คิดสิ..ไปไหน...???
"เรามีเวลา 4 ชั่วโมง... คิดสิไปไหน"
วันว่าง..วันหยุด..มีเป็นไม่ได้ ใจมันเร่าร้อนอยากออกจากกรุงเทพ ความจริงก็ไม่ถึงกะว่างนักหร๊อก แต่วันหยุดนี้มีนัดกะศูนย์รถ เอาน้อง "มังคุด" ไปตรวจสภาพหลังจากที่บุกตะลุย ขึ้นเหนือ ล่องใต้ เฉลียบตะวันออก มาโผล่ตะวันตก ถึงคราได้ฤกษ์ได้ยามพามาหาหมอตรวจเช็คก่อนจะออกศึกทริปใหญ่ในเดือนหน้า
เรามีเวลา 4 ชั่วโมงกว่าที่น้อง "มังคุด" จะเปลี่ยนโน่น เสริมนี้ตกแต่งสภาพให้มีความพร้อมสุดๆ กะการลุยต่อ คิดสิจะไปไหนดี?? นึกถึงเพื่อนคู่ใจ จะว่างไหมน้า ถ้าเราชวนกะทันหัน แต่เพื่อนกันมันส์หยดอยู่แล้ว แค่ขู่บังคับเล็กๆ บอกว่า "ถ้าแกไม่ว่าง อย่าหวังว่าทริปต่อๆ ไปจะเกิด" ใจจริงขู่ไปงั้นๆ แหละ หลังข่มขู่เสร็จมีการปลอบประโลม "น่า นะ พาคนสวยไปหน่อยเถอะ ที่ไหนก็ได้ ฝนก็ไม่ตก เรามีเวลาว่างตั้ง 4 ชั่วโมงนะแก"
"เออ!! เดี๊ยวไปรับ" เพื่อนบอกด้วยความรำคาญ เป็นอันสำเร็จ โว่ะ โฮ๊ะ โฮ๊ะ!!! แผนการอันชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวสมอง
เราเลือกที่จะไปตามเส้นทางที่ใกล้สุด เริ่มต้นที่ถนนศรีนครินทร์ ตั้งเข็มทิศไปเส้นสมุทรปราการ-บางบ่อ-ฉะเชิงเทรา ถนนสุขุมวิท เลยที่พักตากอากาศบางปูประมาณเกือบ 30 กิโลเมตร ก็จะเห็นทางเข้าวัดหงษ์ทอง อยู่ทางขวามือซึ่ง "วัดหงษ์ทอง" ตั้งอยู่ในตำบลสองคลอง อำเภอปางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา
จุดสังเกตป้ายวัด มีรูปปั้นหงษ์ทองยืนอวดความงาม แต่พี่ๆ แม่ค้าคงเข้าใจว่ารูปปั้นหงษ์จะเหงา เลยมานั่งขายของเป็นเพื่อน และอาจจะเป็นไกด์จำเป็นบอกเส้นทางให้กับนักท่องเที่ยวชอบหลงทางอย่างเรา อิอิ
อารมณ์นี้..ฟินมาก...ตื่นเต้นกะบรรยากาศสองข้างทางที่เป็นป่าชายเลน
รู้สึกแปลกตาเพราะบ้านส่วนใหญ่ต่างอวดสีสันเหมือนดอกไม้ที่แย่งกันผลิดอกอวดโฉมเพื่อเรียกร้องให้หมู่ภมรผีเสื้ออย่างเราเข้าไปสัมผัส และก็ฟินไปอีกแบบ ^^ ศาลพระภูมิก็สวยงาม...^_^ระหว่างกำลังฟิน..แป๊ปเดียวก็ถึงบริเวณวัด ข้ามสะพานคลองหงษ์ทองก็ถึง บริเวณวัดมีที่จอดรถกว้างขวางเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จอดรถเสร็จเดินชิว ชิว ดูร้านค้าขายอาหารทะเล และของฝากก็อยู่ไม่ไกลส่วนเราของฝากหรือของกินนั้นไม่ใช่เป้าหมาย แต่ศาลากลางน้ำที่เด่นตระหง่านอยู่เบื้องหน้าต่างหากที่ล่อตาล่อใจอยู่เพราะระดับน้ำทะเลยังลดอยู่จึงเห็นโคลนเลน ผู้เชี่ยวชาญบอกประมาณบ่าย 2 โมง ระดับน้ำทะเลจะขึ้น ถ้ามีเวลาอาจรอชมเพื่อจะได้สัมผัสบรรยากาศน้ำทะเลเต็มพื้นที่คงสวยไปอีกแบบ
ระหว่างทาง "ปลาตีน ปู หอย" ออกมาทักทาย หน้าตาช่างน่าเอ็นดูบวกตลก ในใจย้อนนึกถึงปริศนากวนโอ๊ย!! ของน้องคนหนึ่งที่นางมักจะหาคำถามชวนตรีนมาให้ทายและเกิดคดี เบิร์ดกะโหลกอยู่เสมอ เช่น "พี่ๆ สัตว์อะไรที่มีชื่อเหมือนอวัยวะส่วนล่าง" 555
แค่เส้นทางเดินไปโบส์ถกลางทะเล ก็ฟินแล้ว....
มีป้ายคติธรรมตลอดทาง แล้วแต่ใครจะเก็บเกี่ยวไปปรับใช้ ก็แล้วแต่...ชีวิตใครก็ชีวิตใคร..ว่ามะ..^-^ที่นั่งรอต้อนรับนักท่องเที่ยว
แรกๆ โล่งมาก แต่เผลอไปกะการถ่ายรูป แป๊ปเดียวหันมาอีกที โอ้แม่เจ้า!!!!"UNSEEN เมืองแปดริ้ว" นี้เลย "โบส์ถกลางทะเล"
โชคดีที่ได้มาช่วงที่กำลังหล่อเทียนเข้าพรรษาเลยได้ขอแจม ^^โบส์ถกลางน้ำอยู่ใกล้ๆ ขอแวะตลอดทาง เห็นปะติมากรรมที่คุ้นตากับวรรณคดีเรื่อง พระอภัยมณี ขอไปยลโฉมใกล้ๆ ตื่นเต้นๆ เมื่อเจอนางยักษ์ 555
พระเจ้าตา ฤาษีผู้ทรงศีลเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องโยนเหรียญใส่ ไม่รู้เพื่อทำบุญหรือเพื่อการเสี่ยงทายกันแน่ แต่ที่รู้ๆ ในขันตรงหน้านะไม่ค่อยมีเหรียญเท่าไร ส่วนบริเวณรอบๆ เหรียญเพียบ สงสัยระยะคงไกลไป ไม่โดน พระเจ้าตาเลยนั่งก้มหน้า เกี่ยวกันไหม?? 5555 พระอภัยมณีคงเหนื่อย เล่นเป่าปี่ทั้งวัน 555 นี่ก็สุดสาครกำลังปราบม้านิลมังกร เพราะไม่ยอมยิ้มรับนักท่องเที่ยวเล้ย 555 น่าสงสารนางผีเสื้อสมุทร นั่งอยู่แต่ในน้ำจนท้องลายหมดแล้ว 5555