หากพูดถึงจุดเช็คอินหน้าฝน สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ และทัศนียภาพสุดอลังการ "หินสามวาฬ" จังหวัดบึงกาฬ ถือเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาด หินยักษ์อายุกว่า 75 ล้านปีนี้ ตั้งอยู่ในเขตอนุรักษ์เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู บนพื้นที่กว่า 12,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสมบูรณ์ มีทั้งป่าไม้หลากหลายชนิด รวมถึงกลุ่มหินที่มีรูปร่างแปลกตา ทำให้การมาที่นี่เป็นการผจญภัยที่ทั้งตื่นเต้น และเงียบสงบไปพร้อมๆ กัน
เส้นทางสู่หินสามวาฬ นักท่องเที่ยวต้องจอดรถส่วนตัวไว้ที่ลานจอดด้านล่าง และใช้บริการรถกระบะนำเที่ยวของชุมชนเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย และเป็นระเบียบเรียบร้อย โดยมีค่าใช้จ่าย 500 บาทต่อคัน นั่งได้ถึง 10 คน เมื่อมาถึงจุดจอดรถแล้ว ให้เดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 100 เมตร ก็จะพบกลุ่มหินทรายขนาดใหญ่สามก้อนที่เรียงตัวติดกับหน้าผาสูง ราวกับครอบครัววาฬยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายท่ามกลางผืนป่ากว้าง
หินสามวาฬ ประกอบไปด้วย พ่อวาฬ, แม่วาฬ และ ลูกวาฬ ซึ่งมีรูปร่าง และขนาดต่างกันเล็กน้อย หินพ่อกับหินแม่มีทางเชื่อมกันทำให้สามารถเดินไปมาระหว่างหินทั้งสองได้อย่างปลอดภัย ส่วนหินลูกนั้นอยู่แยกออกมาซึ่งจะไม่สามารถเดินเข้าไปถึงได้ การเดินอยู่บนหินยักษ์นี้ให้ความรู้สึกที่แปลกใหม่ และน่าตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน เพราะเมื่อมองออกไปเบื้องล่างจะเห็นวิวของป่าไม้เขียวขจีที่แผ่กว้างสุดสายตา หากในวันที่สภาพอากาศดี วิวเปิด เราสามารถมองเห็นไปจนถึงแม่น้ำโขงที่อยู่ห่างออกไปเกือบ 20 กิโลเมตร และยังสามารถเห็นทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาวได้ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการเดินเที่ยวบริเวณจุดนี้นักท่องเที่ยวจำเป็นจะต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่เดินชิดขอบผาจนเกินไป และควรอยู่หลังแนวเส้นประสีเหลืองตลอดเวลา
บนภูสิงห์ไม่ได้มีแค่หินสามวาฬเท่านั้นที่เป็นจุดที่น่าสนใจ แต่ยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็น "ลานธรรม" ที่มีหินทรายสีแดงขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายสิงโตหมอบ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ภูสิงห์, “จุดชมวิวถ้ำฤาษี” ที่มีลักษณะเป็นลานหินกว้างซึ่งอยู่ใกล้กับหินสามวาฬ, “หินหัวช้าง” หินทรายสีชมพูลักษณะคล้ายกับลูกช้างตัวใหญ่ อีกจุดถ่ายรูปสุดฮิตของภูสิงห์, “กำแพงภูสิงห์” กำแพงหินสูงใหญ่ที่เกิดลวดลายจากการกัดเซาะ, “ส้างร้อยบ่อ” ลานบ่อหินนับร้อย อีกทั้งยังเป็นลานที่สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม และ “ประตูภูสิงห์” ช่องผาสูงจากหินยักษ์สองก้อนที่ตั้งตระหง่าน หากมองทะลุออกไปจะเห็นทิวทัศน์ที่กว้างไกลสุดสายตา
การมาเยือนหินสามวาฬนอกจากจะได้มาชมความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้ผ่อนคลายท่ามกลางผืนป่าที่เงียบสงบ และอากาศที่แสนสดชื่นโดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน การได้ขึ้นมาเดินบนหินยักษ์อายุหลายล้านปี ที่มีรูปร่างอันน่าทึ่ง ซึ่งอยู่ท่ามกลางทัศยภาพที่งดงามราวกับภาพวาด นี่ถือเป็นงานศิลป์ชิ้นเอกจากธรรมชาติที่ไม่ว่าใครที่ได้มาเห็นมาสัมผัสต้องตกหลุมรัก และประทับใจอย่างแน่นอน