| เที่ยวระยองในมุมมองใหม่ |
การไประยองในครั้งนี้ เราตั้งโจทย์ไว้ว่าจะไปในที่ที่ไม่ใช่ทะเล และไปในที่ที่ตัวเองยังไม่เคยไป (แต่คนอื่นอาจไปมาแล้ว 5555 ) จึงได้หาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต ซึ่งในช่วงที่เราไปเป็นช่วงปลายหน้าฝน เป็นช่วงที่กำลังมีมรสุมพอดี ทำให้แอบหวั่นใจในการเดินทางอยู่เหมือนกัน ว่าจะกร่อยหรือเปล่า แต่เมื่อตั้งใจแล้ว เป็นไงเป็นกัน !!!!
รูปแบบการเดินทาง
- ขับรถไปเอง โดยใช้ google map นำทางในการไปแต่ละที่
- การเดินทางรูปแบบของเรา จะเน้นวางแผนการแวะแต่ละจุดให้ไปในเส้นทางเดียวกันไล่ไปตามทาง
Day 1
- วัดวังหว้า
- พิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง
- อนุสาวรีย์สุนทรภู่
- เช็คอิน บ้านชานสมุทรโฮมสเตย์
- นั่งสามล้อท้องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (ศาลสมเด็จกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์, วัดตะเคียนงาม, ทุ่งโปรงทอง, อนุสรณ์เรือหลวงประแส, สะพานประแสสิน)
- นั่งเรือชมเหยี่ยวแดง ดูพระอาทิตย์ตกดิน
Day 2
- เดินชมตลาดเก่าชุมชนประแสยามเช้า
- วัดสมมติเทพฐาปนาราม (วัดแหลมสน)
- วัดป่าประดู่
- จุดชมวิวเมืองระยอง
- สวนผลไม้สุภัทราแลนด์
- วัดละหารไร่
ค่าใช้จ่าย
- ค่าน้ำมันรถ
- ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์บ้านครูกัง : 80 บาท/คน
- ค่าที่พัก บ้านชานสมุทรโฮมสเตย์ : 1,000 บาท/ห้อง (ขึ้นอยู่กับแต่ละประเภทห้อง)
- ค่าสามล้อพาเที่ยว : 200/คัน (แต่เราขอให้พี่เค้าพาไปตรงสะพานประแสสินด้วย เลยเพิ่มให้พี่เค้าอีก 100 บาทรวมทิป)
- ค่าล่องเรือชมบรรยากาศปากแม่น้ำประแส : 150 บาท/คน
- ค่าอาหารแต่ละมื้อ : ขึ้นอยู่กับความสามารถและสไตล์ของแต่ละคน
------------------------- ถ้าพร้อมแล้ว ลุย!!!! ------------------------
> ที่แรกที่เรามาคือ "วัดวังหว้า" เป็นวัดที่มีพระเกจิอาจารย์ที่ชาวตะวันออกให้ความเคารพนับถือกันมายาวนาน นั่นก็คือ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร
>กราบสักการะศพ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร เป็นพรรเถระที่มีพระษามากที่สุดในประเทศไทย คือ 80 พรรษา
> ในด้านวัตถุมงคล จะขึ้นชื่อเรื่องยันต์พัดโบก สำหรับค้าขาย หรือการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย พัดลม พัดฝน สำหรับชาวตังเก
> เกือบๆ บ่าย เราก็เข้าเช็คอินที่ที่พักของเรา คือ "บ้านชานสมุทรโฮมสเตย์" บริเวณชุมชนปากน้ำประแส
> บ้านชานสมุทรยินดีต้อนรับและให้บริการ > ที่ชุมชนประแสนี้ จะมีการรวมตัวกันเพื่อจัดเป็นหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ Creative industry village เพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และการบริการ และเป็นการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ได้เปรียบเชิงวัฒนธรรม โดยมีเป้าหมายให้เกิดการประยุกต์ใช้ทุนวัฒนธรรมท้องถิ่น ผนวกเข้ากับเทคโนโลยีนวัตกรรมสมัยใหม่ ก่อให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน > ที่นี่มีการจัดสรรที่จอดรถได้อย่างสะดวกและเพียงพอต่อผู้มาพัก ดีมากๆ > พักผ่อน หย่อนกาย คลายใจ ณ ริมน้ำ ที่ "บ้านชานสมุทรโฮมสเตย์"> ที่โฮมสเตย์แห่งนี้เจ้าของดูแลให้บริการ จัดการ ด้วยตัวเองทุกอย่าง น่ารัก อัธยาศัยดี เป็นกันเองดีมากๆ ประทับใจสุดๆ > ห้องพักที่นี้มีไว้รองรับแขกผู้มาเยือนหลากหลายประเภท จะมาเป็นคู่ มาเป็นกลุ่ม ที่นี่เค้าจัดให้ได้ > ห้องพักเรียบๆ สะอาด > ห้องน้ำมีแชมพูสระผม และครีมอาบน้ำให้ แต่จะไม่มีไดร์เป่าผม ไม่มีหมวกคลุม ไม่มีสำลีให้นะ เพราะโฮมสเตย์จะออกแนวเรียบๆ ง่าย ไม่เน้นความสะดวกสบายมากนัก > ลักษณะโฮมสเตย์ที่นี่เป็นการออกแบบที่พักได้อย่างลงตัวห้องพักสะอาด ออกแบบโปร่งโล่ง ทันสมัย แต่ก็มีการคงไว้ซึ่งกลิ่นอายความเป็นชุนชนริมน้ำแบบเดิมๆ > บริเวณชานบ้าน พื้นที่รวม โปร่งโล่ง ลมพัดตลอด อากาศถึงแม้จะร้อนแต่ก็พอมีลมพอให้คลายได้บ้าง > ของขึ้นชื่ออย่างหนึ่งของชุมชนประแสคือ ชาใบหลู่> หลังจากเก็บสัมภาระเรียบร้อย เราก็ออกมาเดินหามื้อบ่ายทานที่ ตลาดบ้านเก่าริมน้ำประแส ซึ่งไม่ไกลจากที่พักเลย เดินออกมา 10 ก้าวก็ถึงแล้ว> มื้อนี้เราฝากท้องกันที่ "ร้านเจ๊หน่องแซ่บเวอร์" ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลแซ่บสมชื่อจริงๆ > หลังจากอิ่มท้อง เราได้ติดต่อให้ที่โฮมสเตย์เรียกสามล้อ นำเที่ยวในชุมชน โดยพี่คนขับก็จะพาเราไปเที่ยวในย่านชุมชนตามจุดต่างๆ (จริงๆ แล้วถ้าไม่ใข่ช่วงมรสุม ที่โฮมสเตย์จะมีแพคเกจไปดำน้ำและดูศูนย์อนุรักษ์เต่าทะเลที่เกาะมันในด้วย เริ่มช่วง ต.ค. ) > พี่สามล้อพามาที่แรกคือ "ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์"> ภายในศาลประดิษฐานพระรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของสมเด็จท่าน ในพระอิริยาบถประทับยืน ทรงฉลองพระองค์ชุดเครื่องแบบเต็มยศพลเรือเอกแห่งราชนาวีมีความสูง 173 ซม. หลังจากสักการะภายในศาลแล้ว ด้านหลังยังมีจุดชมวิวของปากน้ำประแสอีกด้วย ไม่มีค่าเข้าชม เวลาเปิด เปิดทุกวัน 08.00 - 16.00 น. > จุดต่อไปเราก็แว้นสามล้อกันมาที่ "ทุ่งโปรงทอง" > ทางเข้าตรงจุดเริ่มต้น > ที่จุดนี้มีบริการนั่งเรือนำเที่ยวชมธรรมชาติ คนละ 50 บาท ( 4 คนออก) แต่ถ้าจะเหมาลำก็ 150 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที > เราจึงขอนั่งเรือชมธรรมชาติด้วย ซึ่งพี่เค้าจะพาไปถึงจุดปากน้ำ และพาล่องกลับขึ้นตรงจุดชมวิวทุ่งโปรงทองเพื่อเดินกลับออกมา ทำให้ได้ 2 บรรยากาศ > วิถีชุมชนริมน้ำ > ระหว่างล่องเรือ พี่เค้าพาดูที่ต้นไม้มีค้างคาวแม่ไก่อยู่หลายร้อยตัว > นั่งล่องมาถึงปากน้ำ มีการทำพนังกั้นแรงน้ำไว้เป็นแนวยาว เหมือนกำแพงเลย > ธรรมชาติ > หลังจากนั่งล่องเรือ ขากลับพี่เค้าจะพาเราขึ้นฝั่งระหว่างทางตรงศาล แล้วให้เราเดินชมทุ่งโปรงทองต่อแล้วกลับออกมาทางเดิมตรงจุดที่ขึ้นเรือตอนแรก ทำให้เราได้ 2 บรรยากาศ ใครไม่อยากเดินไกลๆ แนะนำวิธีใช้ได้เลย > เดินชมธรรมชาติป่าชายเลน > เดินมาสักพัก ไม่ไกลนักก็จะเจอจุดชมวิว (แต่ถ้าจะเดินให้ครบรอบ ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง แล้วไปโผล่ที่เรือรบประแส ระยะทางประมาณ 2 กม. เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูป) > จุดต่อไปเราก็มาแวะที่ "วัดตะเคียนงาม"
> ที่นี่จะมีต้นเจ้าแม่ตะเคียน และต้นเจ้าพ่อตะเคียน
> ต้นนี้คือต้นเจ้าแม่ตะเคียน> กิ่งต้นตะเคียนที่หักลงมา > ต้นเจ้าพ่อตะเคียน > เราขอให้พี่เค้าแวะถ่ายรูปที่สะพานประแสสินด้วย (ปรกติไม่รวมในโปรแกรม แต่เราสามารถขอให้แวะ โดยเพิ่มเงินให้พี่เค้าได้) > เมื่อถ่ายรูป โต้ลมบนสะพานประแสสินเสร็จแล้ว ที่ต่อไปที่พี่เค้าพามาคือ อนุสรณ์เรีอรบประแส
> เป็นเรือหลวงประแสลำที่ 2 นำเข้ามาแทนเรือหลวงประแสลำที่ 1 เรือหลวงประแสปฏิบัติภารกิจทางยุทธการรวม 32 ครั้ง นาน 2 ปีเศษ ไม่มีค่าเข้าชม เวลาเปิด เปิดทุกวัน > เมื่อเที่ยวชมชุมชนเสร็จแล้ว ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 3 ชั่วโมง เราก็กลับถึงโฮมสเตย์เกือบๆ 5 โมงเย็น > ที่โฮมสเตย์มีบริการล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก และชมเหยี่ยวแดงด้วย (ค่าบริการ 150 บาท/คน) เรือออกประมาณ 17:30 น. > คุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์เป็นผู้นำเรือล่องด้วยตัวเอง และชวนให้เราไปลองขับเรือได้ด้วย คุณลุงใจดีมากๆ ได้คุยกับคุณลุง เล่าว่าก่อนหน้านี้คุณลุงทำประมง และเมื่อเศรษฐกิจไม่ค่อยดีก็ขายเรือไปหมดเก็บไว้แค่ไม่กี่ลำ และตัดสินใจเริ่มทำโฮมสเตย์แทน ซึ่งที่พักการออกแบบต่างๆ คุณลุงบอกว่าคิดเอง ออกแบบเองทั้งหมดเลย เก่งสุดยอดจริงๆ > ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น ช่างสุขใจจริงๆ > ชมวิถีชาวบ้านที่แตกต่างจากชาวกรุง > ฝูงเหยี่ยวแดง > มุมมองสะพานประแสสิน > เรือรบประแส > ใช้เวลาล่องเรือประมาณชั่วโมงครึ่ง ก็กลับถึงโฮมสเตย์ > มื้อเย็นนี้เราฝากท้องที่โฮมสเตย์เลย ทางที่พักได้จัดสำรับอาหารตามที่เราได้สั่งไว้อย่างเรียบร้อย พูดได้ว่า ลงจากเรือปุ้บ นั่งทานข้าวได้เลย
> ยำผักกระชับ (ผักกระชับเป็นผักพื้นบ้านของจ.ระยอง) > รวมมิตรซีฟู้ด
> ทางโฮมสเตย์จะส่งรายการเมนูอาหารให้เราเลือกและยืนยันก่อนวันเดินทาง > มื้อเช้าทางโฮมสเตย์มีปาท่องโก๋ กาแฟ โอวัลตินจัดไว้ให้รองท้องด้วย ใครอยากจะทานอาหารเช้าเลยก็ได้ เป็นข้าวต้ม > แต่เราขอมาเดินถ่ายรูป และขอมาเดินเล่นที่ตลาดยามเช้าก่อน > ขนมชารส ป้าใบ้ ถุงละ 20 บาท รสชาดเหมือนน้ำตาลปี้บ หวานมากๆๆๆ > ขนมแป้งม้วน ทำด้วยแป้งคล้ายๆ ข้าวเกรียบปากหม้อ มีไส้เป็นมะพร้าวหวาน อร่อยดี > เจ้าถิ่น > ที่ประจำ > ที่ชุมชนนี้จะเน้นทำกุ้งแห้งและกะปิกัน > หอยปากเป็ด รสชาดออกหวานๆ เชื่อมๆ อร่อยดี > ตลาดสด ปลาสดๆ > บรรยากาศยามเช้า มีทั้งนักท่องเที่ยว และชาวบ้านมาจับจ่าย > ผักกระชับ ผักท้องถิ่นจ.ระยอง ลักษณะคล้ายๆ ต้นอ่อนทานตะวัน แต่จะมีกลิ่นเฉพาะตัวกว่า > มองหน้า หาเรื่อง > เมื่อเดินกลับมาถึงที่พัก พี่เค้าก็ยกอาหารเช้า ข้าวต้มทะเลมาบริการเราทันที
> แล้วเราก็อาบน้ำ เช็คเอาท์ อำลาปากน้ำประแส และคุณลุงเจ้าของโฮมสเตย์ พร้อมมุ่งหน้าสู่จุดหมายต่อไป Day 2
> "วัดสมมติเทพฐาปนาราม (วัดแหลมสน) อยู่ไม่ไกลจากโฮมสเตย์มากนัก ทางที่พักแนะนำให้เรามาแวะวัดนี้กันก่อน > พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสเมืองชายทะเลฝั่งตะวันออก ขึ้นประทับที่ตำบลปากน้ำกระแสฝั่งแหลมสนเมืองแกลงเสด็จมาใกล้เจดีย์สถาน (ปัจจุบันเจดีย์นี้ยังอยู่)ทรงพระราชดำริว่า "ตำบลปากน้ำแหลมสนนี้สมควรเป็นที่สร้างอารามได้" จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระแกลงแกล้วกล้า (มั่ง) ผู้ว่าราชการเมืองแกลง สร้างพระอารามขึ้น ณ ที่ใกล้เจดีย์และพระราชทานนามว่า "วัดสมมติเทพฐาปนาราม" > แล้วเราก็ออกเดินทางเข้ามายังตัวเมือง เพื่อเก็บเที่ยวในวันกลับ โดยเริ่มต้นกันที่ "วัดป่าประดู่" > ภายในวัด จะมี “พระนอนตะแคงซ้าย” (พระพุทธไสยาสน์) ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ ประดิษฐานอยู่ > บ่อน้ำโบราณ อายุเกิน 100 ปี > ลอดโบสถ์เก่าเพื่อเป็นสิริมงคล > พระประธานภายในโบสถ์เก่า > ภาพจากช่องมองพระประธานจากใต้โบสถ์ > ระหว่างนั้น ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเล็กน้อย ซึ่งจุดต่อไปที่เราวางแผนจะไปต่อคือ "จุดชมวิวเมืองระยอง" เราจึงอธิษฐานในใจขอพรบารมีจากผ้ายันต์พัดโบก ของหลวงปู่คร่ำ (วัดวังหว้า) ที่เราได้เช่าบูชามา ขอให้ช่วยพัดลมฝนไป ซึ่งพอมาถึงฝนก็ได้แต่ปรอยๆ ถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะจ้ะ > ทางขึ้นจุดชมวิว > บนจุดชมวิวเมืองระยอง ที่นี่ส่วนตัวคิดว่าคนยังไม่ค่อยรู้จักมากนัก เพราะพอขึ้นมาคนไม่ค่อยมีสักเท่าไร > ทางผ่านเราได้แวะ "สวนสุภัทราแลนด์" ซึ่งที่นี่จะมีบริการนั่งรถลางชมสวนผลไม้, กินผลไม้บุฟเฟต์ + สลัดผัก + ส้มตำ ราคา 380 บาท แต่วันที่เราไปไม่มีมังคุด กับเงาะ เราเลยไม่ได้ซื้อแพคเกจนี้ และคนก็คอ่นข้างน้อย ของขายน้อย เลยได้แต่เดินถ่ายรูปด้านนอกนิดหน่อย > ที่สุดท้ายที่เรามาแวะ คือ "วัดละหารไร" > สิ่งแรกที่เราควรไปกราบนมัสการคือ องค์หล่อหลวงปู่ทิมขนาดใหญ่ในอุโบสถ > สักการะ หลวงปู่ทิม อิสริโก เกจิอาจารย์ดังแห่งเมืองระยอง > ตบท้ายก่อนกลับเข้ากทม. ภายในวัด ด้านหลังองค์หลวงปู่ทิม จะมีโรงอาหารอยู่ จึงแวะทานก๋วยเตี๋ยวเรือนายพล เพื่อเติมพลังก่อนจะเดินทางกลับสักหน่อย อร่อยเด็ดเลยทีเดียว
: Dare to bring yourself to the unfamiliar space :