ณ ภูบักได....แล้วคุณจะไม่ลืม "เ ล ย"

สวัสสสสดีจ้าาาา ......  เราขอรีวิวการไปเที่ยว เดินป่าครั้งแรกในชีวิต เลยนะ ซึ่งทริปที่ไปนี้เป็นทริปที่ไม่ได้วางแผนใดใดทั้งสิ้น 
เป็นทริปที่ถือได้ว่า เป็นทริปเร่งด่วน เป็นทริปกระทันหัน เป็นทริปโนแพลนเลยก็ว่าได้ ....อ่ะะะะเพลงมาาาา...

At first I was afraid, I was petrified Kept thinkin’ I could never live without you by my side.....
I Will Survive...ก็มา…......  #เพลงไม่เกี่ยวกับการรีวิวเลยเด้อ 555555555555

วกกลับมาเข้าเรื่องเนาะ...คือออที่ที่จะไปเที่ยวเนี๊ยยยยมีชื่อว่า "ภูบักได" ซึ่งภูบักได ตั้งอยู่ในอำเภอภูเรือ จ.เลย 
สถานที่ท่องเที่ยวนี้จัดทำขึ้นโดยชาวบ้านในพื้นที่ค่ะ  โดยทริปนี้ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงทำให้มีเวลาที่จะต้องติดต่อ
ผู้ใหญ่บ้านเพื่อจองการขึ้นภูให้ได้ในภายในวันที่ติดต่อ  เนื่องจากเราจะต้องเดินทางไป จ.เลย ในเช้าวันต่อมา
และถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โชคดีมากกกๆๆๆๆ เพราะว่าวันนั้นทางผู้ใหญ่และคุณลุงหาบว่างพอดี  จึงทำให้ความฝันในการเดินป่าครั้งแรกของเราสมหวัง...

เอ้า...ลืมบอก...ทริปนี้เป็นทริปของ 2 สาวค่ะ และภูบักไดทั้งภูก็มีนักท่องเที่ยวแค่ 2 สาวนี้ค่ะ 55555555 ....อะไรจะเริ่ดเลอขนาดนั้นนน
สกิลการพล่ามของเรายังเหมือนเดิม....ว่าแล้วเราก็ไปเที่ยวกันเลยดีกว่าเน๊อะ

Let's Go โลดดดดดด

....วินาที่แรกที่เห็นพาหนะที่จะเดินทางนั้น....เรามีความนิ่งไป 3 วิ ....นิ่งเพราะชอบค่ะ... ตื่นเต้นดี  เนื่องจากเราไม่รู้หรอกว่า
ก่อนการขึ้นภูจะต้องเดินทางไปยังไง เพราะไม่ได้ศึกษามาเลยสักนิดเดียว  เราทำแค่ยกหูโทรศัพท์ถึงเพื่อนร่วมทริปว่า 

                        "เจ๊ ....อยากเที่ยวจังหวัดเลย  จัดมาให้หน่อย"

                 เท่านั้นแหละจ้า...เจ๊จัดดดดดมาเลย  เริ่ดเลอตรงนี้ 

การขึ้นภูจะต้องนั่งรถอิแต๋นขึ้นไป ใช้ระยะเวลาในการนั่งกินลมชมวิว 1 ชั่วโมงครึ่ง(ถ้าจำไม่ผิดนะคะ) ซึ่งตลอด 2 ข้างทางที่ได้นั่งรถอิแต๋นนั้น....
มีความฟินระดับล้านค่ะ  เพราะวิวข้างทางดีมากกกกก  ประทับใจมาก ซึ่งเราเก็บความประทับใจไว้ตลอดเส้นทาง

พอนั่งรถมาได้สักพัก กินลมชมวิวพอแล้ว..และความสบาย...ก็จบลงตรงนี้ค่ะ...พอถึงสุดทางคุณลุงผู้ใหญ่และคุณลุงหาบก็จอดรถอิเเต๋น และแจ้งว่า

     " ถึงเวลาเดินขึ้นภูแล้วล่ะหนู.....หมดเวลาสบายละนะ ..."

และคุณลุงทั้งสองก็ขมักเขม้นจัดแต่งของเพิ่อการเดินขึ้นภูค่ะ ....เราเห็นแค่จุดเริ่มต้นเดินความสวยของวิวยังขนาดนี้... 
เราไม่อยากจะคิดเลยว่าวิวข้างบนภูบักไดจะสวยงามมากขนาดไหน...เริ่มเดินกันโลดดดดดดด

เดินช่วงแรกคุณลุงบอกว่าเป็นทางชัน ซึ่งระยะทางประมาณ 300-400 เมตร ซึ่ง......เราถือว่ามันไกลสำหรับเราในครั้งรกที่เดินป่า
แบบไม่ได้เตรียมตัวมาเลย  ระยะทางแค่นี้ทำเอาเราต้องนั่งพัก  ดมยาดมกันปรื๊ดดดปรืดเลยทีเดียว

เมื่อเดินไปถึงครึ่งทางและทางเริ่มเป็นทางราบบนภู ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณบ่ายกว่าๆค่ะ  ทางคุณลุงผู้ใหญ่และคุณคุณลุงหาบก็ได้หยุดพัก
และเตรียมของออกมาเพื่อทำอาหาร   มีพวกครก สาก และกระติบข้าวเหนียว เราเลยถามไปว่า 
คุณลุงจะทำอะไรกินคะ   คำตอบของคุณลุงดังสวรรค์โปรดเลยค่ะ…
                                                              
       "...ลุงจะตำส้มตำให้กิน..."

โฮฮฮฮฮออ ...น้ำตาจะไหล ...ร้อนๆแบบนี้ เหนื่อยๆแบบนี้ ได้ส้มตำแซ่บๆเผ็ดๆสักครกคงจะดีไม่น้อยยย 

และด้วยความเหนื่อย เราก็นั่งกับพื้นหญ้านั่นแหละค่ะ นั่งพัก...พอนั่งได้แป๊บๆ ก็มีความรู้สึกว่า  คันๆหลัง..เอ๊ะคันจัง เหมือนมีอะไรไต่ๆๆกลางหลัง
ด้วยพฤติกรรมมนุษย์...จึงไปแตะหลังส่วนนั้นและจับๆดู...ปรากฏว่าเป็น.....ทาก...ทากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกดูดเลื๊อดดดดด
โอ๊ยยยยยยยยยยยยย....ขอบ้าตายเลยได้มั้ยยยยย ตอนนั้นสมองตื้อค่ะ คิดอะไรไม่ออก โดดโหยงๆเหยงๆ และกรี๊ดลั่นภูบักไดเลย55555555555555
ความชุลมุนก็เกิดขึ้น ทั้งโดด ทั้งกรี๊ด น้ำตาจะไหล โชคดีที่พี่สาวเอาออกให้ 555555555 ตอนนั้นทั้งขำทั้งจะร้องไห้ มันเป็นโมเม้นต์ที่ตลกตัวเองมาก

     ตั้งแต่นั้นมา..การที่จะนั่งบนพื้นหญ้า เอากายเอนนอนลงบนพื้นหญ้ารับอากาศที่บริสุทธิ์.....ก็ไม่มีอีกเลย..

หลังจากกินอิ่ม และพักผ่อนเพียงพอแล้ว คุณลุงผู้ใหญ่ก็พาเดินออกนอกเส้นทางนิดหน่อย เพื่อไปชมดอกไม้ป่า 
และจุดชมวิวด้านหลังภูบักไดค่ะ  ซึ่งทางเดินก็จะต้องเดินเลียบเขาที่มองลงไปเป็นเหวค่ะ ก็จะมีความฟินหน่อยๆ 
ตัวหวิวๆค่ะ แต่ทางเดินก็ไม่ได้น่ากลัวมากนะคะ นอกจากเดินขอบเหวแล้ว ก็มีเดินเข้าไปในป่าชื้นนิดนึงค่ะ 
ซี่งระหว่างทางที่เดิน คุณลุงผู้ใหญ่แกก็จะบอกตลอดว่า

    "..ทากเยอะนะหนู ทางนี้จะชื้นนิดนึง เวลาเดินให้สับเท้าเร็วๆ ทากจะเกาะไม่ทัน.."

ระหว่าก้มดูทางเดินและเดินแบบใจจดจ่อ ทากก็มีเยอะให้เห็นเต็มๆตาตลอดทางดีค่ะ ตื่นเต้นดีมากเลย 55555
แต่เพื่อจุดชมวิวที่คุณลุงผู้ใหญ่บอกว่าสวยนั้น เราก็ต้องใจแข็งเข้าไว้ค่ะ      วิวที่ได้ก็จะเป็นวิวส้นทางที่เราได้นั่งรถอิแต๋นมาค่ะ 

 

ป่ะค่ะ...เราเดินกันต่อเถอะ เดี๋ยวจะมืดเอาซะก่อน...เมื่อเดินออกนอกเส้นทางนิดหน่อยเราก็ย้อนกลับมาเส้นทางเดิมค่ะ
เพื่อมุ่งหน้าขึ้นไปบนยอดภูบักได ... ทางเดินขึ้นไปจุดกางเต๊นท์นั้น บรรยากาศระหว่างทางดีมากค่ะ
ชื่นชมเดินเรื่อยๆก็ไม่เหนื่อยดีนะคะ ซึ่งเราก็จะสามารถเห็นรอยเท้าสัตว์มาตลอดทาง คุณลุงผู้ใหญ่เล่าว่า
จะมีรอยเท้าควายป่า หรือวัว กวาง และ..ช้างป่าค่ะ  คุณลุงผู้ใหญ่เล่าว่า ช้างป่ามีเยอะนะ เนี่ยรอยเท้ายังสดๆอยู่เลย...

พอได้ฟังก็รู้สึกนะคะว่า ...กลัว ...เราก็มีอาการกลัวบ้างค่ะ  เพราะเรากลัวเขาตกใจเราและเราก็ตกใจเขา กลัวอันตรายค่ะ
แต่ถือว่าทริปนี้ปลอดภัยดีนะคะ ไม่มีอันตรายใดใด  แถมเหมือนได้ไปชาร์ตแบตพลังชีวิตเพื่อที่จะกลับมาทำงานที่เมืองกรุงอีกครั้งค่ะ

เดินสักพัก เราก็ถึงจุดกางเต๊นท์ละค่ะ เนื่องจากบนภูบักไดมีนักท่องเที่ยวแค่ 2 สาว และคุณลุงสองคน 
ทำให้เราสามารถเลือกจุดกางเต๊นท์ได้เลยค่ะ ว่าจะกางตรงจุดไหน แต่เนื่องจากเราไปช่วงหน้าร้อนจะเข้าหน้าฝน 
ทำให้วันนั้นอากาศเหมือนฝนจะตกตลอดการเดินป่า และลมค่อนข้างแรง คุณลุงผู้ใหญ่เลยแนะนำให้ไปกางเต๊นท์จุดที่บังลมหน่อยๆ

จากนั้นเราก็ไปดูพระอาทิตย์ตกค่ะ....กิจกรรมบนภูบักได ก็จะมี การดูพระอาทิตย์ตก ถ่ายรูป และก็ทานอาหารค่ะ
ซึ่งทริปนี้คุณลุงผู้ใหญ่บอกว่ามีแค่หนู2คน เดี๋ยวลุงทำอาหารเผื่อเลยละกัน ซึ่งเราประทับใจมากเลย
และเราทั้งสองแทบไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารการกินเลย คุณลุงแกจัดการให้หมดเลยค่ะ เราก็เลยได้ชมบรรยากาศยอดภูบักไดได้
เต็มอิ่มมากๆๆๆๆๆ

 

บนยอดภูบักไดที่มีแค่นักท่องเที่ยว 2 คน คือมันฟินมากๆค่ะ บรรยากาศหลักล้านจริงๆ อากาศดีมาก 
วิวก็เริ่ด  .....ทุกอย่างเพอร์เฟคค่ะ
เมื่อชมบรรยากาศและถ่ายรูปเต็มที่แล้ว เราก็กลับเข้ามาที่เต๊นส์เพื่อทานอาหารและนอนพักผ่อนต่อไป Zzzz


เช้านี้ที่ภูบักได

บรรยากาศยามเช้าที่แสนสดใส อากาศดีดี มันช่างเป็นการชาร์ตแบตที่เริ่ดเลอมาก เช้านี้เราก็ฝากท้องกับคุณลุงทั้งสองอีกครั้ง
คุณลุงแกดูแลดีมากกกกกก ประทับใจตรงนี้จริงๆ รับรู้ได้ถึงความใส่ใจในนักท่องเที่ยวจริงๆค่ะ 
หลังจากถ่ายรูปเรียบร้อย เก็บของเรียบร้อย เราก็เดินทางกลับค่ะ จบทริปได้ศิวิไลมาก ประทับใจในหลายๆอย่าง 

**รูปที่ถ่ายนี้เป็นรูปจากกล้องของเราทั้งสองคนค่ะ  ปนๆกันไป(ส่วนใหญ่จะเป็นรูปจากพี่มากกว่า  แฮ่..) 

**ขอบคุณเจ๊ที่พาไปนะคะ ขอบคุณที่บ้าไปด้วยกันค่ะ **



                          ณ ภูบักได....แล้วคุณจะไม่ลืม "เ ล ย"