สัมผัสดาวเต็มฟ้าที่วังน้ำเขียวโฮเทล
วังน้ำเขียว อีกหนึ่งสถานที่เที่ยวใกล้ๆกรุงเทพ ด้วยเสน่ห์ของขุนเขา
และสภาพพอากาศที่เย็นสบายตลอดปีจึงทำให้วังน้ำเขียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม
ใครที่มาเที่ยววังน้ำเขียว ผมแนะนำให้นอนที่นี่สักคืนหนึ่ง
เพื่อที่ตื่นมาในยามเช้าคุณจะได้สัมผัสกับโอโซนบริสุทธิ์ที่ติดอันดับโลก
ในส่วนของที่พักวันนี้ผมจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับ วังน้ำเขียวโฮเทล
(แผนที่--> https://goo.gl/maps/gfXds1N91x42 )
สถานที่พักผ่อนอีกแห่งหนึ่งในวังน้ำเขียว
ที่นี่ถือว่าเป็นที่พักขนาดใหญ่
รองรับน้องท่องเที่ยวได้ทั้งครอบครัวเล็กๆ จนไปถึงการสัมนาระดับบริษัท
ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัวทางที่วังน้ำเขียวโฮเทล
ก็มีบ้านพักแบบเป็นหลังไว้คอยให้บริการ
วังน้ำเขียวโฮเทลตั้งอยู่ใกล้ๆกับ รักจังฟาร์ม
ด้านข้างของรักจังฟาร์มจะมีถนนเล็กๆอยู่
เลี้ยวเข้าไปตรงนั้นสักสองร้อยเมตรก็เจอแล้วครับ
รีเซฟชั่นของที่นี้จะเป็นตึกใหญ่ทางขวามือ เราขึ้นไปเช็คอินกันเลย
ใช้เวลาไม่นานเราก็ได้กุญแจห้องมาแล้วครับ
เดินออกมาจากรีเซฟชั่น ผ่านห้องอาหาร เราก็พบความร่มรื่นของทางโรงแรม
เพราะต้นไม้ที่นี่เยอะมากกก
ห้องพักของที่นี่มีมากมายหลายแบบ ทั้งบ้านเล็กๆเป็นหลังๆ สำหรับครอบครัว
หรือเป็นบ้านแฟนซี แบบบ้านคาวบอย หรือบ้านเชิงเขาก็มี
วันนี้เราพักห้องแบบสเเตนดาร์ด เป็นแบบแนวโรงแรม
ด้านหน้าตึกร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ สามารถนำรถเข้ามาจอดหน้าตึกได้เลย
หน้าห้องมีระเบียง และม้านั่งเอาไว้นั่งเล่น
คราวนี้เราได้ห้องเเบบเตียงคู่ ภายในห้องมีทีวี ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า
กาน้ำร้อนและชุดชากาแฟ เอ้อ..มีไวไฟฟรีทั่วโรงแรมนะครับ
ห้องน้ำแบ่งเป็นโซนแห้งและโซนเปียก มีเครื่องทำน้ำอุ่น ตามมาตรฐาน
วางของในห้องแล้วเราไปสำรวจ วังน้ำเขียวโฮเตลกันดีกว่าครับ
ด้านหน้าห้องที่ผมพักจะเป็นโซนสนามด็กเล่น
มีทั้งสนามฟุตบอล สนามเปตอง เครื่องออกกำลังกาย และสนามเด็กเล่น
ลานก่อกองไฟยังมี
ใกล้ๆกันจะมีสนามวอลเลย์ สระว่ายน้ำ ห้องประชุม ห้องสัมนารองรับคนได้เป็นร้อย
โซนนี้จะจัดคล้ายๆบ้านสวน มีคลองเล็กๆตรงกลาง ระหว่างต้นมะพร้าว มีเรือคายัคให้พายเล่น
ด้านข้างจะเป็นบ้านทรงไทยภาคกลาง 1 หลัง และทรงล้านนาอีกหนึ่งหลัง
โซนนี้เหมาะกับการมาพักแบบครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
ถ้าใครชอบบ้านสไตล์โมเดิร์นที่วังน้ำเขียวโฮเทลก็มีให้พักนะครับ
เป็นบ้านหลังใหญ่ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ มีห้องรับแขกและห้องครัวด้วย
ยามเย็นที่นี่มีเค้ามีจัดปาร์ตี้คาวบอยกันด้วย....
ตอนค่ำสำหรับผมที่นี้ถือว่าเป็นช่วงเวลาไฮไลท์เลย เพราะที่วังน้ำเขียวโฮเทลนั้น
อยู่ห่างจากแสงสีพอสมควรจึงทำให้ในช่วงเดือนมืดที่นี้จะเห็นดวงดาวได้ชัดเจนมาก
สำหรับคนที่ชอบถ่ายทางช้างเผือกถ้าถึงฤดูล่าช้างแล้วอยากได้ที่พักสบายๆ
ผมแนะนำที่วังน้ำเขียวโฮเทลเป็นอีกที่นึงที่น่าจะลองพิจารณาดูครับ
ยามเช้าที่วังน้ำเขียวโฮเทล เรามีโอกาสที่จะเจอสายหมอกคลอเคลียกับภูเขา
เดินออกจากห้องพักมาหน่อยก็จะเจอ ทุ่งดอกหญ้า เป็นอีกจุดนึงที่น่าไปถ่ายรูป
อาหารเช้าของวังน้ำเขียวโฮเทลจะเป็นแบบ บุฟเฟ่ต์
เราจะนั่งด้านในห้องอาหารหรือด้านนอกก็ได้แต่อากาศดีๆแบบนี้ ไปนั่งด้านนอกดีกว่าเนอะ
ทานอาหารเสร็จเรานั่งพักผ่อนกันเล็กน้อยก่อนไปเช็คเอ๊าท์
ขากลับเราแวะซื้อของฝากที่ รักจังฟาร์ม ฟาร์มเมล่อน ชื่อดังของวังน้ำเขียว
( แผนที่ https://goo.gl/maps/bgMtHaSssHC2 )
ด้านนอกจำลองบรรยากาศแบบญี่ปุ่นๆ ด้วยรถไถและรถรางสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมด้วยลูกเมล่อนยักษ์
ภายในมีทั้งร้านกาแฟ และร้านขายของฝาก จัดร้างได้โล่งโปร่งสบาย มีลมพัดอยู่ตลอด
ของฝากที่นี่ส่วนใหญ่ทำจากเมล่อน ทั้งไวน์เมล่อน สบู่ ครีมสลัด
เจลทำความสะอาดมือ และไอติมก็ทำมาจากเมล่อนทั้งนั้น
และถ้าหากโอกาสดี ได้ไปในช่วงที่ไม่มีโรค ไม่มีแมลงระบาด
ทางฟาร์มก็ยินดีให้เราเข้าไปดูด้านฟาร์มด้วยนะ
หลังจากเลือกซื้อของฝากได้แล้วเราก็เดินทางกลับ กทม. กัน
แต่ก่อนกลับเราก็แวะไหว้ องค์หลวงพ่อคูณสีทอง
เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนที่ วัดบุไผ่
( แผนที่ https://goo.gl/maps/GLdQdqfcKrF2 )
ซึ่งตั้งอยู่ตรงปากทางพอดี
จากนั้นก็เดินทางกลับกทม. เป็นการปิดทริปจ้าาาาาา