ค้นหาและแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวในไทย ลงทะเบียน เข้าสู่ระบบ
 
[Train to.. Phu Soi Dao] เมื่อฉันแบกเป้นั่งรถไฟ ไปภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ ลานสน อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว (Larn Son Phu Soi Dao National Park) จ.อุตรดิตถ์
    • โพสต์-1
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    [อ]อกไปข้างนอก  ออกไปเที่ยวภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์  

    รีวิวต้นฉบับบผมอยู่ที่ Pantip นะครับ จึงอยากนำมาลงเพื่อเเชร์ประสบการณ์ไว้ที่ TheTripPacker ด้วยครับ : http://pantip.com/topic/35671009

    สถานที่ปลายทาง : ลานสน ภูสอยดาว อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์
    ช่วงเวลาในการเดินทาง : 24-26 กันยายน 2559
    อุปกรณ์ถ่ายภาพ : Canon Rebel T3i(600D) lens  Kit 18-55 mm และ lens Sony QX : 100(เเละรูปบางรูปขอน้องมาเพราะผมถ่ายไม่ครบ)
    การเดินทาง : รถไฟไทยชั้น 3 ประเถทรถเร็วขบวนที่  107  :   กรุงเทพ – เด่นชัย

              สวัสดีครับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆชาว theTripPacker ทุกท่าน เป็นอีกครั้งที่ผมได้ออกเดินท่างท่องเที่ยวและอยากมาแชร์ประสบการ์ณการเดินทางครั้งนี้ครับ.. เริ่มจากเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยได้ทักแชทมาชวนไปเที่ยว ภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ ความจริงผมไปมาแล้วหนึ่งรอบเมื่อปีที่แล้ว แต่ไปคราวนั้นฝนตกเกือบตลอดทั้งวันทั้งตอนระหว่างทางเดินขึ้นและตอนถึงจุดกางเตนท์แล้ว ดอกหงอนนาคก็มีปริมาณไม่มากทำให้ไม่ค่อยได้เก็บภาพมาเท่าไรนัก ประกอบกับดูโซเชียลช่วงนี้ดอกหงอนนาคขึ้นเยอะมากๆเลยตอบตกลงเพื่อนไป ถือเป็นทริปซ่อมให้ตัวเองด้วย รู้ข้อมูลคร่าวๆว่าเดินทางไปรวมตัวกันที่ตัวเมืองพิษณุโลกตี 4 ของวันที่ 24 กันยายน 2559 จะเดินทางโดยรถทัวร์หรือรถไฟก็ได้แล้วเหมารถสองแถวหารค่าเดินทางกันไป ผมเลยชวนเพื่อนเดินทางโดยรถไฟ ก่อนวันเดินทางสองวันก็มีน้องทักมาถามว่าอาทิตย์นี้ไปไหนขอตามไปด้วย ผมเลยมีผู้ร่วมเดินทาง 3 คนที่รู้จักกันแล้ว ซึ่งทริปนี้จะมีสมาชิกที่มาร่วมเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลกทั้งสิ้น 15 ชีวิตครับ เดี๋ยวเราลองมาดูกันว่าการเดินทางของผมจะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เลยเป็นอีกครั้งอยากมาแชร์ประสบการ์ณการท่องเที่ยวไสตล์ผมและสิ่งที่ผมได้พบได้เจอมาครับ เผื่อเป็นแนวทางเล็กๆน้อยๆนะครับ ^^ 


    ขออนุญาตฝากกระทู้ที่ผมเคยรีวิวไว้ด้วยนะครับ 
    + [Train to.. BURIRAM] เมื่อฉันนั่งรถไฟไปบุรีรัมย์.. คนเดียว : http://pantip.com/topic/35522494
    + [Backpacking to.. Khao Chor] เขาช่อ หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ขญ.18(เจ็ดคต) อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.สระบุรี : http://pantip.com/topic/35550125
    + [Train to.. KIRIWONG] เมื่อฉันนั่งรถไฟไปนอนโฮมสเตย์ ที่หมู่บ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช : http://pantip.com/topic/35590445
    + [Backpacking to.. TA-KHON-DAM waterfall] เมื่อฉันแบกเป้เข้าป่าไปหาความชุ่มฉ่ำที่น้ำตกตาขนดำ จ.ปราจีนบุรี : http://pantip.com/topic/35615208


    สามารถเข้าไปชมทริปการเดินทาง พูดคุย และชวนพวกเราเที่ยวได้ตลอดเวลา ได้ที่
    Page : ออกไปข้างนอก https://www.facebook.com/outsidelifes

    หมายเหตุ : รูปปกผมถ่ายบริเวณจุดกางเต้นท์  คงไม่มีดราม่าว่าผมไปเหยียบต้นไม้นะครับ ^^

    • โพสต์-2
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    ...เป็นอีกครั้งครับที่ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟไทยชั้น3 หลายคนบอกว่าเหนื่อย ลำบาก เมื่อย บางคนก็ว่าเพลินๆ เรื่อยๆ บางคนชอบ บางคนชอบ ก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนเนอะครับ แต่สำหรับผมความรู้สึกก็ธรรมดาครับ เรื่อยๆซะมากกว่ามันก็มีเมื่อยบ้าง ผมก็ออกไปเดินระหหว่างโบกี้เอาเพื่อฆ่าเวลา เหตุผลหลักๆที่ผมเลือกเดินทางโดยรถไฟคือมันมีเปอร์เซนต์น้อยมากที่จะเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัยค่าโดยสารค่อนข้างถูก(ถูกกว่าการเดินทางแบบอื่นๆ) 55 ออกทะเลไปนานเอาละครับมาเริ่มเดินทางกันดีกว่า ทริปนี้ผมเริ่มจากสถานีรถไฟบางเขนครับ เพราะเดินทางสะดวกที่สุดสำหรับผม เรานั่งรถเร็วขบวน 107 วันที่ 23 กันยายน 2559 บางเขน-พิษณุโลก เวลาตามตั๋วออกเดินทาง 20:45 น. ถึงพิษณุโลก 02:36 น. ราคาค่าโดยสาร 177 บาทครับ วันนี้รถไฟไทยยังไม่เลท มาถึงสถานีรถไฟบางเขนตรงเวลาครับ ^^
    หมายเหตุ : ถ้าเริ่มเดินทางจากสถานีรถไฟหัวลำโพง รถเร็วขบวนที่ 107 นี้จะเริ่มเดินทาง 20.10 น. ราคาค่าโดยสารถึงพิษณุโลก 179 บาทครับ

    เราก็นั่งกันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ความจริงวันนี้มีสมาชิกทริปร่วมเดินทางบนรถไฟขบวนนนี้อีก 6 ชีวิตครับแต่กระจายกันนั่งคนละโบกี้ เพราะว่าซื้อตั๋วเดินทางไม่พร้อมกัน แต่ก็มีจุดหมายเดียวกันคือสถานีรถไฟพิษณุโลก : )นั่งๆนอนๆ เดินไป เดินมากว่า 6 ชั่วโมงพวกเราก็มาถึงสถานีรถไฟพิษณุโลกแล้วครับ เราถึงกัน 03.00 น. เลทไป 24 นาทีก็สบายๆครับ  
    ยังไม่ถึงเวลาที่นัดกับรถสองแถวที่เหมาไว้ ก็เดินวนถ่ายรูปรอบๆสถานีรถไฟไปครับ พอถึงตี่สี่เป๊ะ รถสองแถวที่เหมาไว้ก็มาจอดหน้าสถานีแล้วครับขึ้นรถแล้วก้ไปรับสมาชิกที่เดินทางโดยรถทัวร์ที่สถานีขนส่งพิษณุโลกต่อครับ
    รถสองเเถวที่เหมานี้เราใช้บริการของพี่เก่งโดยคิดค่าบริการเหมาคันไปกลับ(ภูสอยดาว-พิษณุโลก) 4,000 บาท/8-12 ท่าน ถ้ามาน้อยก็จะเอาไปรวมกับคันอื่นที่สมาชิกน้อยเหมือนกัน แล้วหารค่ารถกันหน้างานยืดหยุ่นได้ลองปรึกษาพี่เก่งอีกครั้งหากจะเดินทางแบบพวกผมนี้ก็ได้ครับ โทร. 087-7330661 Facebook : เก่งสองแถว นำเที่ยวทั่วไป 

    จากพิษณุโลก ถึงอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ระยะทางกว่า 170 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมงได้ครับ แต่พวกเราบอกพี่เก่งว่าเดี๋ยวถ้ามีตลาดขอแวะเติมเสบียงอีกครั้งก่อนขึ้นภู นั่งรถมาเรื่อยๆตื่นบ้างหลับบ้าง เราก็มาถึงตลาดสดเทศบาลตำบลป่าแดงครั แวะหาข้าวเช้าและข้าวเที่ยงไว้กินระหว่างทาง และมี7-11 ให้ตุนขนมอยู่ตรงข้ามตลาดด้วยครับ อ้อลืมบอกไปทริปนี้กลุ่มผมกินหมูกระทะกันนะค้าบบ ธรรมดาที่ไหน หอบหิ้วเตาหมูกระทะขึ้นรถไฟมาจากกรุงเทพฯกันเลยทีเดียว 555ตามสไตล์ครับ ข้าวเหนี่ยว หมูปิ้ง ไก่ย่าง ตุนกันเข้าไปครับข้าวเหนียวร้อนๆ ^^บริเวณข้างตลาดมีวัดนะครับ หากจะสักการะ เอาฤกษ์ เอาชัย ก็สามารถซื้อดอกไม้ธูปเทียนที่ตลาดได้เลยซื้อของเสร็จแล้วก็รอสมาชิกท่านอื่นอีกนิดหน่อยก็จะได้เวลาออกเดินทางกันอีกครั้งครับตรงบริเวณนี้สัญญาณโทรศัพท์ยังดีอยู่ครับ ใครจะโซเชี่ยลก็ลุยเลยครับ เพราะพี่เก่งบอกว่าระหว่างทางจะไม่ค่อยมีสัญญาณแล้ว จะมีก็แต่ True Move ที่ดูจะดีกว่าค่ายอื่นๆ คนครบ ของครบ ไปลุยเล้ยยย เราจะเดินทางอีกชั่วโมงกว่าๆก็จะถึงตัวอุทยานแล้วครับ ระหว่างทางนี่สดชื่นจังเล้ยย เขียวสบายตามากๆเล้ยบางคนใคร่หลับก็หลับต่อไปครับ 55หลังจากที่ผ่านหมู่บ้าน เข้าโค้ง ลุยฝุ่นกันมาพอสมควร อีกนิดเดียวววว  อีก 13 กิโลเมตร : )

     

    • โพสต์-3
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    ไม่นานนนักก็ถึงตัวอุทยานครับ เห้นครั้งแรกนี่อึ้งเลยครับ ไม่ใช่อะไร คือ นักท่องเที่ยวเยอะมากก(กอ ไก่ล้านตัว) เจ้าหน้าที่บอกว่าคืนนี้มีนักท่องเที่ยว 200-300 คน (o.O) แต่ก็เข้าใจว่าใครๆก็อยามาชื่นชมความงามกันทั้งนั้น ลุยครับบ
    มาถึงพวกเราก็เอาของกองกลางไปชั่งและให้ลูกหาบช่วยแบกขึ้นไป ลูกหาบที่ภูสอยดาวนี้ คิดราคากิโลกรัมละ 30 บาทครับ มีลูกหาบทุกเพศทุกวัย ยอมใจครับ 55
    เราเปลี่ยนเสื้อผ้า แพคของกันอีกนิดหน่อยแล้วก็เตรียมตัวเดินกันแล้วครับ 

    ทริปนี้ผมแบกสัมภาระเอง แอบเอาไปลองชั่งดู 21 กก. อืมใช้ได้นี่ เท่านี้ผมก้ว่าหนักสำหรับผมแล้วนะ(ระหว่าทางเจอน้องลูกหาบวัยรุ่นผู้หญิงผมเลยถามน้องว่าแบกกี่กก.ครับ น้องบอก 21 กก. แต่เดินฉิว ผมนี่แทบเขวี้ยงเป้ทิ้ง 555 ทำไมโหดกันจังงงง) จากจุดจอดรถจะมีรถอีแต๊กของอุทยานไปส่งยังจุดเริ่มเดิน ระยะทางประมาณ 2 กม.ครับในที่สุดก้ถึงสักทีครับจุดเริ่มเดิน เราเริ่มเดินกันเกือบๆ 11:00 น. ระยะเดิน 6.5 กิโลเมตรโดยประมาณ โดยจะผ่านเนินต่างๆ คือ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ไปครับ เริ่มเดิน เดิน เดิน แล้วก็เดินไปเรื่อยๆครับ ช่วงแรกจะเป็นทางราบ ป่าโปร่ง ต้นไม้ใหญ่ มีเทรลชัดเจน สัตว์เล็กๆสีสันแปลกตาก็มีให้เห็นเรื่อยๆครับ เดินต่อไปครับเดินมาเรื่อยๆก็มาถึงเนินเเรกครับเนินส่งญาติครับ หลังจากนี้จะค่อนข้างชัน 

    ทางอุทยานจึงทำบันใดไว้ให้เป็นบางช่วงครับเดิน เดิน เดิน แล้วก้เดินไปเรื่อยๆครับ เหนื่อยเราก็พัก หายเหนื่อยเราก้เดินกันต่อใจเย็นเพื่อน 555พอรู้สึกว่าท้องหิวแล้วน่าจะช่วงเนินป่าก่อ เป็นบริเวณที่เป็นสันเขา ก็จะมีลมพัดเอื่อยๆ หาที่เหมะๆเราก้แวะกินข้าวกันครับดูเหมือนว่าอาหารมื้อนี้จะอร่อยมากๆเลยครับ แชร์กับข้าวกัน มันเป็นอะไรที่ดีมากเลย ^^เมื่อท้องอิ่ม นั่งพักกันพักใหญ่ๆ เราก็เริ่มเดินทางกันอีกครั้งครับ เดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ จากที่เดินกันมาเป้นกลุ่มใหญ่ก็กระจายกันไปแล้วครับ บางคนเดินช้าเดินเร็วก็เกาะกลุ่มกันไปครับ ผมเดินช้าครับ ถ่ายรูปไปเรื่อย(หราาาา) 55ผมขอสคิปการเดินมาดูสิ่งมีชิวิตเล็กๆรวมทั้งพืชพรรณระหว่าสองข้างทางกันดีกว่าครับเดินต่อไปครับพี่สุชาติเราเดินกันมาเรื่อยๆ ก็มาถึงทางขึ้นเนินมรณะแล้วครับ พักกันอีกครั้งก่อนจะลุย พอหายเหนื่อนเราก็เดินขึ้นเนินมาเรื่อยๆ หันหลังกลับไปดู โหววววววว วิวดีมากเลย แต่ถึงจะวิวดียังไงก็ยังไม่หายเหนื่อยนะครับ 555แสงพุ่งก็มีให้เห็นครับ

    • โพสต์-4
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    ในที่สุดหลังจากที่ฝ่าฟันบรรดาเนินๆทั้งหลายมากกว่า 6 ชั่วโมง(ส่วนตัวผมคิดว่าเนินปราบเซียนนี่หนักสุดสำหรับผมเเล้ว) พวกเราก้เดินมาถึงครับ ลานสนภูสอยดาว เราพักถ่ายรูปบริเวณนี้ค่อนข้างนานเลยครับทุ่งดอกหงอนนาคสุดลูกหูลูกตาเลยครับ ^^ถ่ายรูปจนหนำใจเราก็เดินต่อกันไปอีกนิดหน่อยก็ถึงลานกางเต้นท์แล้วครับพื้นที่กางเตนท์มีเยอะครับ ไม่ต้องห่วงแต่ผมกับเพื่อนนอนเปลนี่สครับ เลยต้องเดินหาทำเลนานหน่อยแต่ก็พอจะไปเบียดๆกับนักท่องเที่ยวท่านอื่นๆได้อยู่ เราเลือกนอนคอนโดกันครับเพราะพื้นที่กางเปลจำกัด 

    ที่ทำการด้านบนมีอุปกรณ์ให้เช่านะครับ รายการตามนี้เลย รวมถึงถุงนอน+แผ่นรองนอนด้วยครับ กางเปลทำนู่นทำนี่ก้มืดซะแล้วครับ อย่างที่บอกไปข้างต้นครับทริปนี้เรามีหมูกะทะเป็นอาหารเย็นกันครับ อากาศเย็นๆ กับหมูกระทะนี่เป็นอะไรที่ดีต่อใจมากๆเลย ^^ยังมีมันเผาต่อนะครับ ดีงามไปอีก 

    ทางช้างเผือก้มีให้เห็น แป๊ปนึงครับหลังจากนั้นหมอกก็เคลื่อนตัวมาปิดจนมองไม่เห็นเเล้วครับ

    ราวๆเกือบสี่ทุ่มสมาชิกส่วนใหญ่ก้เริ่มเข้านอนกันแล้วครับ ผมเลยไปอาบน้ำดีกว่าเย็นยะเยือกมากกแต่สะใจดี 55 กลับมาก็เหลือสมาชิกไม่กี่คนแล้วครับ ผมเลยชวนน้องๆไปตั้งวงนิทานก่อนนอนกันหาอะไรจิบแก้หนาวได้ดีทีเดียวครับ และจากการพูดคุยทำความรู้จักกันมากขึ้น ทำให้รู้ว่าน้องที่มาจากขอนแก่นสองคนนี้ ตั้งใจจะนอนที่ภูสอยดาวคืนพรุ่งนี้อีกหนึ่งคืน นั่นจุดประกายให้ผมเลยครับเพราะผมคิดเดินขึ้นมาทั้งทีก็อยากจะอยู่ซึมซับอีกคืนเหมือนกัน น้องก็ชวนให้อยู่ ผมเลยตัดสินใจอยู่อีกคืนหนึ่งแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเดินหาสัญญาณโทรศัพเพื่อส่งอีเมลล์ลางาน พูดคุยกันจนเกือบๆตีหนึ่งเราก้แยกย้ายไปเข้านอนกันครับ

     

    • โพสต์-5
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    เช้านี้ผมตื่นมาประมาณ หกโมงเช้า มองไปทางที่เดินขึ้นมา เห็นหมอกจางๆ เพื่อนก็ยังไม่ตื่น พอดีน้องที่มาด้วยกันตื่นมาพอดีเลยชวนกันเดินไปดู แล้วก็ไม่ผิดหวังครับหมอกอลังการมาก ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นทะเลหมอกเป็นผืน แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ ดูรูปยาวๆไปเลยแล้วกันนะครับ 55 แดดเริ่มเเรงขึ้นเเล้วบวกกับความหิวเราเลยกลับเตนท์กันถ่ายรูปกันเต็มอิ่ม ก็เดินกลับไปที่เตนท์ครับ สมาชิกก็แยกย้ายไปถ่ายรูปกันบ้างแล้ว ผมวัดมาม่าก่อนเลยหิวแว้วว
    หมายเหตุ : ตรงบริเวณที่ทำการด้านบน มีบริการน้ำร้อนของเจ้าหน้าที่ที่จะตั้งไว้ตลอดเวลานะครับ ใช้แล้วก็เติมน้ำนำมาวางไว้ตรงกองไฟที่เดิมครับเมื่อท้องอิ่มก้เดินตามสมาชิกไปถ่ายรูปครับ ช่วงเช้าๆอากาสเย็นดอกหงอนนาคยังไม่บานนะครับ พอสายๆอากาสอุ่นขึ้นดอกไม้ก็เริ่มบานครับดอกไม้ของจริงครับ ^^ถ่ายรูปหมู่กันเรียบร้อยแล้วสมาชิกคนอื่นๆก้เริ่มทยอยเก้บของแล้วครับหันไปเห็นลูกหาบ แอบตกใจ หม้อต้องใหญ่ขนาดนี้เลยเหรออออเมื่อสมาชิกเก็บของเรียบร้อยเราก็เดินไปส่งสมาชิกท่านอื่น ถ่ายรูปรวมอีกครั้งพอเป็นพิธีครับ ^^

     

    • โพสต์-6
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    หลังจากส่งสมาชิกลงภูไปแล้ว ตอนนี้เหลือ 4 คนเราก็คุยกันว่าเดี๋ยวแวะลงไปดูน้ำตกสายทิพย์กันก่อน ทางเดินลงไปก็ค่อนข้างชันทีเดียวครับ 

    ชั้นเเรกครับนี่ชั้น 4 หรือ 5 ผมจำไม่ได้ครับ เพราะชั้นมันติดกันเลย ใบเมเปิ้ลแดงก็มีให้เห็นนะครับ ^^

    เสพย์ธรรมชาติชั้น 6 ชั้น 9 ครับ ผมอยู่ไม่ได้นาน เพราะกองทัพยุงบุกครับ เลยรีบถ่ายแล้วรีบกลับเต้นท์เลยพวกเรากลับไปยังเต้นท์ วันนี้นักท่องเที่ยวก็ทยอยลงจากภูกันเเล้วครับ เหลือนักท่องเที่ยวไม่ถึงร้อยคน พวกเราตกลงกันว่าเดี๋ยวนอนเอาแรงกันสักสองสามชั่วโมง

     

    • โพสต์-7
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    หลังจากหลับไปสามชั่วโมง นอนสบายมาก เพราะอากาศดี ถ้าไม่ตั้งนาฬิกาปลุกไว้คงหลับยาวแน่ เดินไปดูน้องๆก็ยังไม่ตื่นกัน ผมเลยไปเอาเปลมาผูถ่ายรูป บริเวณจุดกางเต้นท์เลยครับ ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ ^^

    ถ่ายรูปไปนานพอสมควร น้องก็ยังไม่ตื่นกัน เห็นท่าไม่ดีแน่เลยไปปลุกน้องแล้วครับ ชวนกันเดินไปที่หลักเขตแดน ไทย-ลาวเพราะบริเวณนั้นจะพอมีสัญญาณโทรศัพอยู่บ้าง ผมต้องส่งเมลล์ลางานวันจันทร์ด้วย มื่อน้องผมอยากเป็น ฮิปสะเตอร์ 555555เดินมาแป๊ปเดียวก็ถึงแล้วครับหลักเขตแดน ไทย-ลาว เดินเข้าฝั่งลาวไปอีกนิดก็ถึงบริเวณที่มีสัญญาณโทรศัพท์ แล้วครับ ตอนนี้ทุกคนก็อยู่ในโลกส่วนตัวกันแล้วครับสู้กับยุง แล้ะตัวคุ่น เพื่อเล่นโซเชียลกัน เราใช้เวลาอยู่นี่ค่อนข้างนาน พอรู้สึกว่าฟ้าเริ่มมืดแล้วเราก็ชวนกันกลับเต้นท์พระอาทิตย์ตกแล้ว ถึงจะไม่มีใข่แดงให้ดู แต่ก็สวยไปอีกแบบครับมื้อเย็นนี้เรากินอาหารกันง่ายๆครับ เป็นอาหารสำเร็จรูปแบบซองครับที่น้องๆเตรียมมาผมก็อาศัยฝากท้องกับน้องๆเลยเพราะไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลย โชคดีที่น้องเตรียมมาปริมาณที่เพียงพอสำหรับสี่คน ^^
    กินข้าวเสร็จออกมานอกเต้นท์ ฟ้าเปิด ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เป็นคืนที่สวยมากๆเลย ผมก็ไม่พลาดหยิบกล้องมาถ่ายภาพเก็บไว้ ^^เหมือนเดิมครับวันนี้ผมไปอาบน้ำกลับมาแล้วก็ชวนน้องๆไปหาอะไรจิบแก้หนาวกัน นั่งไปสักพักชวนคนนู้น คนนี้จิบด้วยกัน นักท่องเที่ยวเต้นท์ด้านหลังก็มาชวนให้ไปนั่งด้วยกัน พวกเราก็ไปนั่งและพูดคุยทำความรู้จักกัน มิตรภาพมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริงๆครับ ^^คุยไปได้สักพัก เริ่มง่วงเราก็ขอตัวกลับมานอนกันก่อน อากาศดีเหมือนเดิม หลับสบายเหมือนเดิมครับ

     

    • โพสต์-8
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    เช้านี้ผมไม่ได้ตื่นเช้ามาก นั่งซึมซับบรรยากาศไปเรื่อยๆ เพลินๆ แล้วก็ได้ฝากท้องมื้อเช้ากับแก๊งค์เมื่อคืน ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ กับช้าวอร่อยมากเรยย : )พอจัดการมื้อเช้าเรียบร้อยเราก็ทยอยเก็บของกัน และถ่ายรูปดอกไม้ยามเช้าที่เริ่มบานแล้วอีกครั้ง ก็เริ่มเดินลงกันแล้วครับ

    ซึมซับบรรยากาศด้านบนครั้งสุดท้ายก่อนกลับเริ่มเดินลงเนินมรณะกันแล้วครับ ขาลงใช้เวลาเร็วมากๆ ต่างกับขาขึ้นมากกกก พวกเราก็เดินกันไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆเหนื่อยเราก็พัก

    หายเหนื่อยก็เดินต่อเดินไปดูขยะข้างทางไป เพลินดีครับ ชิ้นไหนที่เราเห็นเราพอเก็บได้เราก็ช่วยกันเก็บครับ ไม่ต้องมองว่าเราสร้างภาพอะไรหรอกครับ เพราะเราไม่ได้เก็บทุกชิ้น ถ้าจะเก็บทุกชิ้นคงต้องแบบกกระสอบละครับ ผมก้ไม่เข้าใจว่าเอาขึ้นมากันได้ แค่เอากลับลงไปทำไมทำไม่ได้กัน คนไทยนี่ก็แปลกเนอะครับ....

     

    • โพสต์-9
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    เราเดินมาเรื่อยๆ คุยกันมาระหว่างทางว่าเดี๋ยวลงไป ลำธาร ลานหินน้ำภาค ระหว่างทางกันเห็นตอนก่อนขึ้นมีทางลงไป เราวางเป้ไว้และหยิบเฉพาะของมีค่าและอาหารกลางวันของพวกเราลงไป
    อันนี้น้องไม่ได้อยากเป็นฮิปสะเตอร์อะไรนะครับ ทางมันรกจริงๆครับ ทั้งรกทั้งชัน คลำๆทางไปเรื่อยๆครับถึงแล้วครับน้ำเย็นสดชื่นมากเลยครับเรานั่งกินข้าวริมน้ำตกเลยครับ บรรยากาศดี ฟังเสียงน้ำไหลเพลินๆ มือนี้เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดสำหรับผมเลยครับ ^^

    กินเสร็จเรียบร้อยเก็บของและเดินกลับกัน กว่าจะขึ้นมาถึงก็เล่นหืดขึ้นคอกันเลยทีเดียว 555หลังจากนี้ก็เดินเรื่อยๆ เรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนถึงจุดเริ่มเดินเลยครับเรากลับมาที่อุทยานอาบน้ำเสร็จประมาณ 14.00 น. แต่พี่เก่งบอกว่ายังเหลืออีกชุดหนึ่งที่จะกลับพร้อมกัน เราเลยเดินไปเล่น WI-FI ด้านบนรอพลางๆ ประมาณ 16.30 น. คนก็ครบ และเริ่มเดินทางกลับกันครับ ขากลับนี้ฝนตกด้วยครับหลับเพลินกันเลยทีเดียว : )เมื่อถึง สถานีขนส่งพิษณุโลก(บขส.ใหม่) ผมและน้องๆก้หาอะไรกินก่อนเดินทาง กินเสร็จก้ได้เวลาบอกลาแล้วครับ ได้แต่บอกว่ามีโอกาศคงได้ร่วมทริปกันอีก : ) 
    หมายเหตุ :  ขากลับกรุงเทพฯนี้ผมและน้องใช้บริการรถทัวร์ บขส 999 ครับ ค่าโดยสาร 403 บาท (ตอนแรก็คิดว่าแอบแพง แต่พอเจอนั่งเท่านั้นแหล่ะครับหลับเป็นตาย เบาะใหญ่มาก ผมตัวใหญ่ยังนั่งสบายเลยครับ)

     

    • โพสต์-10
    Ah •  ตุลาคม 07 , 2559

    …จบแล้วครับรีวิวการเดินทางครั้งนี้ของผม อยากจะบอกว่าการที่เราเดินทางกับคนแปลกหน้าบ้าง มันไม่แย่นะครับ เราจะได้มิตรภาพดีๆ ความทรงจำกลับมา และที่สำคัญเราจะได้เพื่อนที่สไตล์ท่องเที่ยวเดียวกันกับเรากลับมาเยอะมาก มิตรภาพมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลาจริงๆ ครับ ^^

    การติดต่อรถเหมา : โทร. 087-7330661(พี่เก่ง) ค่าบริการเหมาคันไปกลับ(ภูสอยดาว-พิษณุโลก) 4,000 บาท/8-12 ท่าน

    สรุปค่าใช้จ่ายผมคิดต่อคนเลยนะครับ
    1.ค่าส่วนกลาง(ค่าอาหาร+คารถสองแถว)                   738 บาท
    2.ค่าเดินทาง(รถไฟ+รถทัวร์)                                  580  บาท
    รวม                                                                1,318 บาท
    หมายเหตุ : ค่าอาหาร ขนม มื้ออื่นๆไม่ไม่ได้นำมารวมไว้นะครับแล้วแต่สไตล์ของแต่ละคนว่ากินแบบไหน


    ......สุดท้ายแล้วครับขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตามอ่าน และเยี่ยมชมกระทู้ [Train to.. PHU-SOI-DAO] เมื่อฉันแบกเป้นั่งรถไฟไปภูสอยดาว จ.อุตรดิตถ์ เจอกันใหม่ทริปหน้าะครับผม ^^

     

    อ อ ก ไ ป ข้ า ง น อ ก

     

     

  1. โหลดเพิ่ม