BACKPACK เรื่อยๆ ไปหายเหนื่อยที่ "ม่อนทูเล" EP.1
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่ 2 ของผมนะครับ
กระทู้แรกคืออันนี้ --> https://pantip.com/topic/34447915
ก่อนอื่นขอแจ้งให้ทราบก่อนนะครับ
- ทริปนี้เกิดขึ้นเมื่อ มกราคม ปี 2016 นะครับ
- ภาพในกระทู้นี้จะมาจากกล้องของ พวกเราทั้ง 3 คน ก็จะออกมาคนละแนว
จะมีจากมือถือบ้าง กล้อง DSLR บ้างครับ
- เป็นรีวิวแบบจัดเต็มพิมพ์เยอะ เล่าเยอะ แน่นอน เพราะชอบเก็บรายละเอียดครับ [ภาพก็เยอะครับ]
- อยากรีวิวด้วย และก็เล่าการเดินทางด้วย ขอบคุณนะครับมาเริ่มกันเลย
======
ทริปนี้เกิดจากการที่ว่า ก่อนจะไปฝึกงานก็อยากเที่ยวอีกสักหน่อย
เลยโทรชวนเพื่อนๆแบบกระทันหัน ในคืนวันที่ 31 ธันวา โดยบอกเพียงว่าจะไปขึ้นเขากัน
และบอกว่าจะไปเลยทันทีในวันที่ 1 มกราคม ของปีใหม่เพื่อนก็ตกใจ และก็ตอบตกลงแบบงงๆ
แถมไปลาก อีกคนมาด้วย = ทริปนี้มีทั้งหมด 3 คนครับ
และผมก็ได้โทรจอง การเดินขึ้นเขา กับเจ้าหน้าที่ นัดกันเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็จะแนะนำว่าควรมาถึงกี่โมง มาอย่างไร
ในส่วนนี้จะมีข้อมูลบอกในเพจ ดอยทูเล นะครับ
พวกผม ไม่มีเต๊นท์ ทางเจ้าหน้าที่ ที่ชื่อ "พี่แจ้" ก็บอกว่า จะจัดการจองไว้ให้ พวกผมขอบพระคุณมากๆ
นี่วิธีการเดินทางไปนะครับ มีทั้งรถส่วนตัว และรถโดยสารประจำทาง
===
*โดย แผน การเดินทาง เราตกลงกันว่า จะไปกันแบบชิวๆ เรื่อยๆ [ไม่ได้วางแผนอะไรมากมายด้วยแหละ]
จึงออกมาคร่าวๆประมาณนี้ครับ
จริงๆมันมีวิธีที่ง่ายกว่านี้ ที่จะไปถึงตัว อำเภอแม่สอด แต่พวกผมอยากนั่งรถไฟไปเรื่อยๆ
เพราะไม่เคยนั่งกันเลยสักคน แล้วเราก็ลุยกันเลย
พวกเรานัดกันที่ สถานีรถไฟหัวลำโพง และซื้อตั๋วเรียบร้อย
นั่งๆนอนๆรอเวลารถไฟออกซึ่งเป็นเวลา ประมาณ สี่ทุ่ม
ระหว่างรถไฟวิ่งๆไป เราก็รับรู้ได้ว่า อืมนะ มันปวดหลังแล้วหละ ฮ่าๆ คนไม่เยอะมาก
เนื่องจากมันเลยปีใหม่มาแล้วและ ขาเดินทางกลับน่าจะเยอะมากกว่า
ตื่นเต้นนอนหลับๆตื่นๆ [จริงๆปวดหลัง] สักพักก็ถึงสถานี นครสวรรค์ ครับ เวลาประมาณตี 2
แต่!! การหารถเข้าแม่สอด ในตอนตี 2 มันไม่มีนี่หนะสิ เป็นเรื่องที่เซอรไพรส์พวกเรา
เพราะไม่มีรถที่จะเข้าไป ขนส่ง เพื่อต่อรถตู้เข้าไปยังแม่สอด
แต่จะมีสองแถวบริการคันแรก ในเวลา ตี 4 แต่อีกสามชั่วโมงกว่าจะถึง เป็นการเดินทางเรื่อยๆจริงๆ
โล่งจริงๆ พวกเราก็เดินเล่นๆ หา 7-11 กินข้าว แล้วก็มานอนที่สถานีรถไฟ
ก็มีคนนอนกันเยอะ เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่นอนในสถานีรถไฟ
พอเวลาตี 4 ก็มีรถสองแถวมาจอด และบีบแตร เรียกคนขึ้น แน่นอนพวกเรารีบวิ่งเลย
แต่ราคาจะตกคนละ 50 บาท ขึ้นมาก็เจอเพื่อนร่วมทางอย่างคุณลุงคนนี้คุยสนุกสนานมากครับ
ถึง ขนส่ง ของ นครสวรรค์แล้ว แต่รถรอบแรก ตั้ง 6.30
พอถึงเวลา รถออก ไม่มีโอกาสได้ถ่ายรูปเลยครับ เพราะว่าเจอโค้งเข้าไป
แทบจะอ้วกเลย ครั้งแรกในชีวิต และคิดในใจว่า ดีนะที่กินข้าวมาน้อย ไม่งั้นพุ่งแน่
พอมาถึงแม่สอด เราก็เดินเล่นๆ ชิวๆ เพราะยังมีเวลา เราขึ้นเขาในวันพรุ่งนี้
อันดับแรกเลย คือหาที่ซุกหัวนอน !! ตามด้วยหาข้าวกิน
เตรียม เสบียง และเดินเล่นในตลาดแม่สอด มีงานเทศการอะไรไม่รู้ แต่ว่าของกินที่นี่อร่อยมาก
หลังจากเสร็จแล้ว เราก็มาจัดของ พร้อมออกเดินทางขึ้นเขาในวันพรุ่งนี้ !!
ตอนก่อนจะนอนเราก็หวั่นๆกันนะครับบอกตามตรง
เพราะว่า มีแต่ใจที่พร้อมอย่างเดียว ร่างกายไม่พร้อมเลย
ตัดพ้อต่างๆนาๆ หรือเราจะกลับดีวะ คงไม่ไหวแน่ๆเลยหวะ
แต่สุดท้ายก็ฮึดสู้ครับ เพราะเราคุยกันว่า อุตส่าผ่านโค้งแทบอ้วกมาได้แล้วต้องไปกันต่อดิ
พวกเราพร้อมแล้ว...มั้งครับ ตื่นเช้านะ แต่เดินวนหารถ และสับสนกับชื่อรถที่มันคล้ายๆกัน
จนทำให้ตกรถรอบแรก!!! โถ่วว จะตัดกำลังกันไปถึงไหน
นี่คือ โฉมหน้ารถที่จะพาเราไปยัง อบต ท่าสองยางครับ เป็นรถรอบ 2 เวลา 7 โมง
*ต้องนั่งรถที่เขียนว่า แม่สอด - แม่สเรียง เท่านั้นนะครับและบอกว่า ลงที่ [บ้านท่าสองยาง อบต ท่าสองยาง]
ไม่ใช่ อำเภอท่าสองยางนะครับ มันห่างกัน 50 กว่ากิโล
ออกเดินทางกันเล้ย
ระหว่างทาง ก็เจอสิ่งที่ตัดกำลังพวกเราอีก ... ก็คือลม และอากาศสุดหนาววว
เพราะเราพบว่า เสื้อที่ใส่มา มันไม่พอ ไม่พอจริงๆ ถ้าขึ้นไปบนดอยคงแย่แน่ๆ
เอาหละสิ กำลังใจหายหดไปอีกแล้ว
ระหว่างทาง สวยมากจริงๆ หมอกลงเต็มไปหมดเลยครับ
และระหว่างโดยสารบนรถ ก็มีทั้งอุบัติเหตุมากมาย ระวังกันด้วยนะครับแต่พอดีไม่ได้ถ่ายรูปไว้
พวกเรา ได้เจอกับพี่คนนึง แกเพิ่งขายมอเตอร์ไซ ก็เลยมานั่งสองแถว
และเล่าเรื่องดอยทูเล ที่กำลังจะไป เพื่อตัดกำลังเราอีก ... แล้ว
ว่า มันหนักนะน้อง คนไปเนี่ยต้องฟิตจริงๆ ไม่งั้นแย่ เคยมีหามลงมาแล้ว
คนไปไม่ไหวเดินกลับก็มี อะไรทำนองนี้อะคับ พวกเราก็ มองหน้ากัน.. โดนตัดกำลังอีกแล้วฮ่าๆ
[คือพี่คนขวานั่นเองครับ] แต่แกเตือนเพราะหวังดีครับ แกถามสุขภาพพวกเรา
ออกกำลังกายบ่อยแค่ไหน เสื้อแบบนี้หนาไม่พอนะ ในตลาดมีขาย ไม่แพง
แต่ชอบประโยคนึงที่แกพูด และผมคิดว่ามันจริงเลยก็คือ
" อยู่ที่นี่อะ เวลามันเดินช้านะ" พี่จะบอกให้ เพราะอากาศดีมีความสุข
แล้วแกก็เล่าชีวิตของแก ก่อนย้ายมาอยู่ที่นี่ ... ยาวไป
จนรถวนมาเข้าหมู่บ้านที่แกอยู่ ซึ่งหมอกลงหนามากกกก สุดยอดจริงๆ
สุดท้ายแกลงตรงนี้ แล้วก็ร่ำราแกบอกว่า ไม่ไหวอย่าฝืน ขอให้โชคดี
ยังไงมาแวะบ้านพี่ได้ยินดีต้อนรับ ทิ้งท้ายแบบนี้อีกนะพี่ ฮ่าๆ
รู้สึกว่าคนที่นี่ใจดีนะ หรือมันคือสีสันของการเดินทาง
นั่งมาสักพัก ก็จะเจอด่านตรวจ ให้เตรียมบัตรประชาชน เขาอาจจะถามเรานิดหน่อย
ว่าไปไหน ทำอะไร และมี บริการห้องน้ำ - กาแฟ ฟรีนะครับ เจ้าหน้าที่ใจดีมากๆ
พร้อมก็ลุยต่อครับ คนเริ่มแน่นแล้ว บางคนก็ต้องโหนไป เพราะนานๆรถมาทีครับ
ถึงตรงนี้ ก็ใกล้จะถึงแล้วครับ บ้านท่าสองยาง อบตท่าสองยางจุดหมายของเรา
และแล้ว...เราก็มาถึงครับ บ้านท่าสองยาง อบต ท่าสองยาง
ใช้เวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง รถขับเร็ว และไม่ค่อยได้แวะครับ
ถึงก็เวลาประมาณเกือบ 10.00 แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ ชื่อ พี่แจ้ บอกว่าให้กินข้าวกันก่อน
ต้องลุยกันอีกยาวไกล และตรงที่นั่งพัก ก็มีดีเจ ตัวน้อยๆเปิดเพลงให้ฟังด้วยแหละ ฮ่าๆ
แถมยังบอกอีกว่า เต๊นท์พี่จองเอาไว้ให้มาแล้วนะ เอาของขึ้นรถได้เลย
ก็คุยกันว่า เดินกันยังไง ไปคลุยก่อน หรือจะไปทูเลก่อน
เราเลือก ขึ้นทูเล - และมาคลุยหลวง - จบที่ม่อนคลุยครับ สูตรปกติครับ
ต้องบอกว่า พี่แจ้ ใจดีกับพวกเรามากๆครับ
หลังจากนั้น พวกเราก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง
ไปยังจุดเริ่มต้น และ จ้างลูกหาบ 1 คน ครับชื่อ พี่บี
ต้องบอกว่าพี่บี สุดยอดมากครับ จะค่อยๆเล่าเรื่องพี่แกนะครับ
ลูกหาบพร้อม ใจพร้อม กาย.. พอได้ หลังจากนั้นเราก็ลุย!!!!
พี่บี นำหน้าเราไปเร็วมากๆ เพราะแกเดินประจำแหละ พวกเราก็ตามไปติดๆเดินไปถ่ายไป
ขึ้นมาสูงนิดนึงละ แดดก็แรง เสื้อกันหนาวที่ใส่ ต้องถอดออกละครับ
ผ่านมาแค่... เนินเล็กๆ สภาพพวกเราก็เป็นอย่างงี้แหละครับ
และนี่คือ โฉมหน้าพี่บี สุดหล่อของพวกเราครับ พี่บีเป็นคนที่พูดภาษาไทยได้คล่องเลยทีเดียว
พวกเราเลยชวนแกคุย ไปเรื่อย เพราะต้องอยู่ในป่าด้วยกันถึงสามวัน
พี่บี เล่าว่า ก่อนจะเปิดเป็นดอยทูเลให้เดินเนี่ย เขาเคยทำงานก่อสร้างอยู่กรุงเทพด้วย
แต่สุดท้ายก็กลับมาบ้าน หาอะไรเล็กๆทำจน ดอยทูเล เปิด ชาวบ้านแถวนี้
ก็ได้มีอาชีพและมีรายได้ขึ้นมา ด้วยการเป็นลูกหาบ พานักท่องเที่ยวเดิน
ถามแกว่า เหนื่อยไหมหนักไหม แกบอก ชินแล้ว ไม่เดิน ก็ไม่มีกิน
คุยกันพอให้หายเหนื่อยครับ ยังมีเวลาทำความรู้จักกันอีกเยอะ
หลังจากนั้น พวกเราก็ลุยกันต่อครับ
เจอป้ายชี้ทางบอก ไป ดอยทูเล ด้วย ลุย!!
รวมถึงป้าย เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน [ที่ตรงนี้จะมีสัญญาอ่อนๆพอโทรได้]
ต้องขอบอกว่าทางเดินนั้นชันมากๆครับ ชันชนิดที่แบบตกใจไม่คิดว่าต้องมาเจอทางแบบนี้
นั่นคือทางที่เราเพิ่งขึ้นมาครับ
เดินมา ซักพักใหญ่ๆ เราก็จะเจอกับจุดพัก ที่มีน้ำจากลำธาร ไว้ใช้ ต้มกาแฟหรืออื่นๆได้
พี่บี ก่อไฟ ต้มกาแฟ แต่ยังไม่มีใครหิว ก็เลยไม่ได้หุงข้าวครับ
เหน็ดเหนื่อย ขอพักซักหน่อย อย่างที่บอกร่างกายอ่อนแอแต่ใจพร้อมฮ่าๆ
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ร่วมเดินทางไปพร้อมกัน