ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
#ดอกบัวตองบาน :: โบกรถขึ้นดอย ไปดู “ดอกบัวตอง” บนดอยหัวแม่คำ จ.เชียงราย วนอุทยานดอยหัวแม่คำ (Wana-uthayan Doi Hua Mae Kham) จ.เชียงราย
    • โพสต์-1
    CHAILAIBACKPACKER •  พฤษภาคม 30 , 2559

    กว่าจะถึง... ดอยหัวแม่คำ!!

    เทศกาลชมดอกไม้บาน ..ที่น่าสนใจ จนอยากแนะนำว่าสักครั้งในชีวิตต้องได้ไปชม ก็คือ การได้ไปชม “ดอกบัวตองบาน” โดยรีวิวนี้ จะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่เย็นๆ อากาศสบายๆ อย่าง “ดอยหัวแม่คำ” ซึ่งอยู่ที่ “จังหวัดเชียงราย” ครับ จะพาไปชม “ดอกบัวตอง” บานสักครั้ง  กันนะครับ!

    โปรแกรมการเดินทาง วางแผนไว้ 2 วัน 1 คืน ครับ ตั้งใจนอนสักคืนนึง เสาร์-อาทิตย์ โดยมีแพลนคร่าวๆ ก็คือ ไปถึงเชียงรายแล้วก็มุ่งไปที่ ดอยหัวแม่คำเลย ครับ จะเที่ยวที่ไหนบ้าง ก็คงขึ้นอยู่สถานการณ์ ครับ โปรแกรมยืดหยุ่นได้เสมอ ขออย่างเดียว แค่ได้ไปเห็น “ดอกบัวตอง” ก็พอ

    ทริปนี้ผมออกเดินทางไปกับเพื่อนร่วมทริปอีกหนึ่งคนครับ ซึ่งเราก็ทำการบ้านมาพอสมควรกับการเดินทางไปดอยหัวแม่คำ ตามข้อมูลที่ต้องนั่งรถหลายต่อ และ ค่าโดยสารที่เน้นเหมาจะแพงเกินงบไปมาก จึงตกลง กันว่า.. ถ้าออกเดินทาง.. จะมีบางช่วง ที่เราจะต้องอาศัยการ “โบกรถ” เอาครับ คิดแล้วก็ น่าสนุกดีเหมือนกัน!  

     

    สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบท่องเที่ยวแบบประหยัด แวะมาทักทาย ติดตามกันได้นะครับ

    CHAILAIBACKPACKER : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

     

    แม้ว่า รีวิวนี้ อาจจะช้าเกินช่วงเวลาเทศกาลดอกบัวตองบาน (ช่วงกลางเดือน พฤศจิกายนของทุกปี ดอกบัวตองจะบานเต็มที ผมเดินทางไปช่วงปลายเดือน ซึ่งดอกบัวตองบางส่วนเริ่มโรยไปบ้างแล้วครับ) แต่ก็เผื่อเป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับ เพื่อนๆ ที่อยากไปเที่ยวดอยหัวแม่คำ ยามที่ไม่มีดอกบัวตอง ในหนาวนี้ ซึ่งแม้ ไม่มีดอกบัวตอง แต่ ดอยหัวแม่คำ ก็เป็นสถานที่พักผ่อน ที่ได้สัมผัสกับความหนาว เป็นอย่างดีเลยล่ะครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา… แบกเป้ ออกเดินทาง กันเลยครับ.. - ลงเครื่องมา ที่ "สนามบินเชียงราย" ก็ สัมผัส กับ อากาศเย็นๆ ครับ แม้ว่า..แดดจะแรง แต่ก็อากาศสดชื่น เย็นๆ ดี สรุป อากาศดีครับ..วันนี้ 

     

    จากสนามบินจะเข้าเมืองกันยังไง?


    “มีแท๊กซี่สนามบิน บริการส่งเข้าเมืองครับ ราคา 200 บาท ต่อเที่ยว ต่อหนึ่งคัน หรือ แนะนำให้เดินออกมาตรงบริเวณลานจอดรถ หน้าสนามบินครับ มีวินแท๊กซี่จอดอยู่ คิดราคาจากสนามบินเพิ่ม +30 บาท ที่เหลือคิดตามมิเตอร์ กิโลเมตรละ 10 บาทครับ..”

    ” หรือ… ถ้าโทรไปที่ศูนย์แท๊กซี่ให้มารับ จะคิดเพิ่ม +20 บาท ที่เหลือคิดตามมิเตอร์ กิโลเมตรละ 10 บาทครับ “

    แน่นอนครับ… เราเลือกอย่างหลัง ประหยัดกว่า 10 บาท แต่ต้องทนรอหน่อย.. รอแท๊กซี่ มารับ ประมาณ 10 นาที 

     

    ปล. ถ้าจะไป “ดอยหัวแม่คำ” ไปทาง แม่จัน ไม่จำเป็นต้องย้อนเข้าเมือง ครับ.. จะเสียเวลา และเสียงบเกินไป เราเรียกให้แท๊กซี่ ไปส่งที่ ตลาดบ้านดู่ครับ ประมาณปากทางเลี้ยวเข้าสนามบิน ไม่ไกลมาก ประมาณ 3-4 Km เสียค่าแท๊กซี่ ไป 40 บาท + ค่าโทรเรียกจากศูนย์ 20 บาท รวม =  60 บาท ตกคนละ 30 บาท ประหยัดดีครับ..

     

    แผนที่สู่ดอยหัวแม่คำ เราต้อง เดินทางทั้งหมดกัน 3 Step ด้วยกัน
    Step1 > ตัวเมือง(ตลาดบ้านดู่) ไป อ.แม่จัน(แยกป่าซาง)
    Step2 > อ.แม่จัน(แยกป่าซาง) ไป บ้านเทอดไทย
    Step3 > บ้านเทอดไทย ไป ดอยหัวแม่คำ แต่ละ Step ห่างกัน 30 Km (โดยประมาณ) ต้องหารถโดยสารเดินทางไปในแต่ละช่วงที่ว่ามา.. ซึ่งถ้าไม่มีรถ หรือว่า คชจ.ในการเหมารถที่แพงเกินงบ เราก็จะใช้วิธีลอง “โบกรถ” ดูครับ

     

     

    Step1 > ตัวเมือง(ตลาดบ้านดู่) ไป อ.แม่จัน(แยกป่าซาง)

    เรามายืนรอรถ ที่จะผ่านไป อ.แม่จัน ครับ มีรถโดยสารประจำทางอยู่ ซึ่งสามารถนั่งที่จะไปลง อ.แม่สาย ได้ เพราะจะต้องผ่าน อ.แม่จันอยู่แล้วครับ เรารอรถฝั่งหน้าตลาดบ้านดู่ ใช้เวลารอรถกันประมาณ 15-20 นาที … รถหวานเย็น สาย เชียงราย-แม่สาย ก็ผ่านมาครับ บรรยากาศภายในรถ คึกคัก อบอุ่น ดีครับ.. ผู้โดยสารส่วนใหญ่ จะมุ่งหน้าไปลงที่ อ.แม่สาย เลย.. จะมีขึ้น-ลง รายทางบ้าง ประปราย .. ค่าโดยสาร คนละ 20 บาท ครับ เราจะไปลงกันที่ “แยกป่าซาง” เลย ตัวอำเภอแม่จัน มานิดหน่อยครับ..

    นั่งเรื่อยๆ มา ประมาณ 45 นาที ก็เดินทางมาถึง บริเวณ แยกป่าซาง ครับ มาถึงตรงจุดนี้.. ก็ เป็นเวลา เกือบเที่ยงวัน..เราก็เลยจัดการอาหารเที่ยง กันที่ตรงนี้เลย..บริเวณแยกป่าซาง จะมีร้านอาหาร ตั้งอยู่ เห็น “ข้าวซอย” น่ากินมาก.. เลยจัดมาสักชาม..

     

    Step2 > อ.แม่จัน(แยกป่าซาง) ไป บ้านเทอดไทย

    รถโดยสารจาก แยกป่าซาง จะมีทั้งสายไป บ้านเทอดไทย และ สายไป ดอยแม่สลอง ซึ่งก็ออกไม่ตรงเวลา ไม่มีเวลาแน่นอนตายตัว จะออกก็ต่อเมื่อ ผู้โดยสารครบ 8 คนขึ้นไป..ค่าโดยสารไปบ้านเทอดไทย คนละ 60 บาท.. หรือ ถ้าจะคิดเหมาไป ถึงบ้านเทอดไทยก็ 500 บาท หรือ.. ถ้าจะไปส่งให้ถึงดอยหัวแม่คำเลย คิด 1500 บาท สำหรับเรา มากัน 2 คน เราเลือก ที่จะ…. “รอ” ครับ

    ลองนั่งรอให้ครบ 8 คนดู  นั่งรอไป นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ มักจะไปลงที่ “ดอยแม่สลอง” กัน ครับ คนเต็มจำนวนออก โดยใช้เวลาไม่นาน แต่..บ้านเทอดไทย จุดหมายที่เราจะไปกันไม่มีใครร่วมทางไปด้วยเลยครับ  นั่งรอ…จนแบบขี้เกียจรอ เลยขอไปกับรถที่จะไปลงดอยแม่สลองครับ แต่ขอลงก่อน ตรง แยกอีก้อ ตรงที่จะเลี้ยวไปดอยแม่สลอง ครับ รอไม่ไหวแล้ว ไปก่อนละกันเด้อ.. เดี๋ยวค่อยว่ากัน เราเสีย ค่ารถ 40 บาท เพื่อมาลงกลางทางตรง แยกไป ดอยแม่สลอง ครับ เราไป บ้านเทอดไทย จะต้องตรงไปครับ แต่รถโดยสารไป ดอยแม่สลอง ต้องเลี้ยวซ้าย.. เราจึงจำเป็นต้องลงแค่ตรงนี้ครับ.. ระหว่างทางจะมีจุดตรวจตลอดเส้นทางเลยครับ..

    จาก แยกตรงนี้ อีกประมาณ 10 Km จะถึง บ้านเทอดไทย ครับ เราลองนั่งดูท่าที ว่าจะมีรถโดยสาร ผ่านมาบ้างมั้ย..?? แต่ก็ดูเหมือนจะไร้วี่แวว ใดๆ ทั้งสั้น..จึงเปลี่ยนมาใช้วิธี ลอง “โบกรถ” ขอติดรถไปลงที่ บ้านเทอดไทย ครับ.. ลอง “โบกรถ” กันอยู่สักพัก ก็มีรถกระบะ ใจดี.. รับเรา ไปด้วยครับ..รถกระบะ คันนี้ ทั้งคน ทั้งของ เต็มรถเลยครับ รู้สึกว่าจะเข้าไปซื้อของในเมืองกลับมากัน เลยนั่งเบียดกับน้องๆ ที่นั่งกันมาเต็มรถ ครับ ได้พูดคุย ถามไถ่ ถึงวิถีชีวิต คนแถวนี้..ก็เป็นมิตรภาพที่ดี และ ต้องขอบคุณในน้ำใจที่ให้ติดรถ ไปลงที่บ้านเทอดไทย ด้วยนะครับ ไม่นานนัก… รถกระบะก็มาจอด ให้เราลง ตรงหน้า 7-11 ครับ 7-11 ที่ บ้านเทอดไทย ตอนแรก เราคิดว่า ไม่น่าจะมีร้านสะดวกซื้อแล้วนะ  น่าจะเป็น ที่ตุนเสบียง ที่สุดท้ายของเรา สำหรับไว้กิน บน ดอยหัวแม่คำ ก็ต้องจัด ต้องตุนใส่เป้กันหน่อย.. เพราะ บน “ดอยหัวแม่คำ” นั้นค่อนข้างจะหาร้านอาหารยาก และตั้งใจจะไปกางเต๊นท์กันอยู่แล้ว เสบียงจึงสำคัญ เลยครับ

     

    Step3 > บ้านเทอดไทย ไป ดอยหัวแม่คำ

    เรานั่งพักเหนื่อย ดื่มน้ำเย็นๆ ตากแอร์ ใน 7-11 กันสักพัก.. ก็หารถ ไป “ดอยหัวแม่คำ” ต่อ.. ลองสอบถามคนแถวๆ นั้น ได้คำตอบว่าให้เหมาสองแถว กันอย่างเดียวเลย.. คนแถวนั้นบอกว่า มีวิน อยู่ตรงเยื้องๆ 7-11 แต่เราก็ลองนั่งรอดู ก็ ไม่มีรถสองแถว อาจจะเป็นเวลาบ่าย 3 ซึ่งถือว่า ก็ เกือบจะเย็นแล้ว.. พอดีร้านขายของชำแถวนั้น มาเสนอว่า มีวินมอเตอร์ไซค์ไปส่ง ได้ แต่คิดราคา คนละ 500 บาท ซึ่งถือว่า แพง.. มาก สำหรับเรา ก็เลย ตัดสินใจ ลองเดิน ไป พลาง “โบกรถ” ไป ..เหมือนเดิม จนมีรถ ขนวัสดุก่อสร้าง จะไปส่ง ที่ “บ้านนาโต่” เป็นเส้นทางที่เราจะไปพอดี..ก็ขอโดด ขึ้นหลังรถ … ลุยกันต่อเลย…ระยะทางเต็มไปด้วยฝุ่น และ อากาศที่เริ่มจะเย็นลง .. ไม่นานก็มาถึง “บ้านนาโต่” เราลง แค่แยกทางเข้าหมู่บ้าน..เท่านั้น เพราะเรายังต้อง รอโบกรถ กันไปต่ออีก
     

    เรามายืนรอ “โบกรถ” ที่จะไปต่อ ให้ถึง ดอยหัวแม่คำ บริเวณ บ้านนาโต่ แห่งนี้ บรรยากาศค่อนข้างดีเหมือนกันนะครับ..รถหลายๆ คัน คอยจอดสอบถามเราตลอดว่า จะไปไหน? แม้จะไม่ได้โบกก็ตาม แต่ดูเหมือน จะไม่มีคันไหนที่จะไป ถึง จุดหมายของเรา.. เลย ความถี่ของรถที่ผ่านมาแต่ละคัน เริ่มยาวนานขึ้น .. 10 นาที ผ่านมาคัน 20 นาที ผ่านมาคัน.. เริ่มเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราเริ่มถอดใจว่าถ้าไปไม่ถึง ก็กางเต๊นท์นอนแถวนี้แหละ.. อากาศดีเหมือนกัน.. 

     

    และ…แล้ว ก็มีพี่ใจดี ให้เราติดรถ ไป ครับ.. พร้อม อาสาจะไปส่งเราให้ถึงหมู่บ้าน ดอยหัวแม่คำ อีก ..ระยะทางอันคดเคี้ยว จน ถึงดอยหัวแม่คำ เป็นระยะทางที่ทรหดอยู่เหมือนกันสำหรับผู้ไม่ชำนาญทาง โดยเฉพาะช่วงใกล้จะถึงหมู่บ้าน ด้วยความตั้งใจที่จะไปกางเต๊นท์บน “วนอุทยานดอยหัวแม่คำ”  ซึ่งต้องเลยจากหมู่บ้านขึ้นไปอีก ราวกิโลเมตรกว่าๆ เป็นระยะทางสั้นๆ แต่ค่อนข้างที่จะเดินทางเข้าไปอย่างยากลำบากมาก ทางที่ร่วน เป็นทราย ทำให้รถที่เรามากันไถลตกขอบทาง จนต้องติดต่อให้เจ้าหน้าที่วนอุทยานนำรถมาลากให้เข้าที่เข้าทาง จนมาส่งเราจนถึง “วนอุทยานดอยหัวแม่คำ” ได้อย่างปลอดภัย.. ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณ คุณ ” กำจร ฤกษ์ทวีทรัพย์ “ ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็น เจ้าหน้าที่ของ อบต.แม่สลองใน ที่ให้เราติดรถ และ อาสาขับรถไปส่งเรา จนถึงจุดหมายปลายทาง อย่างปลอดภัย ตลอดจนขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่ วนอุทยานดอยหัวแม่คำ ที่คอยมาอำนวยความสะดวก มา ณ ที่นี้ ด้วยนะครับ กว่าจะมาถึง … ก็เป็นเวลา เกือบหนึ่งทุ่ม.. เรารีบจัดแจง กางเต๊นท์.. โดยทันที อากาศเริ่มหนาวเย็น และความมืดมิดที่ปกคลุม นอนเล่นดูดาว..บนท้องฟ้า สักพัก ก็เข้านอน .. ครับ เดินทางกันมาทั้งวัน..

     

     

    • โพสต์-2
    CHAILAIBACKPACKER •  พฤษภาคม 30 , 2559

    "ดอกบัวตอง" .. นั้นบานอยู่บนยอดดอย

    เช้าวันใหม่  05.30 น. เราก็ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมกับ สูดอากาศ สดชื่น เย็นสบายครับ ช่วงเช้าตรู่..อากาศ ค่อนข้างที่จะ หนาว เลยครับ.. บนยอดดอยแห่งนี้..

    เมื่อคืน… ตอนขึ้นมามองไม่เห็นอะไรเลย..ครับ เริ่มมีแสง เริ่มมองเห็นบรรยากาศ บน วนอุทยานดอยหัวแม่คำ แห่งนี้..

    ช่วงเวลารอพระอาทิตย์ขึ้น.. บรรยากาศดีมากๆ อากาศสดชื่น เย็นสบาย.. คุ้มค่าการเดินทาง (อันแสนยาวนาน)

    เราลงมาตรงพื้นที่ส่วนกลาง..ซึ่งขอเรียกว่า “ลอบบี้” ของที่นี่ละกันนะครับ จะมีโต๊ะเก้าอี้ ไว้นั่งทานอาหาร มีบริการชา กาแฟ ฟรี..มีน้ำร้อนให้.. จะเอา มาม่าคัพ มาใส่น้ำร้อน มานั่งซดร้อนๆ ยามเช้า ก็..แจ่มอยู่นะครับ.. ตรงนี้..ต่อเป็นลานไม้ไผ่ ยื่นออกไปอย่างดีเลยครับ ได้ใกล้ชิดกับ ดอกบัวตอง ถ่ายรูปได้สะดวก.. เห็นวิวทิวเขา ไกลๆ เป็น พื้นหลัง อย่างดีเลย เราเดินทางกันมาช่วงที่ “ดอกบัวตอง” เริ่มจะโรยแล้วครับ.. ซึ่งถ้าอยากมาเห็น “ดอกบัวตอง” แบบสะพรั่งบานเต็มที่จริงๆ ก็ต้องเป็น ช่วงกลางเดือน พฤศิกายน ของทุกปีครับ ซึ่งช่วงนั้นก็จะมีเทศกาล ดอกบัวตองบาน มีการแสดงของชาวเขา ให้ชมพร้อมกิจกรรมมากมายครับ เราไปหลังจากที่งานจัดไปแล้วถึง สองอาทิตย์.. แต่ก็ยังมีดอกบัวตองให้ชม อยู่เยอะครับ .. แต่ถ้าหลังจากนี้ไปแล้ว คงโรยราไปตามกาลเวลา..

    เก็บภาพบรรยากาศ.. แสงแรกของวัน.. “มีทะเลหมอก แอ่งเล็กๆ ให้ชมพอเป็นพิธี”

    พระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า.. ดอกบัวตอง ชูดอกท้า..ต้องแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า

    บริเวณลานกางเต๊นท์ของเราครับ.. เป็นจุดจอด ฮ. เป็นลานโล่งที่อยู่สูงสุดของดอยครับ..พื้นที่กว้างขวาง ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เลือกมุมกางได้ตามสบายเลยครับ..นำเต๊นท์มากางเองได้ฟรีนะครับ…ไม่มีค่าใช้จ่าย… ครับ สบายเลย อิอิ!!

    ถ้าไม่อยากนอนเต๊นท์ ทาง “วนอุทยาน” ก็มีบ้านพักให้บริการครับ..โดยที่ไม่เสียค่าบริการ ครับ .. พักได้ฟรีเช่นกัน.. !! แต่นักท่องเที่ยวก็สามารถ ช่วยเหลือ ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าบริการต่างๆ ได้ตามความเหมาะสมนะครับ.. บรรยากาศดี วิวดี ทุกหลังเลย…

    บ้านพัก..บนยอดดอย.. วิวดี..มองเห็นทิวทัศน์ ไกลลูกหูลูกตาเชียว.. เหมาะกับการมานอนพักผ่อน จริงๆ.. ครับ บรรยากาศรอบบ้านพัก..ที่เต็มไปด้วย “ดอกบัวตอง”

    อยากมีเวลา นอนเล่น นั่งเล่น อยู่ที่นี่..สักอาทิตย์ มองไปตรง..ภูเขาลูกโน้น.. ก็มีสีเหลืองของดอกบัวตอง.. ขึ้นแทรก แซม อยู่ทั่วบริเวณ.. บรรยากาศ ค่อนข้างที่จะสงบ..เงียบ

    แม้จะเริ่มสายแล้ว.. แต่หมอกก็ยังไม่จางหายไปไหน..

    “ดอกบัวตอง” บาน..เต็มดอย.. อยากมีเวลา นอนเล่น นั่งเล่น อยู่ที่นี่..สักอาทิตย์

    หลังจาก ดูพระอาทิตย์ขึ้น และ ชมความงาม ของ “ดอกบัวตอง” เต็มอิ่มแล้ว เราก็เตรียมเก็บของลงจาก ดอยครับ.. ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยง เข้าไปแล้ว.. ระหว่างทางเดินลง..เต็มไปด้วย “ดอกบัวตอง” ทั้งสองข้างทาง.. ในช่วงเช้า จากหมู่บ้านหัวแม่คำ จะมีรถกลับลงไปที่ บ้านเทอดไทย ครับ เป็นรถของชาวบ้านที่จะลงไปซื้อของ ตอนเช้า .. โดยสามารถติดรถ ไปกับชาวบ้านได้ ค่ารถ ก็ ประมาณ 60 บาท ไปลงที่บ้านเทอดไทยครับ

    ณ ขณะนี้ ก็เป็นเวลาเที่ยง แล้ว เราตั้งใจ..จะเดินจาก “วนอุทยานดอยหัวแม่คำ” ลงไปที่หมู่บ้านครับ ระยะทาง กิโลเมตรกว่าๆ กะว่าจะเดินเล่นๆ ไปเรื่อยๆ ครับ เผอิญได้เจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยว กำลังจะลงไปพอดี ก็เลยขอติดรถกระบะ(อีกแล้ว) ไปลงที่หมู่บ้านหัวแม่คำ ครับ 

     

    ตอนแรก เรากะว่าจะลง แค่ในหมู่บ้านหัวแม่คำครับ.. แล้วจะหารถกลับเอง .. แต่พี่ คนขับรถ ที่เราขอติดลงมาด้วยนั้น ชวนให้เรานั่งไปต่อจนเข้าในเมืองเลย(อ.แม่จัน) เพราะพี่เขาจะกลับเข้าเมืองพอดี เลยได้นั่งยาวๆ เลยครับ ต้อง .. ขอบคุณสำหรับน้ำใจครั้งนี้ครับ 

    สุดท้าย.. ทริปนี้ เป็นทริปสั้นๆ เสาร์-อาทิตย์ ไปดู “ดอกบัวตอง” บาน..ที่ถือว่าได้ประสบการณ์มากเลยครับ.. ได้เห็น “ดอกบัวตอง” บาน สวยๆ สมตามความตั้งใจ.. ได้นอนสบายๆ ในบรรยากาศหนาวๆ อากาศบริสุทธิ์..และ.. ที่สำคัญเลยครับ ได้เห็นน้ำใจตามรายทาง ที่คอยหยิบยื่นให้ตลอดการเดินทาง ซึ่งเราก็ต้อง “ขอขอบคุณ” อีกครั้ง.. กับทุกๆ น้ำใจ ที่ได้รับครับ.. เป็นทริป ที่สนุกสนาน ลุยๆ ดีครับ.. ก็หวังว่า จะเป็นข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจหาที่เที่ยวในเทศกาลดอกไม้บานช่วงหน้าหนาวนะครับ!!

     

     

     

    การท่องเที่ยวเชิงไฉไล | CHAILAIBACKPACKER

    Fanpage : https://www.facebook.com/chailaibackpacker

    Instagram : CHAILAIBACKPACKER

    Twitter : @chailaibackpack / goo.gl/VIBXC9