เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวเชิงพุทธศิลป์ของ จังหวัดเชียงราย ที่ไม่ควรพลาดกันเลยทีเดียว สำหรับ วัดร่องเสือเต้น อารามสีครามแห่งชุมชนร่องเสือเต้น บรรยากาศในทุกวันของที่นี่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติหลั่งไหลเดินทางมาชมความงามอันวิจิตรอยู่ตลอดทั้งวัน
ยากที่จะเชื่อว่าก่อนหน้านี้วัดร่องเสือเต้นได้เคยถูกทิ้งร้างผ่านกาลเวลามานับร้อยปี ผู้เฒ่าผู้แก่ของหมู่บ้านต่างเล่าสืบต่อกันมาว่า บริเวณนี้ในอดีตเป็นป่ารกร้าง ชาวบ้านมักจะพบเสือกระโดดข้ามร่องน้ำเพื่อออกหากินอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นที่มาของชื่อ "ร่องเสือเต้น" ไปโดยปริยาย
ภายหลังเมื่อชุมชนเริ่มขยายตัว ชาวบ้านจึงช่วยกันบูรณะซ่อมแซมวัดแห่งนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อจะได้ใช้ประกอบศาสนกิจในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยในปี พ.ศ. 2548 วัดร่องเสือเต้นได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ ได้ทำการสร้างวิหาร โดย คุณพุทธา กาบแก้ว หรือ สล่านก ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จึงเป็นที่มาของรูปแบบผลงานพุทธศิลป์อันวิจิตรดังเช่น วัดร่องขุ่น นั่นเอง
ภายในวิหารประดิษฐาน พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ สีขาวมุก ขนาดหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 6.5 เมตร และรายล้อมไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังสีฟ้าครามซึ่งเล่าเรื่องราวพุทธประวัติได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ
ไฮไลต์ของวัด แบ่งเป็น 7 จุดด้วยกันคือ วิหารสีน้ำเงิน, ประตูพญานาค, บ่ออุปคุต, พระพุทธรูปปางปฐมพระเทศนา, พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี 5 พระองค์, พิพิธภัณฑ์สุคันธรัตร และซุ้มประตูทางออก หรือที่เรียกว่า ซุ้มประตูนรก
วัดร่องเสือเต้น จังหวัดเชียงราย เป็นหนึ่งศาสนสถานที่งดงาม และน่าประทับใจ ด้วยสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และสีครามที่ครอบคลุมทั้งวัด พระอุโบสถที่ตกแต่งด้วยลวดลายวิจิตรบรรจง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ได้สัมผัสกับศิลปะไทยแบบร่วมสมัย แต่ยังสัมผัสได้ถึงความสงบ และผ่อนคลาย ถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่า และน่าจดจำสำหรับผู้ที่ได้มาเยือน