เก็บกระเป๋ามุ่งหน้าขึ้นเหนือครั้งนี้ เราเดินทางผ่านเส้นทางคดเคี้ยว เลี้ยวโค้งซ้ายแล้วรีบย้ายไปโค้งขวา เหวี่ยงไปเหวี่ยงมานับพันโค้งของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จนมาถึงบ้านรักไทย หมู่บ้านจีนยูนานที่ใครๆ ต่างก็ตั้งความฝันไว้ว่า จะต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้งในชีวิต ไหนๆ ก็มาถึงแล้วจะให้อยู่ชื่นชมบรรยากาศกันเดี๋ยวเดียวแล้วก็กลับคงจะไม่จุใจ เราเลยขอนอนค้างที่นี่กันซักคืน ซึ่งเราดันไปสะดุดตากับบ้านพักสีดินแดงที่ตัดสลับกับสีเขียวของไร่ชาที่ลด หลั่นกันมาตามแนวเขา เราจึงเดินดุ่มๆ เข้าไปสอบถามแล้วก็ตัดสินใจพักซะเลย

“ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท” มีบ้านพักจำนวนไม่มากนัก แต่โดดเด่นด้วยที่ตั้ง เพราะบ้านแต่ละหลังถูกปลูกไล่ระดับเป็นขึ้นบันไดทำให้วิวที่เห็นจากบ้านแต่ ละหลังสวยงามแตกต่างกันออกไป ซึ่งระหว่างทางที่ค่อยเดินขึ้นไปบนบ้านพักนั้น เราก็ได้เริงร่าท้าแดดและลมหนาวกลางไร่ชากันอย่างสนุกสนาน ก็นานๆ ทีจะมีโอกาสได้สัมผัสกับต้นชาใกล้ชิดขนาดนี้เราเลยเดินๆ หยุดๆ ถ่ายรูปเล่นจนลืมเหนื่อยไปเลย บ้านพักทั้งหมดของที่นี่ถูกตั้งชื่อตามชื่อชาสายพันธุ์ต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการจำ เช่น บ้านชาผู่เอ๋อ บ้านชาเขียว บ้านหอมหมื่นลี้ บ้านโสมอูหลง บ้านยอดน้ำค้าง บ้านเจียวกู้หลาน เป็นต้น บ้านทุกหลังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างพอดิบพอดี ทั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ทีวี และน้ำดื่ม ส่วนเรื่องเครื่องปรับอากาศนั้นลืมไปได้เลย เพราะอากาศที่บ้านรักไทยนี้เย็นเกือบทั้งปี ยิ่งในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ด้วยแล้ว รับรองว่าได้หนาวจนสั่นสะท้านแน่ๆ ในช่วงกลางวันถึงแดดจะแรงไปหน่อย แต่อากาศก็ยังถือว่าเย็นสบายอยู่ดี ถ้าหลบอยู่ในร่มเจอลมเย็นๆ พัดมาเรียกว่าก็ต้องมีพึ่งพาผ้าพันคอกันบ้างล่ะ ส่วนตอนกลางคืนนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง หน้าหนาวแบบนี้น้ำค้างแรงนักแหละ ถ้าใครออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้านพักก็จะได้เห็นน้ำค้างจับตัวอยู่ตามพื้น ระเบียง และโต๊ะเก้าอี้เต็มไปหมด ซึ่งนี่ก็คงเป็นเสน่ห์ของความหนาวเย็นที่ใครๆ ต่างก็อยากมาสัมผัสด้วยตัวเอง

ขณะที่เรากำลังซุกตัวอยู่ในที่นอนอุ่นๆ จนแทบไม่อยากลุกออกจากเตียง แต่ถ้าขืนไม่งัดตัวออกมาละก็มีหวังต้องเสียใจและรู้สึกเสียดายกันไปอีกนาน แน่ๆ ก็บรรยากาศตอนเช้าที่เห็นจากบ้านพักนี่เกินจะบรรยายออกมาได้เป็นคำพูด ทั้งหมอกที่โรยตัวเรี่ยยอดชา มองออกไปไกลอีกหน่อยก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำด้านล่างได้ลางๆ พร้อมกับแสงสีทองอุ่นๆ ของแดดยามเช้าที่ค่อยๆ ส่องความสว่างลอดผ่านหมอกลงมา ภาพทุกภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นสวยเสียจนเราเกือบจะลืมหายใจ พอแดดเริ่มออกอีกครั้งเราถึงตัดใจเดินลงมากินอาหารเช้าที่ร้านอาหารริมอ่าง เก็บน้ำด้านล่าง ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับรีสอร์ทนั่นเอง สำหรับใครที่จองห้องพักไว้ เค้าก็จะมีอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไว้ให้เรียบร้อย ทั้งข้าวต้ม กาแฟ และชายอดน้ำค้าง ซึ่งเป็นชาขึ้นชื่อของที่นี่ และด้วยรสหวานๆ และกลิ่นหอมอ่อนๆ ของชาชนิดนี้ เราจึงอดใจไม่ได้ที่จะซื้อติดไม้ติดมือกลับมาเป็นของฝากด้วย นอกจากชาแล้ว ที่ลีไวน์รักไทยยังมีไวน์ผลไม้เป็นสินค้า OTOP ขึ้นชื่อให้เราได้ลองชิมด้วย หรือจะเลือกสั่งมาจิบแกล้ม กับขาหมูยูนาน ก็น่าสนใจดีไม่น้อย เพราะห้องอาหารลีไวน์รักไทยยังมีเมนูอาหารจีนยูนานไว้ให้เลือกชิมมากมาย

อิ่มท้องกันเรียบร้อย ก็ได้เวลาเตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวยังที่อื่นๆ ต่อ ทั้งๆ ที่ใจยังคงอาลัยอาวรณ์กับบรรยากาศอันเรียบง่ายและเงียบสงบของหมู่บ้านรักไทย นี้ ทั้งท้องฟ้าสวยๆ ใสๆ วิวอ่างเก็บน้ำ ภูเขา และบ้านเรือนในแถบนี้ที่เหมือนมีแรงดึงดูดให้เราไม่อยากจากไปเลย นี่ขนาดว่าเราเลือกมาเที่ยวในช่วงต้นฤดูหนาวแล้วยังเจอวิวสวยติดตาขนาดนี้ ลองถ้าใครได้มาในช่วงกลางฤดูเชื่อว่าจะต้องสวยกว่านี้แน่ๆ หรือถ้ามีโอกาสลองแวะเวียนมาพักที่รีไวน์รักไทย รีสอร์ทแบบเราบ้าง รับรองว่าจะต้องติดใจจนแทบจะไม่อยากกลับบ้านเลย...คอยดู

- บ้านพักของลีไวน์รักไทย รีสอร์ท สามารถเข้าพักได้หลังละ 4 คน ส่วนหลังใหญ่จะพักได้ 6 คน ซึ่งราคาบ้านพักทุกหลังรวมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว

- การเดินทางมาบ้านรักไทย ควรเผื่อเวลาในการเดินทางให้ดี เนื่องจากเส้นทางมีความคดเคี้ยวและลาดชันมาก การขับรถควรใช้ความระมัดระวัง จึงควรเดินทางมาให้ถึงก่อนค่ำจะดีกว่า

ที่อยู่ : 3 หมู่ 6 บ้านรักไทย ตำบลหมอกจำแป๋ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58000

GPS : 19.585490, 97.942313

เบอร์ติดต่อ : 08 9552 9650, 08 9950 0955, 08 9262 1335

Website : http://www.leewinerukthai.com

Facebook : ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท

จำนวนห้องพัก : 11 หลัง

ประเภทห้องพัก : บ้านพักสำหรับ 4 คน และ 6 คน

ราคาห้องพัก : 1,500-2,500 บาท (รวมอาหารเช้า)

เวลา Check in - out : Check in 14.00 น. Check out12.00 น.

สิ่งอำนวยความสะดวก : เครื่องทำน้ำอุ่น / ฝักบัวอาบน้ำ / ทีวี / น้ำดื่ม / รองเท้าแตะ

ชื่อห้องอาหาร : ลีไวน์รักไทย

จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่ฮ่องสอน-ปาย) ไปประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงแยกบ้านกุงไม้สัก ทางซ้ายมือจะมีป้ายบอกทางไปบ้านรักไทย ให้เลี้ยวซ้ายแล้วขับไปตามทางอีกประมาณ 36 กิโลเมตรโดยเส้นทางนี้จะผ่านภูโคลน น้ำตกผาเสื่อ พระตำหนักปางตอง ตลอดเส้นทางเป็นทางชันขึ้นเขา มีโค้งหักศอก คดเคี้ยวพอสมควร เมื่อมาถึงบ้านรักไทยไทยแล้ว จะเห็นลีไวน์รักไทย รีสอร์ท จะอยู่ทางด้านซ้ายมือ