ครั้งแรกกับการผจญภัยสู่ยอดดอย
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าทริปนี้เป็น ทริปเดินป่าครั้งแรกของหลายๆคนในกรุ๊ปเรา ซึ่งที่มีทั้งหมด 15 คน มีทั้งมือใหม่ หัดเดินไปจนถึงนักท่องเที่ยว Adventure ระดับ "โปรเฟสชันเน่า" เตรียมตัวกันมาเป็นเดือนๆ พร๊อพ อุปกรณ์ครบครันอย่างกะจะไปอยู่เป็นเดือน
กฏของการมาเที่ยวครั้งนี้คือ "คุณจะต้องพร้อมที่จะรู้จักเพื่อนใหม่ และไม่ทำตัวเป็นภาระใคร" ถ้าใครทำตามกฏข้อนี้ได้ก้มาร่วมทีมกับพวกเราได้เลยเคอะ!!
แฟชั่นบนดอยเป็นเรื่องสำคัญ ใครว่ามาเที่ยวป่าแล้วเราจะสวยไม่ได้ มีอะไรก็ประโคมใส่มันเข้าไปเคอะ แค่ต้องรับผิดชอบสัมภาระตัวเองให้ได้เท่านั้นพอ
การเดินทาง ค่อนข้าวยาวนานและลำบากพอตัวสำหรับมือใหม่อย่างพวกเรา เริ่มออกเดินทางโดยรถตู้จากกรุงเทพประมาณ สี่ทุ่มของคืนวันศุกร์ ใช้เวลาเดินทางมาถึงหน่วยมูเซอ ประมาณ 12 ชั่วโมง(แวะช้อบปิ้ง เข้าห้องน้ำ เดินซื้ออาหารเช้าที่ตลาดสักนิดส์นึง) ก่อนจะมุ่งหน้ามายังหน่วยมูเซอ อ.อมก๋อย เพื่อเปลี่ยนเป็นรถ FWD ในการขึ้นดอย
จากนั้นก้ทำการเช่าเต๊นท์ และรับลูกหาบไปช่วยพวกเราถือของ (ปกติลูกหาบ 1 คนจะแบกของได้ประมาณ 20-30 กิโล) พวกเราใช้ไป 7 แหะๆ คงจะพอเดาได้นะว่าของเยอะขนาดไหน 555
วันนั้นพวกเราไปถึงหน่วยมูเซอค่อนข้างช้า เต็นท์และถุงนอนที่เค้ามีไว้บริการจึงเหลือน้อยมาก คำแนะนำคือ ควรจะเดินทางไปให้ถึงหน่วยมูเซอให้เช้าที่สุดเพื่อจับจองเต็นท์ เจ้าหน้าที่นำทาง และลูกหาบ
โชคยังเข้าข้างเราที่วันนั้นยังมีลูกหาบเหลือเยอะ แต่เราก้ใช้ไปเต็มจำนวนเลยเคอะ ขนกันมาไม่ได้เกรงใจลูกหาบกันเลยทีเดียว
การเดินทางขึ้นดอยม่อนจองจำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่หน่วยมูเซอขึ้นไปด้วย 1 คนต่อ 1 กรุ๊ป แต่พวกเราเดินทางไปถึงที่หน่วยมูเซอค่อนข้างช้า ด้วยความที่เจ้าหน้าที่มีจำนวนน้อยมาก เราจึงจำเป็นต้องให้ลูกหาบเป็นคนนำทาง
การเดินทางขึ้นดอยด้วยรถ FWD ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
แล้วเดินเท้าเข้าไปต่อที่จุดกางเต็นท์ประมาณ 4 กิโล แต่เนื่องด้วยเส้นทางเป็นการเดินข้ามภูเขาประมาณ 2 ลูก บุกป่าฝ่าดง และที่สำคัญแวะถ่ายรูปไปตลอดทาง พวกเราจึงใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงกว่าจะเดินไปถึงจุดกางเต็นท์
ทางลูกหาบก็จะล่วงหน้าเดินไปจับจองพื้นที่ กางเต็นท์ ตั้งแคมป์ ก่อไฟ และหุงข้าวไว้รอพวกเรา
หลังจากเก็บสัมภาระและพักผ่อนนิดหน่อยแล้ว พวกเราก็รีบออกเดินเท้าต่อไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ยอดดอย หรือจุดสูงสุดของดอยม่อนจอง ที่เรียกกันว่า "หัวสิงห์" ซึ่งห่างจากจุดการเต็นท์ไปประมาณ 1 กิโล(แม้ว) ย้ำว่ากิโลแม้ว...
แต่ธรรมชาติคงจะไม่อนุญาตให้พวกเราพบเจอความสวยงามกันง่ายๆละสินะ ก่อนจะถึงยอดดอย เราจะต้องผ่านเนินวัดใจ ที่มีความชันถึง 70 องศา กว่าจะเดินขึ้นไปถึงก็แทบทำหัวใจหลุดออกจากเบ้า ทั้งชันทั้งหวาดเสียว ส่วนตอนลงนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบจะต้องเอาก้นไถลลงเป็นสไลเดอร์กันเลยทีเดียว
คำเตือน - จำไว้ว่าดอกยางของรองเท้าคุณมีความสำคัญมากจริงๆ!!
แต่เมื่อขึ้นไปถึงบนยอดดอยม่อนจอง ได้เห็นเนินทุ่งหญ้าไล่ระดับความสูงกันเป็นทิวแถว พร้อมด้วยแสงอาทิตย์ที่สาดส่องกระทบกับพื้นหญ้า ค่อยๆคล้อยลาลับจากขอบฟ้า ทำให้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสี Cotton Candy อย่างกับภาพวาดสีน้ำโทนพาสเทล
ภาพเหล่านั้นแทบจะทำให้พวกเราหยุดหายใจ อยากจะหยุดภาพเหล่านั้นไว้นานๆ แถมอากาศในช่วงนั้นเริ่มลดต่ำลงประมาณ 10-12 องศา และลมเย็นๆที่พัดโชยมา ทำให้พวกเราลืมความเหนื่อยยาก ลำบาก หวาดเสียวที่ผ่านมาจนหมดสิ้น สิ่งที่เห็นบนนี้มันสวยจริงๆๆๆ!!
กิจกรรมบนยอดดอยก็คงไม่มีอะไรมาก หากยังไม่เหนื่อยล้าจากการเดินทางอันยาวนาน ก้สามารถเดินเล่นชมวิวพระอาทิตย์ตกได้ตลอดทางไปยังหัวสิงห์ หรือจะเลือกนั่งชิว ชมวิวแบบ Slow life ตามทางบนยอดดอย มันสวยทุกมุมจริงๆ
หลังจากดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างอิ่มเอมแล้ว ก็ถึงเวลาเติมพลังให้กับท้องบ้างละ มีสหายท่านนึงได้กว่าวไว้ว่า "ใครว่าขึ้นดอยแล้วต้องอดอยาก??" ไม่จริ๊งเลย ดังนั้นเมนูดินเนอร์ครัวยอดดอยวันนี้จึงขอนำเสนอ อาหารเหลาชัดๆ...ลาบหมู, ไก่กระเทียม, กะหล่ำทอดน้ำปลา, ต้มยำไก่, และยำหมูยอ นั่นเอง เย้!! (กินดีกว่าตอนอยู่บ้านซะอีก)
ส่วนมื้อเช้าก็ต้มมาม่ากะโจ๊กซองไปกันตามระเบียบ!!
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเดินทางไปตั้งแคมป์บนดอยคือการบริหารจัดการน้ำและอาหาร รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่างๆในการเดินทาง
- น้ำดื่ม คนละ 3 ขวดเล็ก (น้ำขวดใหญ่สำหรับทำอาหารประมาณ 2 แพค และลูกหาบจะไปตักน้ำที่ลำธารมาให้ล้างหน้าแปรงฟันและใช้ส่วนรวม)
- อาหารสดแช่น้ำแข็งมาไม่ให้บูด (แต่ถ้าพกอาหารแห้งมาได้แต่น้ำหนักเบาจะดีกว่า)
ที่สำคัญอย่าลืมทำกับข้าวเผื่อลูกหาบด้วยนะแจ๊ะ จะบอกให้!!
ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งทริปนี้ก็หมดไปประมาณคนละ 2,600 บาท (ค่ารถและน้ำมัน 1,300 ค่าอาหาร 700 ค่าลูกหาบ/เจ้าหน้าที่และค่าเช่าเต็นท์ 600)
ครั้งนึงในชีวิตถ้าได้ลองไปเยือนดินแดนแห่งทุ่งหญ้าสีทองนี้สักครั้ง รับรอบว่าจะประทับใจมิรู้ลืมเลยละ!!