ที่แห่งนี้มีอะไร ใครๆก็มา ปาย ปางอุ๋ง ห้วยน้ำดัง
เริ่มต้นการเดินทางจากเชียงใหม่....เราพักแถวถนนนิมมานต์ ขับโดยใช้เส้น 121 ถนนรอบเมืองเชียงใหม่ เพื่อไปเข้าเส้น 107 ผ่านอ.แม่ริม ขับต่อไปสักระยะจะมีป้ายบอกไปปาย ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าเส้น 1095 ระยะทางไปถึงปายประมาณ 132 กิโล เส้นทางเป็นโค้งซ้ายโค้งขวาตลอด ใครใคร่พกยาดม ยาอม มะขามเปรี้ยวๆไปเป็นตัวช่วยก็ไม่ว่ากัน หรือถ้าคิดว่าเมารถแน่ๆ ก็กินยาแล้วหลับไปยาวๆน่าจะดีกว่า โชคดีเราไม่เป็นไรไม่งั้นคงจะทรมานน่าดู วันที่ไปรถไม่เยอะขับสบาย ใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงนิดๆ เส้นทางใช้ตามในรูปเลยค่ะ
เมื่อเริ่มเข้าใกล้ปายก็เริ่มเห็นร้านกาแฟเป็นระยะๆ จากนั้นสะพานประวัติศาสตร์ท่าปายสีเขียวผ่านมาแบบไม่ทันตั้งตัว ขับรถผ่านไปฟิ้ววว อ้าว!!! นี่มันสะพานนี่นา ต้องจอดรถเลยสะพานไปหน่อย
แล้วเดินย้อนกลับมาเที่ยวสะพานกันค่ะ
สะพานประวัติศาสตร์ปาย หรือ สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย อยู่ประมาณหลักกิโลเมตรที่ 88
สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเพราะอยู่ติดถนน สะพานนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทหารประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ข้ามแม่น้ำปายและลำเลียงเสบียงและอาวุธเข้าไปยังประเทศพม่า แต่เดิมนั้นเป็นสะพานไม้ ภายหลังสงครามสิ้นสุด ทหารญี่ปุ่นถอยทัพกลับได้เผาทำลายสะพานไม้ทิ้ง ชาวบ้านได้ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2516 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ สะพานถูกน้ำพัดหายไป ทางอำเภอจึงได้ขอสะพานเหล็ก "นวรัฐ" เดิมของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งขณะนั้นไม่ได้ใช้การแล้วมาใช้ทดแทน ซึ่งก็คือ "สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย" ในปัจจุบัน
(ที่มา http://www.teeteawthai.com)
แวะเดินเที่ยว ถ่ายรูปกันประมาณครึ่งชั่วใมงแล้วไปต่อ ใช้ถนนเส้นเดิมเลยอีกประมาณสิบกิโลนิดๅก็ถีงตัวอ.ปายค่ะ แวะทานข้าวกลางวันให้เรียบร้อยแล้วไปเที่ยวหมู่บ้านสันติชลกัน
หมู่บ้านสันติชล ตั้งอยู่ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ห่างจากตัวอำเภอปาย 4.5 กิโล
เป็นชุมชนท่องเที่ยวที่นำเสนอเอกลักษณ์ วัฒนธรรม ของชาวจีนยูนนาน บรรยากาศในหมู่บ้านจำลองเหมือนเราได้ก้าวเข้ามาสู่ประเทศจีน เนื่องจากลักษณะของการตกแต่งสถานที่จะเป็นสไตล์จีนยูนานทั้งหมด มีสัญลักษณ์สำคัญของหมู่บ้าน คือมังกรเลื้อยพันเสาที่ตั้งอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ ด้านหน้าก้อนหินมีอักษรภาษาจีน
มีชิงช้าขนาดใหญ่นี้ แต่เดิมเป็นเครื่องเล่นของชาวจีนยูนนาน ใช้เล่นเพื่อความสนุกสนานและสามัคคี
ภายในหมู่บ้านมีบ้านดินสีส้มสดใสตั้งเรียงราย เป็นร้านของต่างๆเช่น รองเท้า เสื้อผ้า ชา ผลไม้ดองและอบแห้ง อาหารแปรรูป ของที่ระลึก
เดินลึกเข้าไปด้านใน จะมีบ้านดินหลายๆหลังสร้างจำลองเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีสนามหญ้า กังหันไม้และเกี้ยวจำลอง ไม่แน่ใจว่าส่วนนี้คือส่วนที่เปิดเป็นที่พักหรือเปล่านะคะ ด้านหลังมีกำแพงเมืองจีนจำลองด้วย แต่เราเดินเข้าไปไม่ถึงค่ะ แดดแรงอากาศร้อนมาก มาที่นี่ต้องไม่พลาด ขาหมูหมั่นโถวยูนนาน เป็นของขึ้นชื่อของสันติชลเลยค่ะ
บรรยากาศรวมๆของหมู่บ้านสันติชลสวยดี บ้านดินสีส้มสดตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าเข้มๆ แจ่มเลยค่ะ ด้านหลังมีแปลงดอกบัวตองเล็กๆด้วย
เดินได้สักพักก็หมดแรง แดดร้อนมากค่ะ เข้าที่พักไปพักเอาแรงไว้เดินเที่ยวปายคืนนี้ดีกว่า
จากหมุ่บ้านสันติชลเราขับรถย้อนกลับไปเส้นทางเดียวกันกับตอนมาอีกสามกิโล เราพักกันที่ มาริปาย
รีสอร์ทอยู่ห่างจากถนนคนเดินประมาณ 3 กิโล แต่มีรถรับส่งให้ ถ้ามาพักที่นี่ขี้เกียจไปวุ่นวายหาที่จอดรถเพื่อไปเที่ยวถนนคนเดิน ก็ใช้บริการรถรับส่งของรีสอร์ทได้ สะดวกดี
รีสอร์ทนี้น่ารักดีค่ะ ห้องพักจะสร้างลดหลั่นกันไปบนเนินเขา มองเห็นวิวและบรรยากาศงามๆ
เราพักบ้านรังนก ที่พักเล็กๆกระทัดรัด ราคาคืนละ 2,200 บาท รวมอาหารเช้า ถ้าจองผ่าน booking หรือ agoda จะได้ราคาถูกกว่านิดหน่อยแต่ไม่รวมรถรับส่งถนนคนเดิน เราขี้เกียจขับรถไปหาที่จอดรถ
เลยเลือกจองตรงกับรีสอร์ทเพื่อใช้สิทธิรถรับส่ง บ้านรังนกเป็นแบบนี้ค่ะ
จุดเด่นของมาริปายคือต้นนี้
บรรยากาศรอบๆและที่พักแบบอื่นค่ะ
พอท้องฟ้าเริ่มมืด รีสอร์ทเปิดไฟ งามเลย
หกโมงเย็น โปรแกรมตะลุยถนนนเดินก็เริ่มต้น รถของรีสอร์ทขับไปส่งใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที
นัดแนะจุดรับส่งกันเรียบร้อยก็ลุย จากถนนเงียบเหงาๆ ตอนกลางวัน พอแสงอาทิตย์ลับของฟ้า ความครึกครื้นก็เริ่มขึ้น
แสงไฟ ผู้คน ร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของกิน ร้านของที่ระลึก เรียงรายเต็มถนน คนเดินกันขวักไขว่
จากอากาศร้อนแทบแย่ตอนกลางวันกลับหนาวเย็นได้อย่างไม่น่าเชื่อ 555 และเราก็ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์กันหนาวใดๆมา แทบแย่ค่ะ ลมพัดมาทีขนลุกเกรียวววว มาๆ ชมถนนคนเดินกัน (ร้านขายเสื้อเยอะที่สุด เลือกไม่ถูกเลย จะซื้อร้านไหนดี)
เดินไปเรื่อยๆ กินนู่นกินนี่อย่างนิดละหน่อย มาติดใจข้าวปุกงาดำ ซื้อกินไปสามรอบ ชอบมาก ทำมาจากข้าวเหนียวดำนึ่งผสมกับงาดำ คลี่ออกปิ้งไฟอ่อนๆ แล้วโรยน้ำตาล งาดำ นมข้น วางบนใบตอง หวานๆเหนียวๆหอมๆ อร่อยอ่ะ (โอ๊ย พิมไปแล้วคิดถึง อยากกิน)
ลองชิมยำหมี่ยูนนาน เพราะเห็นคนพื้นที่มาซื้อกันเยอะ รสชาติแปลกดี เส้นมันเย็นๆ ใส่พริกเผา ถั่วลิสง บอกไม่ถูก ต้องลองนอกจากเดินชมตลาดแล้วเราก็เดินหาวันเดย์ทริปไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ห้วยน้ำดังเช้าวันพรุ่งนี้ด้วยค่ะ
จริงๆเส้นทางจากที่พักไปห้วยน้ำดังประมาณ 30 กิโล สามารถขับรถไปเองก็ได้ แต่เราคุยกันแล้วว่าระยะที่มาเป็นโค้งเยอะ ขับกลางคืนมันมืดและไม่คุ้นทางคนขับก็เกร็งและเครียด ตัดความกังวลด้วยการซื้อวันเดย์ทริปไปเลยดีกว่า เราไม่ได้จะไปเที่ยวไหนไปห้วยน้ำดังที่เดียวแล้วกลับเลย เดินถามหลายร้านโดยระบุว่าต้องการไปรถปิ๊กอัพ ไม่เอารถตู้ ต่อรองไปมาไปได้เจ้าที่โอเคสุด เป็นรถ 4W อยู่ที่คนละ 300 บาท แอบเสียดายอ่ะแพงเหมือนกัน แต่คนขับของเราดูล้าๆเลยตัดใจค่ะ ทางทัวร์บอกว่าถ้าเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ จะหาง่ายกว่านี้เพราะคนไปกันเยอะ แต่เราไปวันธรรมดากลางสัปดาห์คนน้อยต้องหาคนหารให้ครบสี่คน ไม่งั้นก็ต้องไปกับทัวร์ที่เป็นรถตู้ ซึ่งเราพยายามเลี่ยงเพราะกลัวอึดอัดและเมารถ
นับว่ายังดีที่เจออีกสองคนไปเหมือนกัน ตกลงเรียบร้อยจ่ายเงินเต็มจำนวน ได้ใบเสร็จกลับมาไว้แสดงกับคนขับ นัดกันตีห้าหน้ารีสอร์ท สบายใจละได้ไปห้วยน้ำดัง
เช้าวันรุ่งขึ้นตีห้า แงะตัวเองออกมาจากที่นอน ล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลุยเลย เช้านี้อากาศหนาวขึ้นกว่าหลายๆวันที่มา
ตีห้าตรงเป๊ะรถปิ๊กอัพคุณลุงก็มาถึงหน้ารีสอร์ท กระโดดขึ้นรถ ทักทายกับผู้ร่วมทางอีกสองคนที่ไปด้วยกัน แล้วนั่งอึนๆหนาวๆง่วงๆไปอีกเกือบชั่วโมง ดีละที่ไม่ขับรถมาเอง ทั้งง่วงและเมื่อยขาสุดๆ คุณลุงขับรถดีมาก ขับนุ่มนวล ไม่ปาดไม่ตัดโค้ง ใจเย้นเย็น ขับเซฟกว่าตาคนที่ขับมาตลอดทริปซะอีก 555
เส้นทางจากมาริปายไปห้วยน้ำดังค่ะ
มาถึงห้วยน้ำดังตั้งแต่ยังไม่หกโมงเช้า นัดเวลากลับกับลุงไว้แปดโมง จากนั้นก็เดินซึมซับอากาศเย็นๆ วิวงามๆ รอชมพระอาทิตย์ขึ้น ถึงแม้วันนี้จะไม่ได้เจอทะเลหมอกอลังการเหมือนในรูปที่เคยดูมา แต่ห้วยน้ำดังก็ยังสวยงาม ยิ่งพอแสงสีส้มค่อยๆปรากฏขึ้นที่ริมขอบฟ้า ค่อยๆไล่เฉดจากเข้มไปจนอ่อนจาง
จากนั้นพระอาทิตย์ดวงกลมโต ก็ค่อยๆโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าช้าๆ ภาพตรงหน้าสวยแทบลืมหายใจ