” สัตว์หายากของโลกที่ในประเทศไทยสามารถพบเห็นได้ที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

    - หุบป่าตาดเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00-17.00 น. รอบสุดท้ายเปิดให้เข้าภายในเวลา 16.30 น.

    - นักท่องเที่ยวควรพกไฟฉายติดตัวไปด้วย เนื่องจากทางเข้าหุบป่าตาดเป็นทางเดินผ่านถ้ำมืดสนิท ในระยะทางประมาณ 40 เมตร

    - ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีมัคคุเทศน์น้อยคอยบริการนำเที่ยวชมหุบป่าตาด ซึ่งค่าบริการก็แล้วแต่จะให้ตามสมควร

    • โพสต์-5
    theTripPacker •  ธันวาคม 12, 2556

    Editor's Comment

    • จุดเด่น:
    • สภาพหุบเขาหินปูนที่มีต้นตาดเติบโตอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า “หุบป่าตาด” รวมทั้งลักษณะทางธรณีวิทยาที่ทำให้พื้นที่บริเวณนี้คล้ายกับป่าดึกดำบรรพ์ในยุคจูราสสิค รวมถึงการค้นพบกิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์หายากของโลกที่ในประเทศไทยสามารถพบเจอได้ที่หุบป่าตาดแห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นไฮไลท์สำคัญที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดเมื่อมาถึงหุบป่าตาดแล้ว
    • จุดด้อย:
    • ป้ายอธิบายตามพรรรณไม้สำคัญ หรือตามจุดสำคัญต่างๆ ชำรุดบ้าง ตัวอักษรเลือนลางบ้าง หรือบางจุดก็ใช้การไม่ได้เลย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้รับความรู้ความเข้าใจถึงความสำคัญของจุดต่างๆ เท่าที่ควร ถ้าหากไม่ใช้บริการมัคคุเทศน์นำทาง ซึ่งมีบริการเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ นักท่องเที่ยวก็อาจจะไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับพื้นที่ภายในหุบป่าตาดเลย
    • ข้อสรุป:
    • หุบป่าตาดจัดเป็นผืนป่าดึกดำบรรพ์ที่น่าสนใจมากอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ทั้งลักษณะทางธรณีวิทยาก็ดี และลักษณะทางนิเวศวิทยาก็ดี ที่พื้นที่บริเวณนี้มีความหลากหลายของพันธุ์ไม้หายาก รวมถึงยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์มากมาย ซึ่งเราสามารถเข้าไปเที่ยวชมและศึกษาธรรมชาติได้โดยง่าย อีกทั้งหุบป่าตาดยังเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว Unseen in Thailand ของจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งนักท่องเที่ยวควรจะหาโอกาสมาเที่ยวด้วยตัวเองซักครั้ง
    คะแนน
    • โพสต์-6
    theTripPacker •  ธันวาคม 12 , 2556

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ : ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี

    GPS : 15.376971, 99.631019

    เบอร์ติดต่อ : เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน 0 5698 9128, 08 4819 7855, 08 9270 7412 เวลาทำการ : 8.00-17.00 น. รอบสุดท้ายเปิดให้เข้าตอน 16.30 น.

    ค่าธรรมเนียม :

    - ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท

    - ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท

    ช่วงเวลาแนะนำ : ตลอดทั้งปี แต่ถ้าอยากเห็นกิ้งกือมังกรสีชมพู แนะนำให้มาในช่วงฤดูฝนจะพบเห็นได้ง่าย

    ไฮไลท์ : หุบเขาที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติซึ่งมีต้นตาดขึ้นอยู่เต็มไปหมด ให้บรรยากาศเหมือนยุคจูราสิคอย่างไรอย่างนั้น นอกจากนี้ภายในหุบป่าตาดยังมี “กิ้งกือมังกรสีชมพู” ที่พบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย และพบเห็นได้ในช่วงฤดูฝน รวมถึงต้น “ปอหูช้าง” ที่งอกอยู่บนหิน

    กิจกรรม : เดินชมหุบป่าตาดตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ศึกษาพันธุ์ไม้โบราณ พืชหายากต่างๆ รวมถึงชมกิ้งกือมังกรสีชมพูที่พบเจอในบริเวณนี้แห่งเดียวในประเทศไทย

    • โพสต์-7
    theTripPacker •  ธันวาคม 12 , 2556

    วิธีการเดินทาง

    จากตัวเมืองอุทัยธานีให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 333 สายอุทัยธานี-หนองฉาง จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 3438 สายหนองฉาง-ลานสัก มุ่งหน้าไปอำเภอลานสักเป็นระยะทางประมาณ 21.5 กิโลเมตร จะถึงทางเข้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาปลาร้า ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางลาดยางอีก 6 กิโลเมตร ก็จะถึงหุบป่าตาด


    • โพสต์-8
    theTripPacker •  ธันวาคม 12, 2556
    • โพสต์-9
    theTripPacker •  ธันวาคม 17, 2556