แม่กำปอง สองล้อ กับ สองเรา
สวัสดีครับนี่คือการเขียนรีวิวครั้งแรกของเรา
ก่อนอื่นเราขอแนะนำตัวก่อน เราชื่อ บอล ใครๆคิดว่าเราเป็นช่างภาพ แต่ที่จริงๆเราเป็น Free lance ทำเกี่ยวกับงาน Production เราทำทุกตำแหน่งเรียกง่ายๆว่า GB เอาหล่ะได้รู้จักกันพอสมควรแล้ว เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราขอเริ่มการเดินทางของเราเลย....
การเดินทางมาแม่กำปองครั้งนี้เกิดจากการชักชวนจาก รุ่นพี่ที่เคยทำรายการทีวีด้วยกัน ชวนเรามาแม่กำปองหลายครั้ง แต่ทริปนี้ก็ถูกดองไว้เพราะเวลาไม่ตรงกันสักที จนเมื่อเวลาเหมาะเจาะ ทริปแม่กำปอง ที่ดองไว้ จึงเกิดขึ้น...
หมู่บ้านแม่กำปอง เรืองแสง แรงสุข แห่งนี้ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ประมาณ100 หลังคาเรือน ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นพื้นที่สีเขียว และมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี
การเดินทาง
เราออกเดินทางจาก กรุงเทพ มาถึง เชียงใหม่ โดยสายการบิน Lion Air ราคาค่าตั๋วไปกลับประมาณ 1,950 บาท พอมาถึงเชียงใหม่ เราก็ได้หยิบยืมรถมอเตอร์ไซค์จากรุ่นพี่ที่เป็นอาจารย์ อยู่ มช พี่เขาก็ใจดีให้เรายืมโดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรถเขาต่อจากนี้
เราขับมอเตอร์ไซค์จากตัวเมืองเชียงใหม่มุ่งหน้าแม่กำปอง โดยใช้เส้นทาง ช้างคลาน-แม่ออน ขับเพลินๆ แวะถ่ายรูป2ข้างทางมาเรื่อยๆจนมาถึงแม่กำปอง ประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ระยะทางคร่าวๆประมาณ60-70 กิโล (ถ้าใครจะขับมอเตอร์ไซค์แนะนำว่าให้ออกแต่เช้าเพราะถนนเส้นแม่ออนต้นไม้น้อยและแดดแรงมาก ถ้าไม่อินดี้หรืออยากอาบแดดจริงๆควรอย่าออกสาย)
2 ข้างทางก่อนถึงแม่กำปอง
เป็นถนนคอนกรีต ตลอดเส้นทาง เดินทางค่อนข้างสะดวก
สาระสักนิด
ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก ตำบลห้วยแก้ว กิ่งอำเภอแม่ออน เป็นอีกหนึ่งศูนย์ฯ ที่เกิดจากน้ำพระทัยและ พระวิสัยทัศน์ อันกว้างไกลขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ประมาณ 300,000 บาท สำหรับ ก่อสร้างศูนย์พัฒนาโครงการหลวงตีนตก เพื่อเป็นแหล่งพัฒนา สาธิต และส่งเสริมการเพาะเห็ดหอม และกาแฟให้เป็นอาชีพเสริมให้แก่ ราษฎรนอกเหนือจากการปลูกเมี่ยง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรมีรายได้เสริมนอกจากการปลูกเมี่ยง พัฒนาปัจจัยพื้นฐาน และคุณภาพชีวิตร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสนับสนุนงานทดลอง สาธิต และวิจัยรวมทั้งอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย โดยศูนย์ฯแห่งนี้ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลระหว่าง 700-1,200 เมตร เป็นพื้นที่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ครอบคลุมพื้นที่ 4 หมู่บ้าน
กลับมาเดินทางต่อ เราขับมอเตอร์ไซค์จากโครงการหลวงตีนตกมาสักพักใหญ่ๆ ขับกันจนก้น เริ่มชา (ถ้าก้นเริ่มชาแสดงว่าใกล้ถึงและ) ภาพแรกที่เราจะได้เห็นเมื่อมาถึงแม่กำปองคือ!!!! ป้ายไง ป้ายหมู่บ้าน
ป้ายทางเข้าเขตบ้านแม่กำปอง
ป้ายนี้จะอยู่ทางหัวโค้ง ถ้าจอดรถถ่ายรูปต้องคอยระมัดระวังรถที่เข้าโค้งมาเพราะเขาจะไม่เห็น หากคุณยืนบนถนน
ปล.จะอินดี้ถ่ายมุมนี้ต้องดูรถ
ย้ำต้องดูรถ
บรรยกาศภายในหมู่บ้านแม่กำปอง
(ดูรูปเอาเนอะ ดูบรรยากาศ เรารู้เขียนเยอะไม่ไปค่อยอ่านกันหรอก เพราะเราก็เป็น)ที่แม่กำปอง สินค้าที่ได้รับความนิยม ใบชา และกาแฟ ที่นี่มีตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก ตลอดจนการแปรรูป เช่น หมอนใบชา
เราเลือกพักที่ บ้านอิงดอย
บ้านอิงดอย เป็นบ้านพักเปิดใหม่ประมาณ8เดือน ราคาที่พัก 450 บาทต่อคน / คืน
พี่ที่ดูแลที่พักชื่อพี่วุฒ พี่วุฒน่ารักมากๆครับ จะคอยให้ความรู้และแนะนำสถานที่เที่ยวในแม่กำปองและที่ใกล้เคียงให้เราที่พักของเรา ตกคืนละ450/คน ไม่รวมอาหาร ที่พักสะอาดมาก ถ้าใครสนใจนอนเต็นท์ ที่นี่มีเต้นท์และเครื่องนอนจัดเตรียมไว้ให้ ราคา200บาทต่อคนต่อคืน
พี่วุฒ. กำลังคัดเลือกเมล็ดกาแฟ ถ้าใครจะสอบถามที่เที่ยวในแม่กำปองถามพี่วุฒได้ครับ พี่เขาจะนิ่งๆหน่อยแต่เขาใจดี
หลังจากที่เราเข้าที่พักเก็บกระเป๋า ล้างหน้าล้างตา เรากับรุ่นพี่ก็ออกแว้นกันต่อ พี่วุฒบอกไปลองชิมน้ำตกสิเจ้านี้อร่อยและเราก็แวะมาชิม ตามคำบอกเล่าของพี่วุฒ
แวะชิมน้ำตก จนอิ่มท้อง โดนอากาศเย็นๆ เสียงน้ำไหล ตาเริ่มย้อยเพราะความชิล ไม่ได้การเราต้องหาคาเฟอีนเข้าร่างกายสักหน่อย เราเลือกมาร้านนี้ วิวดีกาแฟอร่อย
ร้านชมนก ชมไม้ (บาเรสต้าชื่อพี่บี้ หนุ่มอินดี้ นิสัยดี ที่แอบหลงรักแม่กำปองสุดหัวใจ)
วิวนี้คงไม่ต้องอธิบายมากคงเห็นกันเยอะจาก รายการทีวี และ mv หลายๆตัว (ไหนๆก็พูดแล้วขอฝากไว้หน่อย คนรายการทีวีทั้งหลาย ถ้าจะมาถ่ายกรุณาเขียนจดหมายขอสถานที่ด้วย อย่าทำตัวมักง่าย แบกกล้องเข้ามาเนียรๆถ่าย มืออาชีพเขาไม่ทำกัน ที่พูดเพราะมันเสียกันหมด เข้าใจนะ)
เรานั่งร้านชมนกชมไม้สักพักนึง เราก็ได้พบกับน้อง ผู้หญิงผู้ชายคู่หนึ่ง คุยกันไปคุยกันมาได้ทราบชื่อของน้องทั้ง2 คือน้องต่อยและน้องบิว ทั้งคู่เป็นแฟนกัน อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทั้งคู่ขึ้นมาเที่ยว แต่ที่พีคไปกว่านั้น ที่นี่คือ เดทแรกของเขาทั้งสอง คลาสสิคมาก เราได้ชักชวนน้องทั้ง2 ขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกกัน และน้องทั้ง2ก็ไปกับเรา มิตรภาพมักเกิดขึ้นพร้อมการเดินทางเสมอ
จุดชมพระอาทิตย์ตกกิ่วฝิ่น
จุดนี้ทางขึ้นชันมากจนรถมอเตอร์ไซค์ที่เราขับมาเบรคแตก ใครจะขับมอเตอร์ไซค์มาโปรดระมัดระวังด้วยเพราะจุดนี้มีรถเบรคแตกหลายครั้ง
จุดชมพระอาทิตย์ตกกิ่วฝิ่นเดินจากจุดกางเต็นท์.
ประมาณ1กิโลเมตร จุดชมวิวนี้ค่อนข้างหายาก เพราะอยู่ตรงเชิงผา
เดินเรื่อยๆอย่าถอดใจเดี๋ยวเจอเอง (จุดสังเกตุคือหน้าผาและลานหิน )
ร้านที่เราบังเอิญเจอเป็นร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ มองเข้าไปในร้านเราจะพบกับแม่ค้ารูปร่างอวบแบบน่ารัก คนที่นั่นเรียกเธอว่าพี่เก๋ คนสวย พี่เก๋เป็นคนอีสานที่ทำอาหารเหนืออร่อยมาก อร่อยทุกอย่าง ราคาถูก ขั้นต่ำ40 บาท ถ้าใครมาอยากลองชิมและทักทาย ถามหาร้านแม่สม แม่ครัวชื่อพี่เก๋ (คนสวย ย้ำว่าต้องคนสวยต่อท้าย รับรองคุณจะได้ข้าวปริมาณ 2 คนกินใน 1จาน)
ในรูปคือ พี่เก๋ คนสวย
มื้อนี้140 บาท ทาน2 คน
หลังจากกินข้าวเสร็จเราก็เข้าห้อง อาบน้ำพัผ่อนรอเวลา ที่จะออกล่าช้างกัน
รอจนถึงประมาณตี2
หมู่บ้านเรืองแสง แรงสุข หมู่บ้านบ้านเล็กๆที่แข็งแรงในอัตลักษณ์และจุดยืน ของการอนุรักษ์ธรรมชาติไว้เพื่อลูกเพื่อหลาน เพื่อคนรุ่นหลังต่อไป
ขอบพระคุณมากๆครับที่ติดตามการเดินทางครั้งนี้
(ปล.ชาวบ้านพื้นถิ่นช่วยกันอนุรักษ์ ฉะนั้นเราอย่าเที่ยวเพื่อทำลาย)