วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สักการะพระพุทธบาทเบื้องขวา รับเตี๊ยบพาไปสวรรค์
ตั้งแต่จำความได้ทุกๆ ปี เราจะต้องเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทที่ “วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร” ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงที่มีผู้คนจำนวนมหาศาลเบียดเสียดกันแน่นวัด ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมคนถึงเยอะขนาดนั้น เพราะได้แต่นั่งติดรถตามทุกคนในครอบครัวมา พอเริ่มโตก็ค่อยๆ ห่างหาย จนรู้สึกตัวอีกทีเราก็ไม่เคยได้มาสักการะรอยพระพุทธบาทนานเกือบ 20 ปีแล้ว คราวนี้เลยถือโอกาสมารำลึกความทรงจำครั้งเยาว์วัยซักหน่อย
วัดพระพุทธบาท ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ในอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ที่เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนมายาวนานจนกลายเป็นสถานที่เอกลักษณ์ประจำจังหวัดไปซะแล้ว ลองนึกย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน การเดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทแต่ละครั้งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะเรื่องการเดินทาง ยานพหนะ ถนนหนทาง ที่ยังไม่สะดวกเหมือนในปัจจุบัน กว่าจะเดินทางมาถึงก็ใช้เวลานานอยู่พอสมควร ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่า “ถ้าใครได้เดินทางมาสักการะรอยพระพุทธบาทนี้ครบ 7 ครั้งอานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ แม้ในชาติภพนี้ก็จะมีชีวิตที่ดี สมหวังทุกประการ” ได้ยินแบบนี้จึงไม่น่าแปลกใจถ้าแรงศรัทธาจะนำพาให้พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกสารทิศ รอยพระพุทธบาทแห่งนี้เป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องขวา ซึ่งถูกค้นพบตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม พระมหากษัตริย์องค์ที่ 22 แห่งกรุงศรีอยุธยา หรือเมื่อปีพ.ศ. 2167นับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันก็มีอายุกว่า 400 ปีแล้ว รอยพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ในพระมณฑปรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ประกอบด้วยเครื่องยอดปราสาท 7 ชั้น ประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบ กระจกสี ปิดทองคำ เป็นลวดลายวิจิตรงดงาม ทางขึ้นมณฑปเป็นบันไดนาคสามสายสื่อความหมายถึง บันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้ว เชิงบันไดเป็นนาค 5 เศียร ทอดตัวนำไปสู่พระมณฑปด้านบน ตอนเด็กๆ จำได้ว่าทางเดินขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาทนั้นช่างสูงและไกลเสียเหลือเกิน กว่าจะเดินไปถึงก็เหนื่อยหอบแล้ว แต่พอโตขึ้นมากลับรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้สูงอย่างที่เคยจำได้ เดินเพียงแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว ถ้าจะมีอาการเหนื่อยหายใจแรงหน่อยก็คงเป็นเพราะสังขารที่แปรเปลี่ยนไปตามอายุนี่แหละ