ขับรถมาถึงวัดท่าซุงตอนใกล้เที่ยงพอดี กว่าจะได้เวลาเข้าชมวิหารแก้วตอนรอบบ่ายก็ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่ จะให้นั่งรอเวลาเฉยๆ ก็ดูจะน่าเบื่อเกินไป อย่ากระนั้นเลยขอโฉบไปหาปลาแม่น้ำและเมนูอร่อยๆ กินกันซักมื้อดีกว่า แถมยังไม่ขับรถวนไปไหนไกล ห่างจากวัดท่าซุงมุ่งหน้าไปทางอำเภอเมืองแค่ช่วงกระพริบตา เราก็จะเห็นป้ายขนาดใหญ่บอกชื่อร้าน “พรหมท่าซุง”เปิดไฟเลี้ยวแล้วหันหัวรถเข้าไปกันเลย

“ร้านพรหมท่าซุง” เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ มีที่จอดรถกว้างขวางสามารถรองรับกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ๆ ได้อย่างสบาย และด้วยความตัวร้านตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำสะแกกรัง จึงมีทั้งที่นั่งด้านบน และที่นั่งบนแพให้เราได้เลือกตามใจชอบ จัดแจงเลือกที่นั่งกันได้แล้วทีนี้เพื่อปากท้องน้อยๆ ของเราที่กำลังส่งเสียงประท้วง เราจึงเร่งสั่งอาหารมาสังเวยความหิวอย่างไม่ลืมหูลืมตา เริ่มต้นกันด้วยปลาแม่น้ำตัวใหญ่ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุทัยธานี ใครมาแล้วไม่ได้กิน “ปลาแรด” ต้องถือว่าพลาดอย่างแรง แต่จะเลือกนำไปปรุงเป็นเมนูอะไรนั้นก็เลือกกันได้ตามสไตล์ จะเอาไปทอดกระเทียม ทอดน้ำปลา ราดพริก ก็อร่อยทั้งนั้น สำหรับครั้งนี้เราเลือกเป็นเมนู “ปลาแรดสามรส” ปลาตัวเขื่องถูกนำไปทอดทั้งตัวแล้วราดด้วยน้ำซอสสามรส ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม แต่แอบเผ็ดนิดๆ ทำให้เนื้อปลาไม่จืดชืดจนเกินไป เมนูนี้เด่นที่เนื้อปลาแรดสดๆ เนื้อแน่นตัวโตขนาดที่กินกันได้ทั้งครอบครัว จานต่อไปเป็น “ทอดมันปลากราย” เนื้อเหนียวนุ่ม กินพร้อมกับน้ำจิ้มหวานๆ และแตงกวา ถือเป็นความอร่อยที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว

เลือกกินเมนูปลากันไปแล้ว ทีนี้ก็มาลองเมนูอาหารพื้นบ้านกันบ้าง เราลองเลือกสั่ง “แกงกะลามะพร้าวอ่อน” อาหารที่คนเมืองอย่างเราดูจะไม่เคยคุ้นเอาซะเลย แต่พอได้ชิมแล้วก็ถูกอกถูกใจเราไม่น้อยเลยทีเดียว ตัวแกงเข้มข้นครบรส ทีเด็ดอยู่ที่เนื้อกะลามะพร้าวอ่อนซึ่งอ่อนกำลังดี เคี้ยวมันกรุบๆ คล้ายเวลาเรากินกระดูกอ่อน ไม่น่าเชื่อว่ากะลามะพร้าวอ่อนๆ จะกินได้อร่อยขนาดนี้ และอีกเมนูตามแบบฉบับคนภาคกลางก็ต้องมีน้ำพริกผักสดมากินกับข้าว ซึ่งคราวนี้เราเลือกสั่ง “ปูเปรี้ยวหลน”จากที่นึกว่าจะได้รสเปรี้ยวๆ เหมือนปูดอง แต่รสชาติของหลนก็ยังคงความเป็นหลนไว้ครบถ้วน แต่เราออกจะรู้สึกว่าน้ำหลนใสไปซักนิดเวลากินกับผักสด น่าเสียดายที่เราพลาดโอกาสชิม “ยำสะเดาหวาน” เพราะไม่มีสะเดา แต่แค่กับข้าวที่สั่งมาทั้งหมดนี้ ขนาดเราว่าเรากินกันจุแล้วอาหารบนโต๊ะก็แทบจะกินกันไม่หมดเลยทีเดียว

นอกจากอาหารที่เราเลือกสั่งมาลองชิมนี้แล้ว ร้านพรหมท่าซุงยังมีเมนูให้เลือกอีกมากมายทั้ง ปลากราย ปลาเนื้ออ่อน ปลากด ปลาคัง ต้มยำ ลวกจิ้ม ฉู่ฉี่ ผัดเผ็ด น้ำพริก ฯลฯ กินข้าวไปนั่งชมวิวแม่น้ำสะแกกรังไป รับลมเย็นๆ ให้อาหารปลา ดูวิถีชีวิตชาวบ้านที่พายเรือผ่านไปมา รับรองว่าจะเจริญอาหารขึ้นอีกมากโขอยู่ อิ่มแล้วก็คงได้เวลาไปเที่ยวชมวัดท่าซุงกันต่อได้พอดิบพอดี ถึงแม้การบริการจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย และอาจไม่ได้รวดเร็วทันใจนักแต่ก็ขอให้ใจเย็นไว้ซักนิด ยิ่งถ้ามาในช่วงที่มีลูกค้าเยอะๆ ด้วยแล้วก็อาจจะต้องรอเรียกพนักงานกันซักหน่อย พอสั่งอาหารเสร็จสรรพแล้วก็รอไม่นานรับรองว่ายังไม่ต้องถึงขั้นอารมณ์เสียโมโหหิว ก็ได้อิ่มท้องแน่นอน ถ้าผ่านมาเที่ยวจังหวัดอุทัยธานีแล้วล่ะก็ อย่าลืมแวะมาหาปลาแม่น้ำกินที่ร้านพรหมท่าซุงกันดูนะครับ

ที่อยู่ : 72 ถนนอุทัย-มโนรมณ์ ตำบลน้ำซึม อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

GPS : 15.330435, 100.076234

เบอร์ติดต่อ : 08 9703 8530, 0 5650 2585,0 5650 2595

เวลาทำการ :

- แกงกะลามะพร้าวอ่อน (80 บาท)

- ปลาแรดสามรส (270 บาท)

- ปูเปรี้ยวหลน (80 บาท)

- ทอดมันปลากราย (60 บาท)

ค่าธรรมเนียม : 50-60 โต๊ะ

ช่วงเวลาแนะนำ : ทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น.

ไฮไลท์ : เงินสด

กิจกรรม : ลานจอดรถของร้าน

จากกรุงเทพขับมาตามถนนสายเอเซีย (ทางหลวงหมายเลข 32) มุ่งหน้าสู่ภาคเหนือจนสี่แยกหางน้ำสาครจังหวัดชัยนาท แล้วเลี้ยวซ้ายไปอำเภอมโนรมย์จนสุดถนนซึ่งจะเป็นแม่น้ำสะแกกรัง ให้เอารถขึ้นแพข้ามฟากไปฝั่งอุทัยธานี ค่านำรถยนต์ขึ้นแพขนานยนต์ราคาคันละ 30 บาท เมื่อข้ามฝั่งมาแล้วให้ขับต่อขึ้นไปตามทางหลวงหมายเลข 3265 เลยวัดท่าซุงไปเล็กน้อยจะเห็นร้านพรหมท่าซุงอยู่ทางขวามือ

หรือถ้ามาจากตัวเมืองอุทัยธานี ให้มุ่งหน้ามาตามทางหลวงหมายเลข 3265 จะเห็นร้านพรหมท่าซุงอยู่ทางด้านซ้ายมือ ก่อนถึงวัดท่าซุงเล็กน้อย