ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ขอพรองค์พระ พร้อมสักการะพระธาตุปีมะโรง วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร (Wat Phra Sing Waramahavihan) จ.เชียงใหม่
    • โพสต์-1
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    จังหวัดเชียงใหม่ไม่ได้ขึ้นชื่อเพียงแค่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว เป็นอันดับต้นๆ เท่านั้น แต่ในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีและพระพุทธศาสนาก็เจริญงอกงามยังดินแดนล้านนา ผืนนี้มาอย่างช้านาน ใครก็ตามเมื่อมีโอกาสมาเยือนนครแห่งนี้คงสังเกตเห็นวัดวาเก่าแก่กระจายตัว อยู่มากมายตามมุมเมืองต่างๆ ดังนั้นวันนี้เราจึงขออนุญาตพาทุกคนไปไหว้พระขอพรกันยัง “วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร” ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอย่าง “พระพุทธสิหิงค์” อีกทั้ง “พระธาตุประจำปีมะโรง” ก็ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน ในเมื่อพร้อมแล้วก็ขอเชิญเข้าไปกราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยกันข้างในเลยดีกว่า


    • โพสต์-2
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    วัดพระสิงห์เดิมทีมีชื่อเรียกว่า วัดลีเชียง ถือเป็นพระอารามหลวงมาแต่โบราณกาล โปรดให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1888 โดย พระเจ้าผายู เจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่  โดยในขั้นแรกได้สร้างเจดีย์สูง 23 วา เพื่อบรรจุอัฐิของพระยาคำฟู พระราชบิดา ต่อมาอีกสองปีจึงได้มีการสร้างพระอาราม หอไตร ศาลาการเปรียญ และส่วนอื่นๆ ทั้งนี้บรรดาผู้ที่ศรัทธาในภาคเหนือนิยมเรียก พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งประดิษฐานภายในวิหารลายคำ ว่า พระสิงห์ และนี่จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดพระสิงห์ ตั้งแต่ พ.ศ.2360 กระทั่งถึงปัจจุบัน

    เมื่อเราได้เดินผ่านรั้ววัดเข้ามาก็ปรากฏรูปหล่อของ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาให้เห็น โดยทางด้านหลังนั้นเป็นวิหารหลวงซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์หลวงพ่อโต ส่วนทางขวามือของวิหารหลวงนั้นก็เป็น หอไตร หรือหอธรรมที่สะท้อนศิลปะความเป็นล้านนาได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้สิ่งที่ผู้มาเยือนไม่ควรพลาดก็คือการเข้าไปสักการะ พระพุทธสิหิงค์ หรือ พระสิงห์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ภายในวิหารลายคำ พระพุทธสิหิงค์เป็นพระพุทธรูปเชียงแสนที่รู้จักกันในชื่อ เชียงแสนสิงห์หนึ่ง ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจึงมีการนำองค์พระแห่ไปรอบเมืองเพื่อให้ผู้คนได้สักการะและสรงน้ำกัน ทั้งนี้ข้างฝาภายในวิหารลายคำก็มีความน่าสนใจตรงภาพเขียนฝาผนังอันเก่าแก่ ที่ถึงแม้ว่าบางส่วนอาจจะหลุดร่อนไปตามกาลเวลา แต่ถึงอย่างไรภาพส่วนที่เหลือก็ยังสวยงามและสามารถเล่าเรื่องราวให้เข้าใจได้ดีพอสมควร และใกล้ๆ กันกับวิหารลายคำนั้นเป็นส่วนของ พระอุโบสถสองสงฆ์ ซึ่งสามารถเข้าได้สองทาง ภายในมีซุ้มปราสาทขั้นตรงกลางเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทองทิพย์จำลอง ในสมัยก่อนพระภิกษุสงฆ์และภิกษุณีจะกระทำสังฆกรรมกันคนละด้าน ชื่อที่มาของพระอุโบสถสองสงฆ์ก็เนื่องมาจากสาเหตุนี้นั่นเอง  

    • โพสต์-3
    theTripPacker •  ตุลาคม 07, 2556
    • โพสต์-4
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    ทั้งนี้ใครก็ตามเมื่อมายังวัดแห่งนี้แล้ว คงต้องหาโอกาสแวะเวียนมากราบขอพรพระบรมสารีริกธาตุซึ่งบรรจุอยู่ใน “พระธาตุหลวง” ที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังของวัดใกล้กับวิหารลายคำและอุโบสถสองสงฆ์  โดยพระธาตุองค์นี้ถือเป็นพระธาตุประจำปีมะโรง ดังนั้นผู้ที่เกิดในปีนักษัตรนี้ควรจะหาโอกาสมากราบขอพรเพื่อความเป็นศิริ มงคลกันซักครั้งในชีวิต ยิ่งถ้ามาในวันอาทิตย์ก็จะคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะจะมีถนนคนเดินท่าแพ ไล่ ยาวมาจนถึงบริเวณถนนหน้าวัดกันเลยทีเดียว เรียกได้ว่าพออิ่มอกอิ่มใจจากการไหว้พระทำบุญแล้ว ก็สามารถเพลิดเพลินกับถนนคนเดินได้อย่างต่อเนื่อง

    คราวนี้เราเลยหมดข้อสงสัยไปเลยว่าทำไมผลสำรวจของนิตยสารชื่อดังฝั่งอเมริกาที่ประกาศในปี 2010 จึงยกให้เชียงใหม่เป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับ 2 ของโลก ซึ่งจะเป็นรองก็เพียงแค่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงอันภาคภูมิของคนไทยเท่านั้น นั่นก็เพราะว่านครแห่งนี้ได้ผสมผสานทุกอย่างรวมกันไว้ได้อย่างลงตัว และหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องราวและคุณค่าของพระพุทธศาสนาไว้ด้วยเช่นเดียวกัน

    • โพสต์-5
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    Note

    - ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีจะมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์แห่ไปรอบเมืองเชียงใหม่ เพื่อให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สักการะและสรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล

    - พระพุทธสิหิงค์จะถูกอัญเชิญมาประดิษฐานแทนรูปหล่อครูบาศรีวิชัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์

    - ข้อควรระวังในการเข้าชมวิหารลายคำ คือ ไม่ควรถ่ายภาพจิตรกรรมฝาผนังโดยใช้แฟลช เพราะแสงแฟลชจะทำให้ภาพเขียนเสียหายได้

    • โพสต์-6
    theTripPacker •  ตุลาคม 07, 2556

    ความคิดเห็นของผู้เขียน

    • จุดเด่น:
    • วัดพระสิงห์เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ อีกทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์อันเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนจำนวนมาก และยังเป็นวัดที่มีพระธาตุประจำปีมะโรงอีกด้วย
    • จุดด้อย:
    • ในช่วงบ่ายถึงเย็นวันอาทิตย์จะมีถนนคนเดินซึ่งผู้คนและรถยนต์ค่อนข้างขวักไขว่ จึงทำให้ไม่สะดวกถ้าจะนำรถส่วนตัวมา เนื่องจากรถติดและหาที่จอดรถยาก
    • ข้อสรุป:
    • วัดพระสิงห์วรมหาวิหารถือเป็นวัดคู่เมืองเชียงใหม่ที่มีความเก่าแก่มากที่สุดวัดหนึ่ง มีพระพุทธรูปสำคัญคือพระสิงห์ หรือพระพุทธสิหิงค์ประดิษฐานอยู่ ซึ่งได้รับความศรัทธาจากผู้คนเมืองนี้เป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีพระธาตุที่ตรงกับปีมะโรงเช่นกัน ดังนั้นไม่เฉพาะแต่เพียงคนที่เกิดในปีมะโรงเท่านั้นที่น่าจะหาโอกาสมากราบไหว้ ทว่าใครก็ตามที่มีโอกาสมาเชียงใหม่แล้วอยากได้ความเป็นศิริมงคลกลับไปก็ควรแวะมาสักการะยังวัดแห่งนี้
    คะแนน
    • โพสต์-7
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    ข้อมูลทั่วไป

    ที่อยู่ : ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

    GPS :  18.788517, 98.982433

    Website : http://www.chiangmai.go.th/cmweb/temple/prasingha/index.html

    เวลาทำการ : ทุกวันตั้งแต่ 07.30-17.30 น. 

    ค่าธรรมเนียม : ฟรี

    ช่วงเวลาแนะนำ : ช่วงบ่ายวันอาทิตย์ เพราะเมื่อมาวัดเสร็จก็สามารถเดินถนนคนเดินได้ต่อ

    ไฮไลท์ : สักการะพระพุทธสิหิงค์ และธาตุประจำปีมะโรง

    กิจกรรม : กราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวันหยุดพักผ่อน

    • โพสต์-8
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    วิธีการเดินทาง

    วัดพระสิงห์ตั้งอยู่ในเวียงเชียงใหม่ สามารถใช้ถนนอารักษ์ ( คูเมืองรอบในซึ่งวิ่งรถทางเดียว ) จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอารักษ์ซอย 5 แล้วตรงมาตามทางหลักเรื่อยๆ กระทั่งเจอสี่แยกให้เลี้ยวขวาวิ่งต่อไปอีกเล็กน้อยจะพบวัดอยู่ขวามือ หรืออีกเส้นทางถ้ามาจากถนนศรีภูมิ เมื่อเลยวัดควรค่าม้ามาซักครู่แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสิงหราช แล้ววิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนผ่านสี่แยกซึ่งตัดกับถนนอินทรวโรรสมาเล็กน้อยจะเห็นวัดอยู่ทางขวามือ และในช่วงวันจันทร์ - เสาร์สามารถตรงเข้ามาทางถนนราชดำเนินตรงประตูท่าแพ จากนั้นวิ่งตรงมาเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะพบวัดอยู่ตรงหน้าพอดี  

    • โพสต์-9
    theTripPacker •  ตุลาคม 07, 2556
    • โพสต์-10
    theTripPacker •  ตุลาคม 07 , 2556

    แกลลอรี่รูปภาพ

  1. โหลดเพิ่ม